‘GPSC’ กำไรไตรมาส 3/67 ‘ไม่เด่น’ แต่ทำไมเป็นโอกาสลงทุน
The Bangkok Insight
อัพเดต 14 พ.ย. 2567 เวลา 04.56 น. • เผยแพร่ 14 พ.ย. 2567 เวลา 04.56 น. • The Bangkok Insight"GPSC" กำไรไตรมาส 3/2567 "ไม่เด่น" แต่ทำไมเป็นโอกาสการลงทุนเพราะเหตุใด?
หุ้นแกนนำในธุรกิจพลังงานของกลุ่มปตท. (PTT) อย่างบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC รายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 3 ปี 2567 มีรายได้ทั้งสิ้น 20,912 ล้านบาท โดยคิดเป็นกำไรสุทธิ 770 ล้านบาท ปรับตัวลดลง 46% เมื่อเทียบกับไตรมาส ก่อนหน้า และปรับตัวลดลง 57% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
กำไรที่ชะลอลงของ GPSC เนื่องมาจากเป็นช่วงฤดูฝน ทำให้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าน้อยลงกว่าช่วงฤดูร้อน ประกอบกับโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) หยุดซ่อมบำรุงตามแผน รวมทั้งเจอผลกระทบของค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้การแปลงค่าลูกหนี้สัญญาเช่าทางการเงิน (อ้างอิงกับดอลลาร์ ) ลดลง และเกิดขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนยังไม่เกิดขึ้นจริง
สำหรับส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าเพิ่มขึ้น จากโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี (XPCL) มีผลประกอบการดีขึ้นตามปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นตามปริมาณน้ำที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามฤดูกาล แม้ว่ามีการหยุดการผลิตชั่วคราว 17 วัน สาเหตุจากความแตกต่างของระดับน้ำด้านเหนือและท้ายโรงไฟฟ้าลดน้อยลงอย่างมาก
จะเห็นว่า GPSC ต้องเผชิญปัจจัยลบที่ไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นอัตราแลกเปลี่ยน และภัยธรรมชาติ แต่บริษัทยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งทางด้านภาคการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ รวมทั้งการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ยังแข็งแกร่ง เพื่อรองรับการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจในระยะยาว
กำไรไม่เด่น แต่เป็นไปตามคาด
บล.หยวนต้า ระบุว่างบไตรมาส 3/2567 ของ GPSC ไม่โดดเด่นแต่เป็นไปตามตลาดคาด ถือว่าไม่เซอร์ไพร์ส เพราะสอดคล้องกับมุมมองนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ และหากหักผลกระทบจากรายการที่เกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 258 ล้านบาท และค่าตัดจำหน่ายมูลค่ายุติธรรมจากการเข้าซื้อ GLOW จำนวน 441 ล้านบาท จะทำให้กำไรปกติอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/2567 เบื้องต้นคาดเติบโตจากปีก่อน เพราะการออกจาก Low Season ของโครงการ Avaada และการเริ่มทยอยรับรู้รายได้ค่าไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้าลมใต้หวัน(CFXD) จะถูกชดเชยด้วยปริมาณน้ำที่ลดลงหลังผ่าน High Season ของโครงการไซยะบุรี
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นไตรมาส 4 จะเห็นว่าราคาหุ้น GPSC ลดลง 16% ถือว่าสะท้อนทิศทางงบไตรมาส 3 ที่อ่อนแอไปแล้ว ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER 19.9 เท่า (-1.2 SD) และ Upside Gain เปิดกว้าง 24% ทางพื้นฐานจึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น“ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 50 บาทต่อหุ้น
ดังนั้น นักลงทุนอาจใช้กลยุทธ์ทยอยสะสมในช่วงที่ราคาหุ้นอ่อนตัว หรือรอปัจจัยบวกจาก Bond Yield ลดลงก่อนเข้าลงทุน
ช้อนซื้อในวันที่ผลประกอบการออกมาแย่
บล.บัวหลวง มองว่า แม้ผลประกอบการไตรมาส 3/2567 อ่อนแอ แต่ยังคงราคาเป้าหมาย GPSC ตามเดิม เนื่องจากประมาณการกำไรระยะยาวยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และการที่ราคาหุ้น GPSC ปรับตัวลดลงมาเยอะ ทำให้เล็งเห็นปัจจัยเชิงบวกในระยะสั้นหลายประการ ซึ่งรวมถึงแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/2567 ที่ดี และผลบวกเชิงจิตวิทยาจากการประกาศค่า Ft สำหรับรอบบิลเดือนมกราคม-เมษายน ซึ่งจะหนุนหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP
ดังนั้น จึงปรับเพิ่มคำแนะหุ้น GPSC จาก "ถือ" เป็น "ซื้อเก็งกำไร” ให้ราคาเป้าหมายที่ระดับ 54 บาทต่อหุ้น ถือเป็นโอกาสเข้าลงทุนในจังหวะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมาน่าสนใจ
บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ คงคําแนะนํา Outperform สําหรับ GPSC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 60 บาทต่อหุ้น เนื่องจากคาดว่าบริษัทจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มลดลง รวมทั้งโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เฟส 2 และแผน PDP 2024 ตลอดจนส่วนแบ่งกําไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่สําคัญอยู่ที่ต้นทุนเชื้อเพลิงที่อาจสูงกว่าคาด การเลื่อนปรับค่า Ft ผลตอบแทนจากโครงการลงทุนใหม่ตํ่ากว่าคาด และการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อัปเดตมุมมองนักวิเคราะห์ต่อหุ้นโรงไฟ้า 'GPSC'
- 'GPSC' เก็บกำไร 864 ล้านบาท รุกขยายกำลังการผลิต
- เช็กมูลค่าหุ้น 'GPSC' อยู่ในโซนน่าลงทุนอีกหรือไม่
ติดตามเราได้ที่