‘ก้าวตามรอยพระบรมศาสดา’ มิชชั่น‘ผ่าตัดข้อเข่า’ ช่วยผู้ป่วยที่ศรีลังกา
การมอบความรักแก่มนุษยชาติช่วยเหลือผู้ป่วย “Love for Humanity by Siriraj @ Sri Lanka” ที่ผ่านมาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลจัดงานแถลงข่าว โดย ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย พระราชภาวนาวชิรากร เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย จังหวัดอุดรธานี พระราชวชิรธรรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานีพระพรหมศากยวงศ์วิสุทธิ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เจ้าคณะภาค 6-7 ธรรมยุต คุณไพฑูรย์ มหาพัณณาภรณ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำศรีลังกา Mrs.E.A.S Wijayanthi Edirisinghe เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาประจำประเทศไทย และ ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลเข้าร่วม
“Love for Humanity by Siriraj @ Sri Lanka – ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเทียมให้ผู้ป่วยด้อยโอกาสและถ่ายทอดวิชาการด้านการแพทย์” ณ ประเทศศรีลังกา ในโครงการก้าวตามรอยพระบรมศาสดาครั้งนี้ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 70 พรรษา และเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พร้อมกันนี้ฉลองครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 70 ปี ไทย-ศรีลังกา
ก้าวตามรอยพระบรมศาสดาที่ประเทศศรีลังกาครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 โดยโครงการฯเริ่มขึ้นครั้งแรกในปี2566 ที่ประเทศเนปาล และดำเนินต่อเนื่องในปี 2567 ที่ประเทศภูฏาน โดยโครงการฯ ผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมช่วยเหลือผู้ป่วยให้มีโอกาสเข้ารับการรักษาและสามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง และจากการเดินทางไปยังได้ส่งต่อองค์ความรู้ด้านการแพทย์เพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขที่ยั่งยืน
จากผลสำเร็จที่ผ่านมา ศ.นพ.อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ได้กล่าวถึงการสนับสนุน ภารกิจครั้งใหม่ที่เป็นเหมือนสะพานเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและศรีลังกา และนับเป็นโอกาสอันดีที่จะเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตของทั้ง 2 ประเทศอีกด้วย
“การทำงานครั้งนี้มีความต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ช่วยเหลือผู้ป่วย 79 ราย 100 ข้อได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กลับมาใช้ได้ตามปรกติ นำความชำนานความเชี่ยวชาญจากศิริราชช่วยเหลือ ส่งต่อไปยังประชาชนผู้ป่วยศรีลังกา ส่งเสริมสัมพันธไมตรีระหว่างกัน ด้วยเป็นปีที่ครบรอบ 70 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย และเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางศาสตร์ที่มีต่อกันมายาวนาน”
ทางด้าน คุณไพฑูรย์ มหาพัณณาภรณ์ เอกอัครราชทูตไทยประจำศรีลังกา กล่าวเพิ่มโดยเล่าถึง โครงการผ่าตัดข้อเข่าครั้งนี้ เกิดขึ้นภายใต้กรอบความร่วมมือทางการทูตอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ด้วยการบูรณาการและความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโคลัมโบ กระทรวงการต่างประเทศ และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งสะท้อนถึงการดำเนินการทาง “การทูตศาสนา” และ “การทูตสาธารณสุข” ของไทยที่มีต่อศรีลังกาด้วยพลังขับเคลื่อนของศาสนา การแพทย์ และการทูต ที่สานต่อเจตนารมณ์ทางศาสนาในการนำพลังแห่งมนุษยธรรม มาสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมให้แก่มวลมนุษยชาติ และเน้นย้ำบทบาทและศักยภาพด้านการแพทย์ของไทยในระดับสากลในการแบ่งปันองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์แก่ประเทศต่าง ๆ
ทั้งนี้ในช่วงปี 2565 ประเทศศรีลังกาต้องเผชิญภาวะวิกฤติเศรษฐกิจซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อประชาชนทุกภาคส่วน ไม่เว้นแม้แต่ระบบสาธารณสุขของประเทศ ส่งผลให้โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วประเทศประสบปัญหาขาดแคลนทรัพยากรทางการแพทย์ ผู้ป่วยจำนวนมากโดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมจึงจำเป็นต้องชะลอการรักษาออกไป ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิต ความสามารถในการดำรงชีวิต
ในการเดินทางไปครั้งนี้ ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เป็นผู้นำทีมแพทย์จิตอาสาเดินทางไปผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าให้แก่ผู้ป่วยที่โรงพยาบาลแห่งชาติแคนดี ประเทศศรีลังกา โดยกล่าวว่า จากที่เห็นถึงความยากลำบากของผู้ป่วย โดยมีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยกว่า 800-1,000 คนที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม แต่ผู้ป่วยจำเป็นต้องรอการจัดสรรงบประมาณซึ่งใช้เวลานานกว่าหนึ่งปี ทำให้ผู้ป่วยมีอาการทรุดลงเรื่อย ๆ จนบางรายไม่สามารถเดินได้ตามปกติ
“ทีมแพทย์จิตอาสามีความตั้งใจเพิ่มโอกาสในการรักษาให้กับผู้ป่วยในพื้นที่นี้ จากเดิมกำหนดผ่าเพียง 70 ราย 84 ข้อ ปัจจุบันเป็น 79 ราย 100 ข้อ ภายใต้ระยะเวลาการปฏิบัติภารกิจเพียง 3 วัน โดยการเดินทางมีขึ้นในระหว่างวันที่ 15–21 พฤศจิกายนนี้ ไปพร้อมทีมแพทย์จิตอาสาและบุคลากรทางการแพทย์จำนวน 37 คน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของทีมแพทย์”
ในภารกิจครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก พระราชภาวนาวชิรากร (หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก) เจ้าอาวาสวัดป่านาคำน้อย พระราชวชิรธรรมาจารย์ (หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด และ พระพรหมศากยวงศ์วิสุทธิ์ (หลวงพ่ออนิลมาน ธมฺมสากิโย) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร เจ้าคณะภาค 6-7 ธรรมยุต เพื่อให้โครงการฯ นี้สำเร็จ ภายใต้เจตนารมณ์แห่งความเมตตาและและมิตรภาพอันแน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงพลังในการร่วมมือทางการแพทย์ที่ก้าวข้ามพรมแดน
หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศ.นพ.กีรติ เล่าเพิ่มถึงภารกิจครั้งนี้อีกว่า จากโครงการเล็กๆ ถึงวันนี้ก้าวสู่โครงการระหว่างประเทศ เป็นโครงการรวมพลังกันของชาวศิริราชทุกภาคส่วน ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์อาจเป็นส่วนนำส่วนที่เชิญชวน แต่อย่างไรแล้วได้รับความร่วมมือจากทุกส่วน โดยสถานที่ที่จะเดินทางไปคือเมืองแดนดี เมือที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว โดยอยู่ห่างจากเมืองหลวงโคลัมโบ เดินทางไปราว 4 ชั่วโมง
“โครงการก้าวตามรอยพระบรมศาสดา เราเผยแพร่ความเมตตาผ่านทางการแพทย์ ทุกภารกิจจะไปยังที่ที่ขาดแคลน โดยที่นี่ในภารกิจครั้งนี้ ที่เดินทางไป ก็มีความขาดแคลน ไม่มีงบประมาณการผ่าตัด ผู้ที่ต้องการใช้ทรัพยากรในการดูแลรักษาสูงจึงไม่ได้รับโอกาส”
ศ.นพ.กีรติ เพิ่มเติมอีกว่า ระยะทางอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเรา เราไปเพื่อช่วยเหลือผู้ที่รอคอย โดยพาทีมไปทำหน้าที่ในด้านการการแพทย์ ให้การผ่าตัดกับผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานความปลอดภัยที่สุด
โรงพยาบาลแห่งชาติแคนดีเป็นโรงพยาบาลอันดับสองของโคลัมโบ มีสองพันเจ็บร้อยเตียง เรียกว่าน้องๆ ศิริราชก็ว่าได้ จะน้อยกว่าก็เพียงไม่กี่เตียง โดยที่โรงพยาบาลมีหมอกระดูกไม่มากและทำงานหนักมาก ก่อนถึงภารกิจ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด ทีมจึงเดินทางไปพบกับสถานที่และบุคลากรที่จะทำงานร่วม
“การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าที่ศรีลังกาในครั้งแรกจะผ่าตัด 70 ราย แต่จากการประชุมและพบข้อมูลมีคนไข้ที่รอคอยมากกว่านี้มาก จึงต้องเดินทางไปอีกครั้งเพื่อร่วมคัดกรองผู้ป่วย โดยสรุปคัดกรอง 79 ราย โดยมีระยะเวลาผ่าตัด 3 วัน ที่ผ่านมาจึงมีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมทำโครงการฯ โดยเราสัมผัสได้ถึงความดีใจ ความยินดีต้อนรับ ทุกคนมีความสุขที่จะร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวกัน เป็นภารกิจสำคัญอีกครั้งที่พร้อมนำพาความรักมอบให้กับมนุษยชาติอีกครั้งที่ศรีลังกา”
สำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าที่ผ่านมา หัวหน้าภาควิชาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิคส์และกายภาพ ศ.นพ.กีรติ เล่าให้ฟังว่า ครั้งแรกเดินทางไปที่ประเทศเนปาล ส่วนครั้งที่สองไปที่ประเทศภูฏาน และครั้งนี้ที่ประเทศศรีลังกา โดยที่ศรีลังกามีความสัมพันธ์ทางด้านพุทธศาสนาต่อกันมาอย่างลึกซึ้งยาวนาน
“ เรานำพาความเมตตาผ่านทางการแพทย์ ก็เป็นเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา นำความรัก ความเมตตาสู่สังคมโลก สำหรับผู้ป่วยที่นี่ขาดการเข้าถึงการแพทย์ ขามีความโกงผิดรูปมาก ไม่สามารถดำรงชีวิตประจำวันช่วยเหลือตัวเองได้ กลายเป็นภาระของคนในครอบครัว คุณค่าที่เคยดูแลตัวเองหายไป
ครั้งนี้จึงไปช่วยเหลือให้สามารถยืนด้วยตนเอง ดูแลตนเอง คุณค่าในชีวิตของมนุษยชาติกลับคืนมาด้วยการแพทย์ที่นำไปช่วยเหลือ และส่งต่อนำความรู้ด้านการแพทย์ไปให้กับประชาชน รวมถึงแลกเปลี่ยนความรู้การแพทย์ร่วมกันกับทีมแพทย์ โดยในความต่างของภารกิจครั้งนี้อยู่ที่จำนวนคนไข้ซึ่งมีมากกว่าที่ผ่านๆมา”
ศ.นพ.กีรติ เพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมาทีมแพทย์เราเดินทางไปดูแลผู้ป่วยหลายสถานที่ ในที่ทุรกันดานที่ต่างๆมากว่าสิบปี โดยใช้วันหยุดของพวกเรานำทีมไปช่วยประชาชนคนไทย และขยายโครงการไปช่วยผู้ป่วยได้มีโอกาสผ่าตัด ได้รับการรักษาเข้าถึงความก้าวหน้าทางสาธารสุข
นอกจากก้าวสำคัญครั้งนี้จะมีต่อเนื่องไป นำความรัก ความเมตตา ความเอื้ออาทรมอบให้กับสังคม มอบให้กับผู้ที่ขาดกว่า พร้อมจะแบ่งปัน นำพาสิ่งที่เรามีมอบให้มนุษยชาติโดยไร้ขอบเขตพรมแดน
พงษ์พรรณ บุญเลิศ