เปิดปฏิบัติการเชิงรุก ปล่อยแถวคริสต์มาส-ปีใหม่ 2569 กวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติเมืองกรุงเก่า
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2568 ที่ วัดใหญ่โชยมงคล วรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม. พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกสร รอง ผบก.ตม.1 ละรองโฆษกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เป็นประธานในพิธีปล่อยแถว อำนวยความสะดวก และป้องปรามอาชญากรรม ในช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2569 ของกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 โดยมี กำลังเจ้าน้าที่ ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตำรวจสันติบาล ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน
พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม. กล่าวว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้กำหนดให้มีการปล่อยแถวอำนวยความสะดวกและป้องปราบอาชญากรรม ช่วงวันคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ 2569 ระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 4 มกราคม 2569 ช่วง 12 วันอันตราย ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง งานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และกิจกรรมเคาห์ดาวน์ ส่งผลให้มีท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวและพักผ่อนในพื้นที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก อาทิ กลุ่มบุคคลหรือมิจฉาชีพฉวยโอกาสก่อเหตุอาชญากรรม อันอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงความสงบเรียบร้อยของสังคม
โดยกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3 ได้กำหนดแนวทางการป้องปรามและสกัด กั้นอาชญากรรมเชิงรุก มีการบูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ มุ่งเน้นการตรวจสอบ และเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย การลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การกระทำผิดของคนต่างด้าว เน้นการตรวจสอบการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองและการพำนักเกินกำหนด
รวมถึงการก่ออาชญากรรมข้ามชาติในทุกรูปแบบ ควบคู่ไปกับการเพิ่มความถี่ในการออกตรวจในพื้นที่เสี่ยง พื้นที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดกิจกรรม และจุดรวมกลุ่มของประชาชน นักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมดำเนินการอำนวยความสะดวก ให้คำแนะนำ และให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวอย่างเต็มกำลังความสามารถ ภายใต้หลักการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความอุ่นใจและ ความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่มีความปลอดภัย เหมาะสมต่อการท่องเที่ยวและการพำนักอาศัย อันเป็น การสนับสนุนนโยบายด้านความมั่นคงและภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในช่วงเทศกาลสำคัญ
ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับให้ดำเนินการตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการกวาดล้างอาชญากรข้ามชาติ เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามคนต่างด้าวที่แฝงตัว ปะปนเข้ามากระทำความผิดเป็นภัยต่อความสงบสุขของประชาชนและความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ซึ่งการดำเนินการอย่างจริงจะช่วยรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นในการบังคับใช้กฎหมาย