โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

“พระเจ้าตาก” ทรงไต่เต้าจาก “ลูกจีนพ่อค้าเกวียน” เป็น “เจ้าเมืองตาก” อย่างไร?

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเป็น “เจ้าเมืองตาก” ก่อนจะเกิดเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยา พ.ศ. 2310 แต่ในเมื่อพระชาติกำเนิดคือ “ลูกจีน” และมีอาชีพเป็นพ่อค้ามาก่อน พระองค์ทรงเข้าสู่ระบบราชการสยามจนเป็นเจ้าเมืองได้อย่างไร?

อ่านเพิ่มเติม “‘พ่อค้าเกวียน’ อาชีพเก่าที่ถูกลืมเลือนของ ‘พระเจ้าตากสิน’” ?(คลิก)

นิธิ เอียวศรีวงศ์ อธิบายใน “การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี”(มติชน : 2550) ว่า การค้าขายของ “นายสิน”คงให้ผลกำไรงามจนสร้างโอกาสในการดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองในเวลาต่อมา และการดำรงตำแหน่งระดับนั้นก็คงเพิ่มผลประโยชน์ด้านการค้าให้พระองค์ด้วย จึงมีพระราชประสงค์จะเป็นเจ้าเมือง

อนึ่ง “การรับราชการของพระเจ้ากรุงธนบุรีในฐานะพระยาตากนั้นยากจะปฏิเสธได้ เพราะมีหลักฐานที่เขียนร่วมสมัยหรือเขียนโดยคนร่วมสมัยบ่งบอกไว้มาก ตราตั้งเจ้าพระยานครฯ (พัด) ใน พ.ศ. 2327 ก็เอ่ยถึงพระองค์ว่า ‘พระยาตากสิน’ ดูจะไม่มีเหตุผลหากพระองค์ไม่เคยดำรงตำแหน่งพระยาตากที่จะเรียกพระองค์เช่นนั้น

แม้แต่คำให้การของเชลยอยุธยาแก่พม่าก็มีเอ่ยถึงพระองค์ในนามพระยาตากสิน เอกสารของจีนในรัชสมัยของพระองค์ก็มีการอ้างคำให้การของคนจากเมืองไทยคนหนึ่ง ซึ่งเรียกพระองค์ว่า ‘พระยาตาก’อ. นิธิกล่าว

คำถามคือ พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงไต่เต้าจาก “พ่อค้าเกวียน” สู่การเป็น “เจ้าเมือง” อย่างไร?

สำหรับเส้นทางที่ลูกจีนผู้ประกอบอาชีพพ่อค้าเกวียนคนหนึ่ง จะเข้ารับราชการในสยามได้นั้น พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับปลีกเล่าว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีทรง “วิ่งเต้น” เพื่อจะเป็นเจ้าเมืองครั้งแผ่นดินพระเจ้าเอกทัศน์ แม้พงศาวดารฉบับนี้จะมีลักษณะเชิง “ใส่ร้าย” พระองค์ก็ตาม แต่ก็มีความน่าสนใจพอที่จะยกมาพิจารณาเป็นเบื้องต้นได้ ดังความว่า

“ครั้นอยู่มาจีนผู้นั้นเป็นคนมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ช่วยกรมการชำระถ้วยความของราษฎรอยูเนือง ๆ เจ้าเมืองตากนั้นป่วยลงก็ถึงแก่ความตาย จีนมีชื่อผู้นั้นก็ตัดผมเป็นไทย ลงมา ณ กรุงศรีอยุธยาจะเดินเป็นเจ้าเมือง จึงเข้ามาหานายสดเป็นคนรักกันกับชายมีชื่อผู้นั้น นายสดก็พาชายผู้นั้นไปหาหลวงนายชาญภูเบส นายเวนมหาดเล็กของขุนหลวงหาวัด หลวงนายชาญภูเบสก็ไปหาพระยาจักรีว่าชายมีชื่อจะเดินเป็นตัวเมืองตาก จะกราบเท้าเจ้าคุณให้ช่วยด้วย

พอมีหนังสือลงมาวางเวนว่าเจ้าเมืองตากนั้นถึงอนิจกรรมเสียแล้ว พระยาจักรีนำบอกขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า เจ้าเมืองตากถึงแก่กรรมเสียแล้ว พระเจ้าอยู่หัวทรงพระดำริว่าเมืองตากเล่าก็เป็นเมืองหน้าศึกอยู่ ให้พระยาจักรีหาคนที่มีสติปัญญาพอจะเป็นได้…

พระยาจักรีก็นำเอาชายมีชื่อผู้นั้นเข้าเฝ้าถวายบังคม ทรงพระกรุณาโปรดให้เป็นพระยาตาก…”

เรื่องเล่านี้สอดคล้องกับเรื่องที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4ทรงเล่าแก่หมอสมิธ (แซมมวล จอห์น สมิท) แพทย์ชาวอังกฤษ คือ “นายสิน” มีพื้นเพเป็นคนบ้านตาก มิได้เป็นมหาดเล็กอยู่ในอยุธยา แล้วถูกส่งขึ้นไปรับราชการที่เมืองตากอย่างที่หลักฐานบางชิ้นบอก แต่เรื่องของรัชกาลที่ 4 แตกต่างออกไปเล็กน้อย เพราะพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงเป็นปลัดเมืองก่อน แล้วจึงเลื่อนขึ้นเป็นพระยาตาก

อ. นิธิเชื่อว่า หากพระเจ้ากรุงธนบุรีเคยประกอบอาชีพพ่อค้าเกวียนอยู่ก่อนแล้ว การเข้ารับราชการด้วยวิธีดังกล่าวไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดอะไร เพราะในเมื่อไม่ได้ทรงสังกัดอยู่ในกลุ่มผู้ดีที่ส่งบุตรหลานให้เป็นมหาดเล็กของเจ้านายในวัง โอกาสที่จะได้รับแต่งตั้งให้ออกไปครองเมืองไม่อาจเกิดขึ้นได้ หนทางเดียวที่พระองค์จะเข้าสู่ราชการได้ก็คือการใช้ทรัพย์สินเป็น “ใบเบิก”

การ “วิ่งเต้น” เป็นเจ้าเมืองของพระองค์จึงต้องผ่านเส้นสายเป็นขั้นตอนไปถึงบุคคลที่ช่วยเหลือได้ ซึ่งก็คือ “พระยาจักรี” ซึ่งขณะนั้นเป็นผู้กำกับดูแลหัวเมืองทางเหนือทั้งหมด

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในต้นรัชกาลพระเจ้าเอกทัศน์ ก่อนศึกอลองพญาและหลังการกบฏของขุนนางที่จะยกขุนหลวงหาวัด (กรมหมื่นเทพพิพิธ) ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระยาจักรีคนเดียวกัน (ไม่ใช่รัชกาลที่ 1) ยังติดสินบนพระเจ้าเอกทัศน์เพื่อไม่ให้ปลดตนออกจากราชการเหมือนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนอื่น ๆ และได้ว่าที่สมุหนายกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจหากขุนนางใหญ่ท่านนี้จะรับสินบนเพื่อแต่งตั้งเจ้าเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองตาก

อ. นิธิให้ทัศนะว่า “แม้กรณีที่เกิดขึ้นนี้อาจไม่เป็นพระเกียรติยศแก่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช และอาจจะเขียนขึ้นเพียงเพื่อประฌามพระองค์โดยศัตรูทางการเมืองก็ตาม แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าพระองค์เป็นคนนอกของวงราชการมาก่อน ไม่ว่าจะสามารถเข้าสู่วงราชการได้ด้วยความสามารถส่วนพระองค์หรือด้วยสินบน และหากแม้เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ก็ไม่ผิดประหลาดอันใดสำหรับยุคสมัยของพระองค์”

นอกจากนี้ การติดสินบนเพื่อเป็นเจ้าเมืองในกรณีนี้ทำได้สะดวก เพราะสถานะของเมืองตากในขณะนั้นค่อนข้างกำกวม คือไม่สำคัญในระบบราชการและเป็น “รัฐชายขอบ” ของกรุงศรีอยุธยา เพิ่งจะมาคึกคักหลังพื้นที่แถบเมืองตาก-ระแหง เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางการค้ากองคาราวานซึ่งต่อเนื่องขึ้นไปถึงยูนนานในจีนเท่านั้น

ลูกจีนพ่อค้าเกวียนอย่างพระเจ้ากรุงธนบุรีจึงสามารถขึ้นเป็นเจ้าเมืองได้สำเร็จ และได้รับแต่งตั้งเป็นพระยาด้วยราชทินนามอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง “พระยาวิเศษสงคราม” หรือ “พระยาวิชิตชลธี” นั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

อ้างอิง :

นิธิ เอียวศรีวงศ์. (2550). การเมืองไทยสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ : มติชน.

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 29 ธันวาคม 2568

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : “พระเจ้าตาก” ทรงไต่เต้าจาก “ลูกจีนพ่อค้าเกวียน” เป็น “เจ้าเมืองตาก” อย่างไร?

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...