ก.ล.ต. สั่งปรับแพ่ง 7 ราย คดีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น SF รวมกว่า 8.6 ล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ได้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดจำนวน 7 ราย ในกรณีการซื้อหุ้นบริษัท สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SF โดยอาศัยข้อมูลภายใน การเปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น หรือการช่วยเหลือให้ผู้อื่นใช้ข้อมูลภายในในการซื้อหุ้น รวมเป็นเงินค่าปรับและค่าชดใช้ทั้งสิ้น 8,623,408 บาท พร้อมทั้งกำหนดมาตรการห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทจดทะเบียนหรือบริษัทหลักทรัพย์ตามระยะเวลาที่แตกต่างกันไปในแต่ละราย
การดำเนินคดีดังกล่าวมีที่มาจากข้อมูลที่ ก.ล.ต. ได้รับจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่ปี 2564 และการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงวันที่ 11 มิถุนายน ถึง 5 กรกฎาคม 2564 ก่อนที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเปิดเผยข้อมูลสำคัญเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 เวลา 17.57 น. เกี่ยวกับการที่บริษัท เซ็นทรัล พัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN จะเข้าซื้อหุ้น SF จากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่เกินกว่าร้อยละ 50 พร้อมทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดในราคาหุ้นละ 12 บาท ซึ่งเป็นข้อมูลที่ส่งผลบวกต่อราคาหุ้น SF ได้มีการซื้อขายหุ้น SF ในลักษณะผิดปกติจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในดังกล่าว
ก.ล.ต. พบว่าผู้กระทำความผิดบางรายเป็นเครือญาติของกรรมการ MAJOR และได้ร่วมกันหรือยินยอมให้ใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตนเพื่อซื้อหุ้น SF ในปริมาณมากผิดปกติวิสัย ขณะที่อีกกรณีหนึ่งเกี่ยวข้องกับผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SF ซึ่งได้เข้าร่วมการเจรจาซื้อขายหุ้นและนำข้อมูลภายในไปเปิดเผยให้บุคคลในครอบครัว ก่อนที่บุคคลดังกล่าวจะนำข้อมูลไปใช้ในการซื้อหุ้น SF
การกระทำของผู้เกี่ยวข้องทั้ง 7 ราย เข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ในหลายฐานความผิด ได้แก่ การซื้อหลักทรัพย์โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายใน การเปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่นโดยรู้หรือควรรู้ว่าจะถูกนำไปใช้ประโยชน์ และการช่วยเหลือหรืออำนวยความสะดวกในการกระทำความผิด โดยคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งมีมติให้ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งแทนการดำเนินคดีอาญา
มาตรการที่กำหนดประกอบด้วยค่าปรับทางแพ่ง การชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ การชดใช้ค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบของ ก.ล.ต. และการห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารในช่วงเวลาตั้งแต่ 9 ถึง 14 เดือน แล้วแต่กรณี โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลเมื่อผู้กระทำความผิดลงนามยินยอมปฏิบัติตาม หากไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะส่งเรื่องให้อัยการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อให้ศาลกำหนดบทลงโทษในอัตราสูงสุดตามกฎหมาย
ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินที่เรียกคืนจากผลประโยชน์ที่ได้จากการกระทำความผิดทั้งหมดจะถูกนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินให้แก่กระทรวงการคลัง ตามหลักเกณฑ์ของการบังคับใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ฯ