‘เท้ง’ ลั่น ถ้าเลือกตั้งครั้งหน้า ปชน.เข้าวิน ถึงเวลาต้องสู้ !
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่สนามหญ้า ที่สนามหญ้า ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร พรรคประชาชน (ปชน.) จัดกิจกรรม “ปิกนิกพรรคประชาชนพบประชาชน” โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวปิดท้ายว่า เชื่อว่าสิ่งที่อยากจะพูดส่งท้าย ย้อนกลับไปตอนที่บอกแรก ๆ ว่า ทุกการต่อสู้ที่ผ่านมาจะเห็นว่าสิ่งฉุดรั้งประเทศไทย คือกลุ่มคนไม่กี่กลุ่มในประเทศนี้ ไม่ว่าใครที่แสดงออกด้วยความเป็นห่วงต่อการตัดสินใจของพรรคที่ผ่านไปก็แล้วแต่ เชื่อว่าวิธีที่เราเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ เหล่านั้นได้ คือเสียงของประชาชนคนไทยทุกคน ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้า เราสามารถได้เสียงคนส่วนใหญ่ในประเทศ เราสามารถได้จำนวน สส.เกินครึ่งหนึ่งในสภาฯ ก็ยังมองไม่เห็นว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน จะมีอะไรฉุดรั้งไม่ให้ ปชน.เข้าไปสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง ๆ
“มีคำถามจากเพื่อนบางคนถามว่า แล้วถึงเวลาสมมติได้เกินครึ่งจริง ๆ แล้วเรายังไม่ได้เป็นรัฐบาล มีอุปสรรคอะไรมาเตะพวกเราให้หกล้มอีก จริง ๆ พวกตนเคยพูดกัน และเอาจริงจังกันในพรรค ถึงสถานการณ์นั้นจริง ๆ เกี่ยวแขนกันแล้วไปอยู่หน้าสภาฯ คือนึกออกหรือไม่ ถ้าเราสู้กันจริง ๆ เราได้เกินครึ่งแล้วเนี่ย แล้วตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้มีอะไรมาอ้างปฏิวัติรัฐประหาร แคนดิเดตนายกฯก็เตรียมไว้ 3 คน จะเล่นเราทุกทางจนไหลถึงนายวีระยุทธ แล้วขัดขวางไม่ให้นายวีระยุทธ เป็นนายกฯอีกหรือ ถ้าถึงจุดนั้นจริง ๆ ไม่มีทางอื่น เราต้องสู้” นายณัฐพงษ์ กล่าว
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า วันที่ตนเข้ามาร่วมเดินทางกับพรรคอนาคตใหม่ จำได้แม่นเป็นคำพูดอดีตแกนนำทุกท่าน พวกเราต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีการนองเลือด การเมืองคือสงครามที่ไม่มีการนองเลือด เราเลือกมาสร้างการเปลี่ยนแปลงในระบบ วันนั้นไม่ว่านายธนาธร (จึงรุ่งเรืองกิจ) นายปิยบุตร (แสงกนกกุล) และนายชัยธวัช (ตุลาธน) ที่ตอนนั้นเป็นนักคิด สนับสนุนพรรคมาโดยตลอด ทุกคนรู้ว่าการทำพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ถึง ปชน.ไม่ใช่สปรินท์ระยะสั้น แต่เราวิ่งมาราธอนระยะยาว การเดินทางที่ผ่านมายาวนานหรือไม่ 7 ปีจนถึงปัจจุบัน ถือว่ายาวนาน แต่เราเห็นว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแล้วเรื่อย ๆ แล้วขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่มีอำนาจของ สว.แล้ว ประชามติมาพร้อมการเลือกตั้ง เรารณรงค์อย่างแข็งขัน เอาเสียงประชาชนนอกจากเลือกประชาชนอย่างถล่มทลาย อีกหนึ่งเสียงคือประชามมติถล่มทลาย เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เอาเสียงประชาชนกดดันเสียง สว.ว่า ให้เขาอย่ามาฉุดรั้งประเทศนี้อีกต่อไป เมื่อไหร่ก็ตามที่การเลือกตั้งครั้งหน้า ทำภาพให้เป็นแบบนี้ได้ เชื่อว่าเข็มนาฬิกาของประเทศเดินหน้าต่อแน่นอน
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า วันนี้คงไม่ได้มีแค่ตนอยากมารับฟัง หรือรับโจทย์กลับไปทำอย่างเดียว ในฐานะผู้นำพรรคในปัจจุบัน อยากฝากโจทย์ถึงทุกคนเช่นเดียวกัน หลายวงที่ตนไปพูดคุยมา ทุกคนอยากช่วยเป็นหัวคะแนนธรรมชาติ มีคำถามถึงเราเช่นเดียวกันว่า จะช่วยเปลี่ยนใจคุณพ่อคุณแม่ ปู่ย่าตายายที่บ้าน บางทีเขายังอาจรู้สึกว่า จะเลือก ปชน.ได้อย่างไร สิ่งต่าง ๆ พวกเราต้องค่อย ๆ เข้าไปทำความเข้าใจ ให้พวกเขาเห็นความตั้งใจดีของพวกเราว่า ไม่ต้องการทำลายล้าง ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยที่ดีกว่าจริง ๆ
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรค และแคนดิเดตนายก ฯ ของพรรค พูดถึงเรื่องการไม่กำจัดเรื่องของสีเทา ไม่ทำให้ประเทศไทยเท่าเทียมกัน ไม่พัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เท่าทันโลก เราไม่มีทางรอด พูดง่าย ๆ เราคือทางรอดสุดท้ายของประเทศนี้ สำหรับตน เห็นด้วย แต่จริง ๆ ส่วนตัวมองว่า มันฟังแล้วดูเศร้าเกินไป อยากนำเสนอตรงไปตรงมาว่า อยากเปลี่ยนการเมืองให้ดีขึ้น ตรงไปตรงมา ถ้าใครบอกว่าทำงานการเมืองแบบนี้มันไร้เดียงสา ดูโง่ แต่ถ้าทำการเมืองตรงไปตรงมา ก็ยอมโง่ต่อไป ให้มันดีขึ้น
“พูดแบบนี้ไม่ได้บอกว่าทุกการตัดสินใจ ไม่ใช่ตัดสินใจแบบ Naive (เนย์ฟ) เสมอ ต้องบอกว่า Think Thank (ติง แต๊ง) เบื้องหลังเราคือนักคิดสุดยอดจริง ๆ แต่นี่คือจิตวิญญาณของเรา เข้ามาเพราะอะไร การเลือกตั้งครั้งหน้า คือภารกิจตัดสินประเทศแน่นอน” นายณัฐพงษ์ กล่าว