โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

มุมมองนักวิเคราะห์ กรณี “ถอดถอนนายกฯ” เกิดสุญญากาศทางการเมือง กดดัน SET ย่อ 1,280 จุด “ไม่ถอดถอน” ทะยาน 1,330 จุด

การเงินธนาคาร

อัพเดต 14 ส.ค. 2567 เวลา 11.58 น. • เผยแพร่ 14 ส.ค. 2567 เวลา 04.58 น.

นักวิเคราะห์ฯ เปิดมุมมอง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน คดีถอดถอนนายกฯ บ่ายวันนี้ (14 ส.ค.) ตั้งสมมติฐาน “กรณีถอดถอน” อาจเกิดสุญญากาศทางการเมือง กดดัน SET ย่อ 1,280 จุด กรณี “ไม่ถอดถอน” ปลดล็อกทะยาน 1,330 จุด

วันที่ 14 ส.ค. นักวิเคราะห์ประเมินหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ รอลุ้นคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี 40 สว. ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งวันนี้ ช่วงเวลา 15:00 น.

บล.กสิกรไทย คาดดัชนี SET ซื้อขายในช่วง 1,290-1,330 จุด พร้อมตั้งสมมติฐานกรณีถอดถอน และไม่ถอดถอน ผลต่อทิศทางหุ้นไทย และกลยุทธ์การลงทุน

กรณีศาลตัดสินให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคือช่วงเวลาของการเปลี่ยนผ่านและที่มาของนายกฯ

หากสามารถเลือกนายกฯคนใหม่ได้เร็วและยังมาจากพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าผลกระทบเชิงลบจะจำกัดเนื่องจากนโยบายและมาตรการต่างๆจะยังมีความต่อเนื่อง การปรับตัวลงของดัชนีและหุ้นในตลาดอาจเป็นการปรับลงในระยะสั้นและฟื้นตัวกลับได้

“กลยุทธ์ลงทุน อาจเน้นหุ้นผลประกอบการดีที่เติบโตทั้ง QoQ และ YoY (selective mode) เชื่อราคาหุ้นจะมีเสถียรภาพมากกว่าหรือฟื้นตัวได้เร็ว”

หากใช้เวลาเปลี่ยนผ่านนายกฯ นานหรือมาจากพรรคอื่น ตลาดอาจมีความกังวลถึงนโยบายต่างๆที่อาจเปลี่ยนแปลงไปหรือต้องใช้เวลาในการพิจารณาใหม่ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

“กลยุทธ์การลงทุน อาจต้องเน้นหุ้นตั้งรับ (risk-off mode) ในกลุ่มโรงพยาบาล สื่อสารและโรงไฟฟ้าเช่น BDMS BH INTUCH ADVANC GULF”

กรณีศาลตัดสินให้ นายเศรษฐา ทวีสิน ยังคงความเป็นนายกรัฐมนตรี

บล.กสิกรไทย มองว่าฉากทัศน์ของประเด็นการเมืองจะมีความชัดเจนและมีเสถียรภาพมากขึ้นส่งผลบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

“กลยุทธ์การลงทุน อาจสามารถปรับหุ้นในพอร์ตรับความเสี่ยงมากขึ้น (risk-on mode) เช่น CPALL CPAXT DELTA PTT MTC”

บล.เอเซีย พลัส มีมุมมองว่า ไม่ว่าคำตัดสินคดีพ้นนายกจะออกมาอย่างไร? แต่ตลาดหุ้นไทย ยังมีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งคำตัดสินที่เกิดขึ้นได้มีอยู่ 2แนวทางหลักๆ ดังนี้

กรณีศาลตัดสินให้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง

รองนายกรัฐมนตรี คนที่ 1 คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ แทน ส่วน ครม. สามารถรักษาการต่อได้ จนกว่าจะมีนายกฯ คนใหม่ ซึ่งจะจัดให้มีการโหวตเลือกในสภาผู้แทนราษฎร์ภายใน 45-60 วัน

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าช่วงเวลาที่จะเกิดสุญญากาศทางการเมือง ก็น่าจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ทั้งนี้ประเมินจากการจับมือของพรรคร่วมรัฐบาลที่ยังเข้มแข็ง และก็ไม่น่าจะเห็น การปรับเปลี่ยนแนวนโยบายที่สำคัญ

กรณีศาลตัดสินให้ยังคงความเป็นนายกรัฐมนตรี

จะทำให้การบริหารประเทศ บวกกับ ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ยังเป็นไปตามกระบวนการตามปกติ และเดินหน้า ต่อเนื่อง

ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยฯ ที่ตลาดฯ รับรู้และถูก กดดันมาตลอดเกือบ 3 เดือนเต็ม ส่งผลให้ SET INDEX ร่วงไปแล้วเฉลี่ยราว 5% จน UNDERPERFORM กว่าตลาดหุ้นโลก

ซึ่งหลังจากนี้ ผลคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็นกรณีนายกฯ พ้นตำแหน่ง เชื่อว่าจะทำให้ตลาดหุ้นไทยมี DOWNSIDE จำกัด และ จะค่อยๆ ทยอยปรับตัวดีขึ้น หรือกรณีที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ต่อไป ก็ถือเป็นผลดี ต่อตลาดหุ้นไทย

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน มีมุมมองว่า การเปลี่ยนตัวนายกฯ เป็นลบต่อตลาด แต่ตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสียทางการเมือง วันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดตัดสินเกี่ยวกับคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี จากกรณีแต่งตั้งรัฐมนตรีที่อาจมีปัญหาด้านจริยธรรม

กรณีศาลตัดสินให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง

ทางกลยุทธ์แล้วกลับตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้เสียทางการเมืองมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น

1. การเปลี่ยนองค์ประกอบของพรรคร่วมรัฐบาล (บางส่วนของ พปชร.ออก และปชป.อาจเข้าร่วมรัฐบาล)

2. ถือโอกาสปรับครม. และเกลี่ยกระทรวงต่างๆใหม่

3. เป็นจังหวะเร่งสร้างความนิยมหลังพรรคฝ่ายค้านอ่อนแอลง

ดังนั้นอาจต้องระวังความผันผวนจากความเสี่ยงของคำตัดสิน ซึ่งจะทำให้การดำเนินมาตรการภาครัฐต่างๆ มีความเสี่ยงล่าช้า

กรณีศาลตัดสินให้ยังคงความเป็นนายกรัฐมนตรี

สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อ และนโยบายสำคัญต่างๆ เดินหน้าต่อโดยไม่ติดขัด ซึ่งเป็นบวกต่อตลาด

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) มีมุมมองว่า SET Index แกว่งผันผวนสูงตามผลของศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคดีนายกฯเศรษฐา

กรณีศาลตัดสินให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง

คาด SET Index อาจย่อตัวลงมาบ้างบริเวณ 1,280 +/- แต่มองเป็นจังหวะซื้อจากประเด็นการเมืองระยะถัดไปที่จะมีความชัดเจนขึ้น ด้านการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ รวมถึงงบประมาณปี 2568 จะไม่สะดุด

เนื่องจากคาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการเลือกนายกฯและการจัดตั้ง ครม. ใหม่ ซึ่งน่าจะมาจากขั้วรัฐบาลเดิม กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโต CPALL TTB

กรณีศาลตัดสินให้ยังคงความเป็นนายกรัฐมนตรี

คาด SET Index จะปรับขึ้นไปที่บริเวณ 1,310/1,320 จุด

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องกับ หุ้นไทย ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...