โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

SMEs-การเกษตร

ระวังโรครากเน่า และโคนเน่าในมะละกอ

เทคโนโลยีชาวบ้าน

อัพเดต 16 มิ.ย. 2564 เวลา 10.20 น. • เผยแพร่ 16 มิ.ย. 2564 เวลา 02.31 น.

สภาพอากาศในระยะที่มีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง อาจส่งผลกระทบทำให้มะละกอเกิดโรคได้ กรมวิชาการเกษตร แนะเกษตรกรผู้ปลูกมะละกอให้เตรียมรับมือโรครากเน่าและโคนเน่า ที่พบมากในระยะต้นกล้าจนถึงระยะต้นติดผล ระยะต้นกล้า จะแสดงอาการที่ส่วนลำต้นบริเวณผิวดินมีลักษณะฉ่ำน้ำ ยุบเป็นแถบๆ ใบจะเหี่ยว ถ้าอาการรุนแรงบริเวณโคนต้นจะหักพับและตายในที่สุด

สำหรับระยะต้นโต มักแสดงอาการเริ่มแรกพบใบล่างเหลือง ก้านใบลู่ลง และหลุดร่วงได้ง่าย ส่วนใบที่อยู่ด้านบนของต้นมีสีซีด และยอดอ่อนมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ต้นแคระแกร็น ต้นมะละกอจะเหลือใบยอดเป็นกระจุก โดยบริเวณโคนต้นจะพบแผลเน่าฉ่ำน้ำ มีสีน้ำตาลเยิ้มออกมา ต้นจะหักล้มพับได้ง่าย และตายในที่สุด เมื่อขุดดูจะพบรากแขนงสีน้ำตาลหลุดขาดได้ง่าย ต่อมาโรคลุกลามไปยังรากแก้ว ทำให้รากเน่าเปื่อย

เกษตรกรควรหมั่นตรวจและกำจัดวัชพืชในแปลงและรอบแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ หากพบต้นมะละกอที่แสดงอาการของโรครากเน่าและโคนเน่า ให้ขุดหรือถอนต้นที่เป็นโรคออกจากแปลงและนำไปเผาทำลายนอกแปลงปลูกทันที เพื่อลดแหล่งสะสมเชื้อราสาเหตุโรค จากนั้นเกษตรกรควรใส่ปูนขาว หรือโรยยูเรียผสมปูนขาว อัตรา 80 : 800 กิโลกรัม ต่อไร่ บริเวณหลุมที่ขุด หรือถอนต้นออกไปแล้ว และให้กลบและรดน้ำให้ดินมีความชื้น ทิ้งไว้ 3 สัปดาห์ เพื่อกำจัดเชื้อราสาเหตุโรค

หากเริ่มพบการระบาดของโรครากเน่าและโคนเน่า ให้เกษตรกรราดบริเวณโคนต้นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืชเมทาแลกซิล 25% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม 80% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30-50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือสารเมทาแลกซิล + แมนโคเซบ 4% + 64% ดับเบิ้ลยูพี อัตรา 30-40 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร

สำหรับพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรคนี้ ควรสลับเปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นหมุนเวียน อีกทั้งควรทำแปลงปลูกให้มีการระบายน้ำที่ดีและไม่มีน้ำขัง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...