โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

กีฬา

ติดลบยกทีม! 5 จุดบอดทีมชาติไทย หลังพ่ายเติร์กเมนิสถาน ศึกคัดบอลเอเชียนคัพ 2027

SIAMSPORT

เผยแพร่ 11 มิ.ย. เวลา 02.53 น.
วิเคราะห์ 5 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ทีมชาติไทย บุกพ่าย เติร์กเมนิสถาน 1-3 ในศึก คัดเลือกเอเชียนคัพ 2027 รอบสาม กลุ่ม D นัดสอง ทั้งเรื่องสนามหญ้าเทียม, การจัดตัว, เกมรับรั่ว, ฟอร์มดร็อป และสำรองไม่เปลี่ยนเกม

[1] ปัญหาสนามหญ้าเทียมกับการขาดความต่อเนื่องที่มองข้ามไม่ได้

เป็นเรื่องที่ทีมชาติไทยต้องเผชิญหน้ามาโดยตลอดกับสนามหญ้าเทียม ซึ่งดูเหมือนเราจะยังหาทางออกไม่ได้สักที ครั้งก่อนในทัวร์นาเมนต์ อาเซียน คัพ 2024 ก็เคยบุกไปพ่ายฟิลิปปินส์ เป็นหนแรกในรอบ 52 ปี ก็เพราะสนามหญ้าเทียม

มาคราวนี้เมื่อต้องมาเจอเติร์กเมนิสถาน ที่ก็เล่นบนสนามหญ้าเทียมเช่นกัน เราก็ยังคงไปไม่เป็นอย่างน่าผิดหวัง พื้นผิวที่ต่างไปจากสนามหญ้าจริงทำให้การคอนโทรลบอล. การเคลื่อนที่และจังหวะเกมผิดเพี้ยนไปหมด

นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งที่ทำให้ฟอร์มการเล่นของทีมดูไม่ปะติดปะต่อกัน ก็อาจเป็นเพราะ มาซาทาดะ อิชิอิ ไม่ได้ให้ผู้เล่นตัวหลักที่จะใช้ในเกมกับเติร์กเมนิสถาน ได้ลงสนามอย่างน้อย 5-6 ราย ในเกมอุ่นเครื่องที่เอาชนะอินเดีย ซึ่งการเปลี่ยนผู้เล่นยกแผงเช่นนั้น ย่อมส่งผลให้ขาดความต่อเนื่องและความเข้าใจกันในทีมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

[2] แนวรับเปราะบาง - พลาดง่ายจนเสียรูปเกม

ปัญหาชัดเจนที่สุดของทีมชาติไทย ในนัดนี้คือ 'เกมรับ' โดยเฉพาะคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟอย่าง ชินภัทร ลีเอาะ และ เอเลียส ดอเลาะ ที่เชื่องช้าและขาดการประสานงานที่ดี

โดยเฉพาะ ชินภัทร ที่มีส่วนกับทุกประตูที่เสียให้เจ้าถิ่น ทั้งจังหวะเตะสกัดพลาด, โดนเลี้ยงหลอกดื้อและจังหวะเทกตัวโหม่งพลาดแบบหมดลุ้น ซึ่งการส่งแนวรับชุดนี้ลงสนาม แทนที่จะช่วยกันป้องกันลูกโด่งหรือร่างกายของคู่แข่ง กลับกลายเป็นจุดอ่อนที่โดนโจมตีซ้ำๆ จนทำให้รูปเกมของไทย รวนตั้งแต่ต้น

นี่คือข้อผิดพลาดส่วนบุคคลให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ในอีกมุมก็น่าเห็นใจ ชินภัทร เช่นกัน เพราะรี่เพิ่งจะเป็นเกมที 3 ของเขาในนามทัพช้างศึก แต่กลับต้องมาเผชิญหน้าความกดดันที่หนักหน่วงเช่นนี้

กระนั้นก็น่าแปลกใจที่ อิชิอิ เรียกนักเตะในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟที่มีประสบการณ์สูงมาเพียงคนเดียวคือ เอเลียส เพราะนอกนั้นไม่ว่าจะ ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ, มาร์โก บัลลินี่ หรือ ชินภัทร นั้นล้วนแล้วแต่ด้อยพรรษาทั้งสิ้น

แทนที่จะใช้บริการ มานูเอล ทอม บีร์ห, สุพรรณ ทองสงค์ หรือ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่มีความเจนเวทีมากกว่า แต่กลับเลือกที่จะทดลองหน้าใหม่ ซึ่งนี่ก็เหมือนการติดประมาทเอามากๆ เช่นกัน

[3] การตัดสินใจที่น่าสงสัยของ อิชิอิ และปัญหาการจัดตัวผู้เล่น

ดูเหมือนว่า อิชิอิ จะประมาทอยู่ไม่น้อยกับการเลือกผู้เล่นในช่วง ฟีฟ่า เดย์ มิถุนายน 2025 โดยเฉพาะการไม่เรียกแกนหลักที่มีฟอร์มการเล่นโดดเด่นอย่าง นิโคลัส มิคเคลสัน หรือ วีระเทพ ป้อมพันธ์ เข้ามาติดทีม รวมไปถึง ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร ที่ผลงานดีวันดีคืนกับ ราชบุรี เอฟซี

ผลกระทบก็เห็นกันทันทีที่เมื่อมีปัญหาในการรับมือเกมรุกคู่แข่ง ส่วนแผงมิดฟิลด์ พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี แม้จะทุ่มเท แต่ก็มักจะออกบอลช้าและทำให้จังหวะเกมสะดุด ทว่ากลับได้รับโอกาสให้อยู่ในสนามครบ 90 นาที ทั้งๆ ที่ผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันอย่าง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล ก็สามารถทำหน้าที่ได้ไม่แตกต่าง หรือแม้กระทั่ง สารัช อยู่เย็น ที่ไม่ได้ถูกเรียกตัวเข้ามาติดทีมในครั้งนี้ ก็น่าจะสามารถทำผลงานในแดนกลางได้ดีกว่า

การตัดสินใจเลือกใช้ผู้เล่นและแท็กติกที่ผิดพลาด ย่อมส่งผลโดยตรงต่อผลการแข่งขันโดยตรงแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง

[4] ขาดความกระหาย, ไร้จินตนาการและไม่มีมิติในการเข้าทำประตู

นอกจากเกมรับที่เปื่อยยุ่ย อีกหนึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในแมตช์นี้คือทีมชาติไทย ดูจะขาดความกระหายในชัยชนะอย่างสิ้นเชิง

ผู้เล่นดูเหมือนจะลงไปในสนามเพื่อรอให้จบเกมไปเท่านั้น ไม่มีแรงกระตุ้นหรือพลังงานที่จะสร้างสรรค์เกมเลย แม้กระทั่งในยามที่โดนเติร์กเมนิสถาน นำห่าง 3-1 นักเตะหลายๆ รายยังคงเล่นแบบเนือยๆ ไร้ชีวิตชีวา ขาดทั้งจินตนาการและความหลากหลายในการเข้าทำประตู

มันจึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับการแข่งขันระดับนานาชาติ ส่วนหนึ่งของปัญหานี้อาจมาจากโปรแกรมการแข่งขันในลีกที่เพิ่งปิดฤดูกาล ทำให้ผู้เล่นมีสภาพร่างกายที่อ่อนล้าและโปรแกรมการแข่งขันตลอดทั้งปีก็ยาวนานเกินไป จนส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพ รวมไปถึงจิตใจของนักเตะเมื่อต้องมารับใช้ทัพช้างศึก

[5] ฟอร์มตกของแกนหลักและตัวสำรองที่ไม่สามารถพลิกเกมได้

ผู้เล่นแกนหลักหลายคนในทีมชาติไทย โชว์ฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานอย่างน่าใจหาย ไม่ว่าจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ดูช้าลงไปมาก แม้จะเข้าใจว่าสภาพสนามหญ้าเทียมอาจเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่ด้วยคลาสและประสบการณ์ของอดีตเพลย์เมกเกอร์ คอนซาโดเล่ ซัปโปโร เขาน่าจะทำได้ดีกว่านี้

เช่นเดียวกับ เอกนิษฐ์ ปัญญา และ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ที่แทบไม่มีเกมการแข่งขันจริงในญี่ปุ่น ทำให้ขาดความต่อเนื่อง รวมไปถึงจังหวะในการเล่น จนไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งออกมาได้ทั้งคู่

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เล่นตัวสำรองที่ถูกส่งลงมาเพื่อหวังจะพลิกเกม ก็ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้เลย

- ปรเมศย์ อาจวิไล ถูกจับไปยืนทางซ้าย แต่บอลก็ไปไม่ถึง

- เบนจามิน เดวิส มีความวูบวาบ แต่ก็ขาดเพื่อนร่วมเล่น

- พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล ทำให้เกมสมูธขึ้น แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่มาก

- กรวิชญ์ ทะสา ขยัน มีส่วนร่วมเยอะ แต่ก็ไปไม่สุด

- ส่วน สันติภาพ จันทร์หง่อม นั้นผิดฟอร์มอย่างแรง จ่ายบอลไม่ตรง จนทำให้ทีมเสียโอกาสในการเข้าทำไปมากมาย

จุดต่างๆ เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความลึกของทีมที่ยังไม่มากพอที่จะทดแทนผู้เล่นตัวจริงที่ฟอร์มไม่ดีได้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...