“สุรวิชช์” เตือนไทยอย่ามองตื้น! จดหมาย “เตีย เซยฮา” คือทางหนีทีไล่กัมพูชา หลังเสียเปรียบในสนามรบ
อ่านเกมกัมพูชาผ่านหยดหมึก! 'สุรวิชช์' ชำแหละจดหมาย 'เตีย เซยฮา' ชี้ชัดแม้ไร้คำว่าหยุดยิงแต่คือการ 'ขอสงบศึก' ทางการทูต หลังเพลี่ยงพล้ำในสนามรบ หวังใช้กลไกอาเซียนเป็นโล่ล้อมกรอบไทย เปลี่ยนเสียงปืนเป็นเสียงเอกสารเพื่อดึงความได้เปรียบกลับคืน เตือนไทยอย่ามองตื้น เพราะนี่คือแผนล็อกสนามเจรจาที่ถูกออกแบบไว้ล่วงหน้า
จากกรณี “เตีย เซยฮา” รมว.กลาโหมกัมพูชา ส่งถึง “บิ๊กเล็ก” ขอเจรจาหยุดยิงในที่ประชุม GBC และให้ทุกอย่างกลับไปเหมือนเดิมตามแถลงการณ์ร่วม 28 ต.ค.ที่กัวลาลัมเปอร์ ไทยย้ำต้องพิสูจน์ความจริงใจตาม 3 เงื่อนไขหลัก เดินหน้าประชุมจีบีซี ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (24 ธ.ค.) นายสุรวิชช์ วีรวรรณ คอลัมนิสต์ประจำเครือผู้จัดการ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นในประเด็นดังกล่าว ระบุ หนังสือจากกัมพูชาฉบับนี้ แม้จะใช้ถ้อยคำที่นุ่มนวลและไม่ระบุคำว่า "ขอหยุดยิง" โดยตรง แต่ในทางปฏิบัติคือการส่งสัญญาณขอสงบศึกอย่างเป็นทางการผ่านกลไกอาเซียนและคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เพื่อยุติการปะทะที่กำลังเสียเปรียบ ชี้ การขยับครั้งนี้คือศิลปะการทูตที่เปลี่ยนความอ่อนแอในสนามรบให้เป็นแต้มต่อบนโต๊ะเจรจา โดยบีบให้ไทยต้องเลือกว่าจะยอมดำเนินเกมตามกรอบที่กัมพูชาวางไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม นายสุรวิชช์ ได้ระบุข้อความว่า
"อ่านหนังสือกัมพูชาฉบับนี้ให้ดี จะเห็นว่าแม้จะไม่ใช้คำว่า “ขอหยุดยิง” ตรง ๆ แต่สาระทั้งหมดคือการส่งสัญญาณขอหยุดยิงอย่างเป็นทางการในเชิงการทูต กัมพูชาเลือกใช้ภาษานุ่ม ผ่านอาเซียน ผ่านกลไก GBC และผ่านคำว่า “เห็นพ้อง” กับแถลงการณ์ประธานอาเซียน แต่ในเนื้อแท้คือการยอมรับว่าการสู้รบควรยุติลงทันที
ถ้อยคำอย่าง “immediate cessation of all hostilities” ไม่ใช่ภาษาคนกลาง ไม่ใช่ถ้อยคำลอย ๆ ทางการเมือง แต่มันคือภาษาทางทหารที่ใช้เมื่ออีกฝ่ายต้องการให้การปะทะหยุดลงจริง และหยุดโดยเร็ว การเสนอให้เรียกประชุม GBC แบบเร่งด่วน ก็ยิ่งตอกย้ำว่า นี่ไม่ใช่การพูดเพื่อรักษาหน้า แต่เป็นการขยับกลไกความมั่นคงโดยตรง
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่การหยุดยิงแบบยกธงขาว กัมพูชาไม่ได้ขอหยุดยิงเปล่า ๆ แต่ผูกเงื่อนไขไว้แน่น ตั้งแต่การยึดกรอบ Kuala Lumpur Joint Declaration การฟื้นกลไกปักปันเขตแดน ไปจนถึงการเพิ่มบทบาทคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน นี่คือการขอหยุดยิงที่มาพร้อมการ “ล็อกสนาม” ไม่ให้ไทยขยับนอกกรอบที่กัมพูชาได้ประโยชน์
พูดกันตรง ๆ หากกัมพูชายังได้เปรียบในสนามรบ ก็ไม่มีเหตุผลต้องรีบหยุดยิง แต่การดึงมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ย้ำสถานที่เป็นกลาง และเชิญอาเซียนเข้ามาคุมเกม สะท้อนว่ากัมพูชาต้องการแช่แข็งสถานการณ์ เปลี่ยนจากเสียงปืนเป็นเสียงเอกสาร และถ่วงเวลาให้ความได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ไม่เปลี่ยนไป
นี่คือศิลปะการทูตที่รู้ดีว่าการสู้ต่อมีต้นทุนสูงกว่าได้ การหยุดยิงภายใต้กรอบอาเซียน คือการเปลี่ยนความอ่อนแรงในสนามรบให้กลายเป็นแต้มต่อบนโต๊ะเจรจา และทำให้ฝ่ายตรงข้ามถูกกดดันทางการเมืองมากกว่าทางทหาร
ดังนั้น ใครจะอ่านหนังสือนี้ว่าเป็นแค่ “การประสานงานตามปกติ” คงมองตื้นไปหน่อย เพราะในความสุภาพของถ้อยคำ มีความจริงซ่อนอยู่ชัดเจนว่า กัมพูชากำลังขอหยุดยิง แต่เป็นการหยุดยิงในแบบที่เขาออกแบบสนามไว้ล่วงหน้าแล้ว และคำถามสำคัญจึงไม่ใช่ว่า กัมพูชาขอหยุดยิงหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่า ไทยจะยอมเดินเข้าไปในกรอบนั้นมากแค่ไหน"
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO