โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

"กรมการแพทย์" เตือนพิษ“ไซยาไนด์”รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

The Better

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว • THE BETTER
กรมการแพทย์เตือนพิษ “ไซยาไนด์” มีอาการรุนแรงตั้งแต่ใจสั่น ปวดศีรษะ ชักเกร็ง หมดสติ จนเสียชีวิต แนะหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่ม ที่ไม่ทราบที่มาที่ไป

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ไซยาไนด์เป็นสารพิษที่สามารถพบได้ในธรรมชาติ เช่น ในมันสำปะหลังดิบหรือไซยาไนด์ที่เป็นสารสังเคราะห์ทางเคมี ซึ่งจะมี 3 รูปแบบ คือ ผงสีขาว ของเหลว และแบบแก๊ส ไซยาไนด์ ที่เป็นสารสังเคราะห์ทางเคมี พบได้ในน้ำยาถอดเล็บบางประเภท น้ำยาล้างเครื่องเงิน ยาเบื่อปลาหรือการใช้ในอุตสาหกรรมการถลุงแร่ เป็นต้น พิษที่เกิดจากไซยาไนด์ พบได้จากหลายสาเหตุ เช่น เกิดอุบัติเหตุจากการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจ หรืออาจเกิดจากความตั้งใจ
ไซยาไนด์สามารถเข้าสู่ร่างกายและทำให้เกิดพิษได้ทั้งการสูดดม การกิน และการปนเปื้อนทางผิวหนัง อาการพิษจาก ไซยาไนด์ จะเริ่มเกิดอาการอย่างรวดเร็ว โดยจะมีอาการใจสั่น ปวดศีรษะ ชักเกร็ง หมดสติ จนเสียชีวิต ซึ่งใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น สำหรับการวินิจฉัยพิษจากไซยาไนด์ ไม่สามารถวินิจฉัยจากอาการหรือการตรวจร่างกายได้ เพราะไม่มีอาการหรือ ลักษณะที่เฉพาะเจาะจง จะต้องเจาะเลือดและตรวจจากน้ำล้างกระเพาะ เพื่อส่งตรวจหาระดับไซยาไนด์ในร่างกาย

แพทย์หญิงพลอยไพลิน รัตนสัญญา นายแพทย์เชี่ยวชาญ ศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวว่า สำหรับวิธีการป้องกันพิษจากไซยาไนด์ คือ หลีกเลี่ยงการสัมผัสไซยาไนด์ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่ม ที่ไม่ทราบที่มาที่ไป ควรดื่มเครื่องดื่มหรืออาหารที่อยู่ในภาชนะปิด ทั้งนี้ วิธีการปฐมพยาบาลพิษจากไซยาไนด์ ในปัจจุบันไม่มีวิธีการปฐมพยาบาลที่เฉพาะเจาะจง หากไซยาไนด์ กระเด็นเข้าตาหรือโดนผิวหนัง ให้รีบล้างตา ด้วยน้ำสะอาด แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล หากเสื้อผ้าเปื้อนไซยาไนด์ให้รีบถอดเปลี่ยนใหม่ แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล หากไซยาไนด์ เข้าปากให้รีบบ้วนปาก ห้ามเอานิ้วล้วงคอหรือ ห้ามทำให้อ้วก แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที หากสูดดมไซยาไนด์ ในรูปแบบแก๊ส ให้รีบพาออกมาจากที่เกิดเหตุ แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลเช่นกัน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...