5 ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่แตกแบรนด์ใหม่ต้อนรับปี 2026
‘New Year, New Me’ ปีใหม่นี้ฉันจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ กลายเป็นคำพูดที่หลายคนแสดงถึงปณิธานแน่วแน่ที่จะเริ่มต้นใหม่ พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น หรือทิ้งเรื่องราวแย่ๆ ไว้ในปีเก่า เพื่อเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม
ในฝั่งของโลกธุรกิจเอง เมื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่ทั้งทีก็จะมีการประกาศเป้าหมายใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจ F&B หรือธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินทิศทางธุรกิจปี 2026 คาดว่าธุรกิจอาหารยังมีแนวโน้มการเติบโตแบบชะลอตัว เพราะผู้บริโภคเน้นสินค้าที่จำเป็นและลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย จากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน แต่ก็ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ ความแปลกใหม่ ประสบการณ์ที่ได้รับ และยอมจ่ายในราคาที่สมเหตุสมผล
ทิศทางธุรกิจ F&B ในปีหน้าหลายแบรนด์มุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ ‘brand extension’ คือการตลาดที่ต่อยอดความแข็งแกร่งจากชื่อแบรนด์ที่ผู้คนรู้จักอยู่แล้ว มาใช้เปิดตัวสินค้าหรือบริการใหม่ๆ ที่แตกต่างจากประเภทธุรกิจเดิมที่ทำอยู่ ทั้งเอกลักษณ์แบรนด์ กลยุทธ์การสื่อสาร ราคา คุณภาพ และกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้แบรนด์ใหม่เติบโตได้โดยไม่ทำลายแบรนด์เดิม แต่ช่วยส่งเสริมทั้งภาพลักษณ์และยอดขายให้แก่กัน
Recap ตอนนี้จึงขอต้อนรับปีใหม่ ด้วยการรวบรวมหลากแบรนด์ดังที่ประกาศ New Year, New Brand ในช่วงปลายปี 2025 เพื่อมาสร้างสีสันใหม่และรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2026
🍽 จาก Iberry Group สู่ GAPPLE
พูดถึงธุรกิจที่แตกแบรนด์ใหม่จะขาดเจ้าแห่งการปั้นแบรนด์อย่าง IBerry Group ไปได้ยังไง ภายในอาณาจักรของ ‘ปลา–อัจฉรา บุรารักษ์’ ได้เปิดร้านอาหารทั้งคาวหวานกว่า 20 แบรนด์ เช่น กับข้าว กับปลา, เจริญแกง, โต๊ะคิม, Oh My Godmother, สเลญวน รวมกันมากกว่า 100 สาขาทั่วประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 4 บริษัท และกวาดรายได้รวมกันในปี 2025 เกิน 4,400 ล้านบาท
ภาพ : Gapple.Thailand
ภาพ : Gapple.Thailand
ล่าสุดก็ได้ประกาศแตกแบรนด์ใหม่ส่งท้ายปีกับ GAPPLE แบรนด์สมูทตี้และเครื่องดื่มที่ได้รับแรงบันดาลใจจากร้าน Goodsmood ในเชียงใหม่ หลังจากปลาและทีมงานได้แวะเวียนมาชิมอยู่บ่อยครั้ง เพราะประทับใจในรสชาติและแนวคิดของแบรนด์ จึงมาต่อยอด พัฒนา และรีแบรนด์ใหม่ ภายใต้ DNA ของ Iberry Group เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์เดียวกันกับเธอ ผ่านเครื่องดื่มที่ดื่มง่าย สดชื่น และเข้ากับชีวิตประจำวันและถูกถ่ายทอดออกมาในแท็กไลน์ ‘Gapple Up Your Day’
Gapple เลือกวัตถุดิบธรรมชาติ 100% ไม่ใช้นมวัว แต่ใช้นมถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์สูตรโฮมเมดแทน และให้ความหวานจากอินทผลัม โดยไม่เติมน้ำตาล เริ่มต้นแก้วละ 85 บาท ประเดิมสาขาแรกที่นิมมานฯ ซอย 17 จังหวัดเชียงใหม่ และปักหมุดมาเยือนกรุงเทพฯ ภายในปี 2026 ที่ Dusit Central Park, Siam Paragon, J Avenue Thonglor และ Ekamai Corner จะเห็นว่าการแตกแบรนด์ในครั้งนี้เน้นตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เฮลตี้ของคนรุ่นใหม่ที่มาแรงอย่างต่อเนื่อง
☕ จากกาแฟพันธุ์ไทย สู่ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย
หลังจากสร้างกระแสฮือฮาเมื่อมีก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย สาขาแรกผุดขึ้นที่รังสิตคลอง 3 เมื่อต้นปี 2025 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นโมเดลที่กาแฟพันธุ์ไทยใช้ลองเปิดร้านอาหารแบบผสมผสานที่มีทั้งเครื่องดื่ม เบเกอรี่ และก๋วยเตี๋ยวเรือในร้านเดียว เพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่และบริการที่ครบวงจรให้แก่ลูกค้า และสอดรับไปกับการคาดการณ์มูลค่าตลาดร้านอาหารสตรีทฟู้ด ที่มีหน้าร้านว่าจะเติบโต 4.7% หรือมีมูลค่า 261,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเซกเมนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดร้านอาหาร จนได้รับกระแสตอบรับที่ดีตามคาด
พันธุ์ไทยจึงประกาศเปิดบริษัท ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย จำกัด โดยคงคอนเซปต์ Creative Thai Taste คัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นไทยมาสร้างสรรค์เมนู ทั้งน้ำซุปเล้งเข้มข้นจากสมุนไพรผ่านการเคี่ยวเป็นเวลานาน จนหอมหวานกลมกล่อม สามารถเลือก DIY ได้ ทั้งเส้น น้ำซุป ท็อปปิ้ง โดยเฉพาะเอ็นหมูหาดใหญ่ วัตถุดิบท้องถิ่นขึ้นชื่อในจังหวัดสงขลา พร้อมเสิร์ฟของทอด ของทานเล่น และขนมหวานแบบไทย ครบจบในร้านเดียว
ปัจจุบันก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย เปิดให้บริการ 3 สาขา และมีแผนขยายสาขาในปี 2026 ตั้งเป้าเปิดทั้งหมด 50 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แบ่งเป็นสาขาในและนอกปั๊มอย่างละ 50% โดยสาขานอกปั๊มจะเน้นแหล่งชุมชนเมือง ออฟฟิศ และสาขาที่มีการเชื่อมต่อไปกับร้านกาแฟพันธุ์ไทย เพื่อให้แบรนด์ส่งเสริมกันและกันตามกลยุทธ์ brand extension และยังสอดคล้องกับเทรนด์อาหารในปี 2026 ที่คนจะหันมาสนับสนุนร้านที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ ในราคาที่คุ้มค่า
🥤จากเต่าบิน สู่เต่าทอด
ย้อนไปไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ เทรนด์ตู้อัตโนมัติหรือ vending machine มาแรงอย่างมาก เพราะตอบโจทย์ความสะดวกสบายและมีสินค้าให้เลือกหลากหลาย ทั้งเครื่องดื่ม อาหาร เครื่องสำอาง หรือแม้แต่ดอกไม้ แต่ในปีที่ผ่านมากระแสเริ่มแผ่วลง ถึงขนาดที่ตู้จำหน่ายเครื่องดื่มชงสดอัตโนมัติเจ้าแรกๆ ในไทยอย่างเต่าบิน ก็มียอดขายในช่วงครึ่งปีแรกของ 2025 ลดลง 2.44%
เต่าบินก็ได้แก้เกมทั้งเปิด ‘เต่าบินคาเฟ่’ เสิร์ฟประสบการณ์ใหม่จากตู้อัตโนมัติสู่หน้าร้าน และยังมีแผนเปิดตัว ‘ตู้เต่าบิน พรีเมียม’ มาจำหน่ายเครื่องดื่มที่ใช้วัตถุดิบอันพรีเมียมจากทั่วโลก มีการดีไซน์ตู้ใหม่ให้ทันสมัย และจะเริ่มติดตั้งในพื้นที่ห้างสรรพสินค้าและโรงแรมระดับลักชัวรี
พร้อมเปิดตัว ‘ตู้น้ำแข็งและโซดา’ ซึ่งผลิตน้ำแข็งอัตโนมัติและทำโซดาสดบรรจุขวดได้ ส่วนไฮไลต์ที่น่าจับตามองคือการแตกแบรนด์ใหม่ออกมาเป็น ‘เต่าทอด’ ตู้ที่ทำเมนูทอดกว่า 10-20 แบบ เช่น เฟรนช์ฟรายส์ นักเก็ต ลูกชิ้น จุดเด่นคือการทอดสดใหม่ทุกออร์เดอร์ ใช้ระบบน้ำมันที่สะอาด เพื่อขยายจากตลาดแมสไปสู่ตลาดพรีเมียมและออกสินค้าหลากหลาย มาสร้างโอกาสทางธุรกิจที่มากกว่าตู้ขายเครื่องดื่ม แต่คือการสร้างพฤติกรรมใหม่ให้คนไทยหันมาใช้บริการตู้ขายสินค้าอัตโนมัติกันมากขึ้น
🍲 จาก Haidilao สู่ Hi Dee Shabu
ในการแตกแบรนด์ใหม่นอกจากแบรนด์แมสจะขึ้นมาเล่นในตลาดพรีเมียมแล้ว แบรนด์พรีเมียมก็ได้ปรับตัวสู่ตลาดแมสเหมือนกัน โดยเฉพาะตลาดที่แข่งขันสูงเป็นอันดับต้นๆ ในปี 2025 ที่ผ่านมาอย่างสงครามสุกี้ ส่งผลกระทบแม้กระทั่งเชนใหญ่ Haidilao (ไหตี่เลา) ผลประกอบการครึ่งปีแรกของ 2025 ลดลง 3.7% ส่วนกำไรลดลงถึง 14%
เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2025 จึงได้เปิดตัว Hi Dee Shabu ที่เซ็นทรัลพระราม 3 เป็นแห่งแรก เพื่อบุกตลาดสุกี้ในราคาที่จับต้องได้มากขึ้น เริ่มต้นชุดละ 199 บาท และการเจาะตลาดแมสในไทยจะขาดบุฟเฟ่ต์ไม่ได้ แต่แทนที่จะเลือกใช้กลยุทธ์ปรับเป็นบุฟเฟ่ต์ทั้งหมด กลับเลือกขายชาบูแบบ à la carte และให้จ่ายเพิ่ม 69 บาท สำหรับบุฟเฟต์บาร์ ที่มีทั้งของทอด ผัก ผลไม้ ซูชิ ติ่มซำ หมี่หยก และอื่นๆ เพื่อสร้างความแตกต่างจากแบรนด์สุกี้อื่นในท้องตลาด
Hi Dee Shabu ยังจัดโต๊ะสำหรับชาบูหม้อเดี่ยว จับเทรนด์ solo dining เอาใจคนโสดและสายอินโทรเวิร์ตที่มาคนเดียว อาจกินได้ไม่มาก ก็สามารถอิ่มอร่อยในราคาที่จับต้องได้ ซึ่งถ้ากลยุทธ์นี้ไปได้สวย ไม่แน่ว่าในปี 2026 เราอาจเห็น Hi Dee Shabu ขยายสาขาเพิ่มอีกก็เป็นได้
🧃 จาก JIAN CHA สู่ JAI CHAN
ชาผลไม้ที่มีหลายสาขาทั้งในไทยและต่างประเทศอย่าง ‘เจี้ยนชา’ ในปีที่ผ่านมาก็ได้ใช้กลยุทธ์การแตกแบรนด์ใหม่ส่ง OH' POLLY มาเล่นในตลาดชานมและชาใสระดับพรีเมียม โดยเน้นกลยุทธ์สเกลธุรกิจให้ไวด้วยการขยายสาขาเหมือนกับเจี้ยนชา คาดว่าในปี 2026 จะมีสาขาในไทย 20-30 แห่ง
ภาพ: Jaichan.spa
เมื่อกลางปี 2025 ยังขยายจากธุรกิจเครื่องดื่มมาเป็นธุรกิจ wellness เปิดร้านสปาและนวดไทยในชื่อ JAI CHAN หรือ ‘ใจฉัน’ ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่เป็นสาขาแรก เพราะ ‘พลอย–พอลลี่ เฮสันต์’ เห็นว่าตลาดนวดไทยทั่วโลกมีมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในไทยมีมูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท
กลยุทธ์ของใจฉันคือเป็นทั้งร้านนวดไทยและมีบริการเรื่อง Longevity ให้คนมาผ่อนคลายทั้งกายและใจ เช่น การสระผมแบบ ASMR ที่เทคนิคการนวดไทยและอุปกรณ์แบบไทยๆ อย่างหวีไม้กัวซามาปรับใช้ มีการสครับหน้า นวดเท้าจากสมุนไพรไทย และอื่นๆ อีกมากมาย ในอนาคตนอกจากจะขยายสาขาในไทย 15-20 แห่งแล้ว อาจจะมีการทำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายภายใต้แบรนด์ใจฉัน ออกมาวางขายในรูปแบบครีมซองตามร้านสะดวกซื้ออีกด้วย
ถึงแม้ปีใหม่เพิ่งจะเริ่มตัน แต่สำหรับโลกธุรกิจที่มีการแข่งขันแทบจะทุกวินาที เราจึงเห็นหลากแบรนด์ดังเตรียมตัวมาฟาดฟันกันอย่างเต็มที่ในปี 2026 นี้ ด้วยการเลือกแตกแบรนด์ใหม่เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าจับตามอง แล้วมาลองดูกันว่าปีนี้จะเห็นอะไรสนุกๆ ในโลกธุรกิจกันอีกบ้าง