โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

สื่อโลกจับตา ประชุม GBC ดับไฟชายแดนไทย-กัมพูชา ใต้แรงกดดันมหาอำนาจ

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ท่ามกลางเสียงปืนใหญ่และกลุ่มควันจากการปะทะระลอกใหม่ที่ปะทุขึ้นตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สายตาของสื่อมวลชนระดับโลกต่างพุ่งเป้ามายังจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด-ไพลิน จังหวัดจันทบุรี ซึ่งกลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการทูตในการเจรจาเพื่อหาทางออกให้กับความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในรอบหลายปี

การพบปะกันครั้งนี้ในการประชุม GBC เกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์สู้รบอย่างรุนแรงติดต่อกัน 16 วัน ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมแล้วอย่างน้อย 86 ราย โดยแบ่งเป็นฝ่ายไทย 65 ราย และกัมพูชา 21 ราย ตามรายงานของสำนักข่าว Reuters

ภาพลิขสิทธิ์ Reuters

สำนักข่าว Al Jazeera ผ่านการรายงานของ Assed Baig จากกรุงพนมเปญ วิเคราะห์ว่าการเจรจา 4 วันนี้ แม้จะมีผู้แทนจาก ASEAN เข้าร่วมสังเกตการณ์ แต่ความคาดหวังที่จะเห็นการหยุดยิงในทันทีนั้นยังคงเป็นเรื่องยาก

เนื่องจากการหารือครั้งนี้เป็นเพียงระดับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงและเทคนิค ไม่ใช่ระดับผู้นำทางการเมืองที่มีอำนาจตัดสินใจเด็ดขาด

เป้าหมายสูงสุดในขณะนี้จึงเป็นเพียงการรักษาช่องทางการสื่อสารและการพยายามทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนที่มีความยาวกว่า 800 กิโลเมตรกลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

ภาพลิขสิทธิ์ Reuters

ในขณะเดียวกัน The Guardian ได้สะท้อนภาพความรันทดของวิกฤตมนุษยธรรม โดยระบุว่าประชาชนกว่า 1 ล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น รายงานระบุว่าชาวไทยจำนวนมากต้องหนีตายไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว เช่น อาคารมหาวิทยาลัยในจังหวัดสุรินทร์ ขณะที่สถานการณ์ในสนามรบยังคงตึงเครียด

กองทัพไทยรายงานว่ามีการปะทะในจังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ โดยฝ่ายไทยได้ใช้ปืนใหญ่ รถถัง และโดรน เพื่อตอบโต้การโจมตีด้วยจรวด BM-21 ของกัมพูชา

ในขณะที่ฝั่งกัมพูชาผ่านสื่ออย่าง Khmer Times อ้างว่ามีการโจมตีทางอากาศจากไทยในเขตจังหวัดพระตะบองและบันเตียเมียนเจย ซึ่งส่งผลให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บและสร้างความตื่นตระหนกในสถานศึกษา

ปมปัญหาที่ยืดเยื้อนี้ยังลามไปถึงข้อพิพาททางวัฒนธรรมและอาวุธสงคราม โดยเจ้าหน้าที่กัมพูชาในจังหวัดพระวิหารได้กล่าวหาผ่านสื่อว่ากองทัพไทยใช้รถตักดินทำลายรูปปั้นพระวิษณุในพื้นที่พิพาท ซึ่งถือเป็นการทำลายโบราณวัตถุทางศาสนาอย่างรุนแรง

ทางด้านกองทัพไทยได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ระเบิดพวง (Cluster Munitions) โจมตีพลเรือน โดยยืนยันว่าการใช้อาวุธเป็นไปตามหลักความจำเป็นทางทหารและสัดส่วนที่เหมาะสม และชี้แจงว่าทั้งสองประเทศไม่ได้เป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดพวง

ภาพลิขสิทธิ์ Reuters

สำนักข่าว Reuters รายงานเพิ่มเติมว่าสถานการณ์นี้กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากมหาอำนาจ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้พยายามกดดันให้ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ที่เคยทำไว้ในเดือนตุลาคม ซึ่งรวมถึงการถอนทหารและอาวุธหนักออกจากพื้นที่ทับซ้อน

บทสรุปของการเจรจาในครั้งนี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญของอาเซียนและระดับความจริงใจของทั้งสองประเทศ, โดยหากการหารือระดับเจ้าหน้าที่ในครั้งนี้ราบรื่น สำนักข่าว Reuters ระบุว่าอาจนำไปสู่การเจรจาระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในวันที่ 27 ธันวาคมนี้ เพื่อยุติฝันร้ายบนรอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างถาวร

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...