โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

กิตติพงษ์ เตือนอย่าใช้วิธีเดิม ปลดล็อกวิกฤตการเมืองไทย

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 29 มิ.ย. เวลา 04.12 น. • เผยแพร่ 29 มิ.ย. เวลา 11.02 น.

ศาสตราจารย์พิเศษ กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตั้งคำถามว่า "ประเทศไทยต้องเสียโอกาสอีกกี่ครั้งถึงจะรู้ว่าวิธีเดิมไม่แก้ปัญหา" พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการเมืองด้วยการใช้หลักธรรมาภิบาลและนิติธรรม

ศาสตราจารย์กิตติพงษ์ระบุว่า ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่เสียงไม่พอใจต่อรัฐบาลและระบบการเมืองดังก้องขึ้นเรื่อยๆ จากบทสนทนาในวงเล็กสู่เวทีสาธารณะ จากคำเรียกร้องให้ลาออกเริ่มนำไปสู่บรรยากาศที่ทำให้หลายคนนึกถึงการรัฐประหารอีกครั้ง พร้อมตั้งคำถามหลักว่า "คำถามไม่ใช่แค่ 'จะเกิดอะไรขึ้นอีก' แต่คือ 'ทำไมเรายังออกจากวังวนเดิมไม่ได้เสียที?'"

"เราเคยผ่านจุดนี้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เปลี่ยนตัวละคร เปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนคำปราศรัย แต่เรื่องเล่ายังคงเป็นเรื่องเดิม—ประเทศที่วนเวียนอยู่กับความขัดแย้งแบบไม่รู้จบ" ศาสตราจารย์กิตติพงษ์เขียน

ศาสตราจารย์กิตติพงษ์มองว่า การพูดถึงการเปลี่ยนแปลงมักยกเอาประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญมาเป็นธงนำ แต่กลับไม่ค่อยพูดถึงอีกสองคำสำคัญ คือ "ธรรมาภิบาล" และ "หลักนิติธรรม"

ศาสตราจารย์กิตติพงษ์อธิบายว่า ธรรมาภิบาลคือการใช้อำนาจอย่างโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และเปิดรับเสียงของประชาชน ส่วนหลักนิติธรรมคือการที่กฎหมายควบคุมอำนาจ ไม่ใช่ปล่อยให้อำนาจควบคุมกฎหมาย

"ทั้งสามคำ—ประชาธิปไตย ธรรมาภิบาล และหลักนิติธรรม—จึงไม่ควรถูกแยกจากกัน แต่ควรถูกนำมาทำความเข้าใจร่วมกันในฐานะโครงสร้างเดียวกัน ที่ทำให้ประเทศก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน"

ศาสตราจารย์กิตติพงษ์เชื่อว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่ถูกมองข้ามในนโยบายสาธารณะคือ "Civic Education" หรือการเรียนรู้เพื่อความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย

ศาสตราจารย์กิตติพงษ์ยกตัวอย่างประเทศฟินแลนด์ เยอรมนี เกาหลีใต้ และไต้หวัน ที่การศึกษาพลเมืองไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน แต่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการมีส่วนร่วมของพลเมือง

"พวกเขาเรียนรู้ตั้งแต่เด็กว่าจะตั้งคำถามกับอำนาจอย่างไร รับฟังความเห็นต่างอย่างไร และมีหน้าที่ต่อส่วนรวมอย่างไร ต่างจากประเทศไทยซึ่งยังขาดกระบวนการเรียนรู้เช่นนี้อย่างเป็นระบบ"

ศาสตราจารย์กิตติพงษ์เสนอให้สร้าง "พื้นที่เรียนรู้" ที่ทำให้คนไทยทุกช่วงวัยเข้าใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง เป็นกระบวนการเรียนรู้ตลอดชีวิตของคนทั้งสังคม ตั้งแต่นักเรียน คนทำงาน ข้าราชการ นักการเมือง ผู้มีอำนาจระดับสูง รวมถึงนักประชาธิปไตยที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนท้องถนน

เป้าหมายคือให้คนไทยทุกคนตระหนักว่าบทบาทของตนในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่ "ผู้ถูกปกครอง" แต่คือ "เจ้าของอำนาจอธิปไตย" อย่างแท้จริง

ศาสตราจารย์กิตติพงษ์เตือนว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นสัญญาณของพลังที่กำลังผลักดันเพื่ออนาคตที่ดีของประเทศ แต่ควรระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่นำไปสู่การรัฐประหาร ซึ่งถูกพิสูจน์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่าไม่ใช่ทางออกที่ยั่งยืน

"ประชาธิปไตยที่ไม่มีระบบตรวจสอบ ไม่มีธรรมาภิบาล และไม่มีหลักนิติธรรม ก็ไม่ต่างจากเวทีที่เปลี่ยนตัวแสดง แต่บทเดิมไม่เคยถูกเขียนใหม่"

ศาสตราจารย์กิตติพงษ์ตั้งคำถามว่า "ประเทศไทยจะต้องเสียโอกาสอีกกี่ครั้ง ก่อนที่เราจะยอมรับตรงๆ ว่า วิธีเดิมๆ ไม่เคยช่วยแก้ปัญหาอย่างแท้จริง"

ศาสตราจารย์กิตติพงษ์สรุปว่า หากประเทศไทยไม่กล้าเปลี่ยนแนวทางและยังใช้วิธีการเดิม ประเทศไทยยังคงเดินเป็นวงกลมกลับมาสู่จุดเดิมอีกครั้ง โดยเน้นว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงต้องเริ่มจากการเปลี่ยนวิธีคิดและระบบความเข้าใจของคนในทุกระดับของสังคม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...