How to Train Your Dragon รีวิว ดูโอต่างสายพันธุ์ที่ใครก็ต่างยิ้มให้กับความน่ารัก
LSA Thailand
อัพเดต 23 มิ.ย. เวลา 14.04 น. • เผยแพร่ 16 มิ.ย. เวลา 01.30 น. • Lifestyle Asia Thailandเป็นการดูหนังที่ดูไปยิ้มไปได้ สำหรับ How to Train Your Dragon ในยุค 2025 ฉบับคนแสดง คุณจะได้เห็นโลกของชาวไวกิ้งที่ต้องต่อสู้กับมังกรที่รุกราน ผู้นำเผ่าผู้ยิ่งใหญ่แห่งเบิร์กอย่าง “สโตอิค” ที่ต้องนำทัพสร้างความแข็งแกร่งทำลายล้างมังกรที่ส่งต่อมาตั้งแต่ยุคอดีต แต่ในขณะเดียวกันก็มีชายที่ชื่อ “ฮิคคัพ” ลูกชายของหัวหน้าเหล่าไวกิ้งที่ฝันอยากเป็นนักล่ามังกร แต่ชีวิตของเขาก็พลิกผัน พอได้รู้จักกับมังกร ที่ชื่อ “เขี้ยวกุด” หรือ “เพลิงนิล”
นี่คือสิ่งที่ สรุปได้จากการดู How to Train Your Dragon ฉบับ Live-action เชื่อว่า เด็กดูได้ผู้ใหญ่ก็ดูเพลินอย่างแน่นอน
Related articles
หนังเข้าใหม่ น่าดู ประจำเดือนมิถุนายน 2025
“A Useful Ghost (ผีใช้ได้ค่ะ)” รางวัลคานส์ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่คือจุดเริ่มต้นของการยกระดับวงการภาพยนตร์ไทย
คุณจะยิ้มไปกับฉากที่ฮิคคัพใช้เวลาร่วมกันไปกับ เพลิงนิล
Spoiler Alert!!! How to Train Your Dragon (อาจมีการเปิดเผยเนื้อหาไม่มากก็น้อย)
Lifestyle Asia rating: 4/5
ประเภท: แอ็คชั่น, ผจญภัย, แฟนตาซี
นักแสดงนำ:
- Mason Thames รับบท Hiccup
- Nico Parker รับบท Astrid
- Gerard Butler รับบท Stoick
- Nick Frost รับบท Gobber
- Gabriel Howell รับบท Snotlout
- Julian Dennison รับบท Fishlegs
- Bronwyn James รับบท Ruffnut
- Harry Trevaldwyn รับบท Tuffnut
ผู้กำกับ: Dean DeBlois
เวลา: 2 ชั่วโมง 5 นาที
ดูได้ที่ไหน: ทุกโรงภาพยนตร์
ดูได้เมื่อไหร่: 11 มิถุนายน 2025
สิ่งที่เราชอบใน How to Train Your Dragon
ถ้าคุณอาจจะไม่ได้สนใจเนื้อเรื่องอะไรมากมาย แค่คุณได้มาเห็นความน่ารักของเจ้า “เขี้ยวกุด” มังกรตัวสีดำแสนน่ารัก แค่นี้ก็น่าจะคุ้มค่าสำหรับการดูเรื่องนี้ แม้ในตอนแรกอาจจะไม่ได้เป็นมิตรกับพระเอกอย่าง “ฮิคคัพ” มากนัก แต่เราก็จะได้พัฒนาการของสองซี้ต่างขั้วไปเรื่อย ๆ พร้อมไปการความกดดันของพระเอกเอง ที่ตอนแรกฝันอยากเป็นนักล่ามังกร แถมโดนพ่อที่เป็นหัวหน้าเผ่าอย่าง “สโตอิค” รับบทโดย เจอร์ราร์ด บัตเลอร์ (Gerard Butler) ผู้ให้เสียงต้นฉบับในแอนิเมชัน ที่ตอนแรกหัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ให้เป็น แต่เห็นความมุ่งมั่นของ ฮิคคัพ สุดท้ายความคิดในการฆ่ามังกรก็เปลี่ยนไป ในขณะเดียวกันตัวเขาเองก็เปลี่ยนมุมมองของมังกรไปเช่นกันหลังจากผมกับ “เขี้ยวกุด”
นอกจากความน่ารักของเจ้า “เขี้ยวกุด” แล้ว เราก็จะเห็นมังกรต่าง ๆ ในเรื่องที่ออกสร้างความบันเทิงให้กับคุณเรื่อย ๆ ในฉากที่ต้องฝึกต่อสู้กับมังกร ตัดสลับ การสร้างอุปกรณ์ต่าง ๆ และสร้างความสัมพันธ์ของเขากับเจ้า เพลิงนิล มังกรดำ ที่พาคุณท่องไปทั้งผู้เขา ทะเล แม่น้ำ และฉากธรรมชาติอีกมากมายที่เกิดขึ้นในเรื่อง
งานนี้คงต้องยกความดีความชอบให้กับ ดีน เดอบลัวส์ (Dean DeBlois) ผู้กำกับจากฉบับต้นฉบับที่ยังคงแก่นสารเดิม แต่ก็ยังเพิ่มเติมความเป็นคนแสดงที่ดูมีมิติมากขึ้นในโลกของ How to Train Your Dragon นั้นเอง ถึงขนาดเขารู้ว่า เรื่องนี้จะกลับมาสร้างเป็นคนแสดง เขาก็ขอเสนอตัวเอง เนื่องจากรู้ทุกแง่มุมของเรื่องนี้นั้นเอง
สิ่งที่เราไม่ค่อยชอบ
ไม่รู้จะติอะไร เพราะทุกอย่างมันก็ดูเพลิดเพลินไปหมด แต่ถ้าจะคิดออกสักอย่างคือ การที่ตัวหนังอาจจะไม่ได้ฉีกจากตัวแอนิเมชันมากนัก เมื่อหลายฉากยังคงต้นฉบับ ซึ่งก็อาจจะเป็นการเพลย์เซฟไปเสียหน่อย แต่เราก็พอเข้าใจช่วงหลัง หนังเรื่องไหนที่ต้นฉบับดีมาก แล้วไปพลิกอะไรแปลก ๆ จนหลุดแก่นอะไรของต้นฉบับก็อาจจะหลุดโค้ง เหมือนหนังหลายเรื่องที่ผ่านมา โดยที่เราอาจจะไม่ต้องเอ่ยชื่อหนังเสียด้วยซ้ำเอาแค่ปี 2025 ก็ยักษ์ล้มกันไปสองสามเรื่องแล้ว
อีกอย่างคือ เนื้อเรื่องที่เดาได้ง่ายเป็นเส้นตรงไปเสียหน่อย ถึงกระนั้นกับหนังแบบนี้เราคงไม่ได้คาดหวังนอกจากปล่อยตัวปล่อยแล้วเอ็นจอยกันดีกว่า
เรื่องย่อ How to Train Your Dragon
การนำภาพยนตร์แอนิเมชันชื่อดังในปี 2010 กลับมาสร้างใหม่ในรูปแบบ Live-Action (คนแสดง) กับ เรื่องราวเกิดขึ้นบนเกาะเบิร์ก (Berk) ดินแดนของชาวไวกิ้งที่ชีวิตผูกพันกับการต่อสู้กับมังกรมาหลายชั่วอายุคน โดยมังกรมักจะบุกโจมตีหมู่บ้านเพื่อขโมยปศุสัตว์และสร้างความเสียหาย “ฮิคคัพ ฮอร์เรนดัส แฮดด็อกที่ 3” (Hiccup Horrendous Haddock III) เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ผู้ไม่เหมือนใครและเป็นลูกชายของ “สโตอิคผู้เกรียงไกร” (Stoick the Vast) หัวหน้าเผ่าไวกิ้ง ฮิคคัพมีร่างกายที่ผอมบางและไม่ถนัดในการต่อสู้เหมือนชาวไวกิ้งคนอื่นๆ แต่เขากลับมีความเฉลียวฉลาดและชอบประดิษฐ์สิ่งของ ทำให้เขา
ในระหว่างการบุกโจมตีของมังกรครั้งหนึ่ง ฮิคคัพสามารถยิงมังกร “ไนท์ฟิวรี่” (Night Fury) ซึ่งเป็นมังกรหายากและอันตรายที่สุดตัวหนึ่งร่วงลงมาได้ด้วยเครื่องยิง bolas ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นมา แต่ไม่มีใครเชื่อเรื่องของเขา ด้วยความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง ฮิคคัพจึงออกตามหามังกรตัวนั้นเพื่อที่จะฆ่ามัน แต่เมื่อเขาพบว่ามังกรบาดเจ็บและหมดหนทาง เขากลับตัดสินใจที่จะปล่อยมันไป และหลังจากนั้นฮิคคัพก็ได้สร้างมิตรภาพที่ไม่น่าเป็นไปได้กับมังกรตัวนั้น เขาตั้งชื่อมันว่า “ทูธเลส” (Toothless) จนเกิดการผจญภัยและมิตรภาพอีกมากมาย
อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ ไลฟ์สไตล์คนเมือง ร้านอาหารเด็ดดัง แฟชั่นล่าสุด สุขภาพ และความงาม พร้อมกับ เรื่องราวทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ได้ที่ Lifestyle Asia
Hero & Featured Photo Credit: Universal Pictures – © Universal Pictures via IMDB
Note : The information in this article is accurate as of the date of publication.