ยุคครีเอเตอร์-อินฟลูฯ เฟ้อ จะอยู่รอดอย่ารอแค่สปอนฯ แนะวิธีหาเงินหลายช่องทาง
ตอนนี้ถ้าพูดคำว่า “ครีเอเตอร์” ไม่ได้หมายถึงแค่คนทำคอนเทนต์อีกต่อไป แต่นิยามความหมายครีเอเตอร์ ถือเป็น “ผู้มีอิทธิพล” หรือ อินฟลูเอนเซอร์รูปแบบหนึ่งในระบบเศรษฐกิจดิจิทัลที่ครอบคลุมแทบทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าเราจะอยู่ในวงการไหน ความงาม การเงิน อาหาร การท่องเที่ยว หรือแม้แต่ข่าวสาร เราจะเห็นครีเอเตอร์แทรกอยู่ในทุกจุด และในปี 2025 นี้ เทรนด์ของวงการคอนเทนต์กำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่อีกครั้ง
ในงาน CREATIVE TALK CONFERENCE 2025 เซสชั่น ‘อินฟลูเฟ้อ ครีเอเตอร์เอาไงต่อ Creator Trends’ โดย‘สุวิตา จรัญวงศ์’ CEO & Co-founder of Tellscore Co., Ltd. และ ‘ขจร เจียรนัยพานิชย์’ Executive Editor RAiNMaker ผู้จัดงาน iCreator Conference มาแชร์ข้อมูลของเหล่าอินฟลูฯ ตอนนี้ให้ฟัง
TODAY Bizview จะสรุปสถานการณ์อินฟลูฯ เฟ้อ รวมถึงทิศทางการเป็นอินฟลูฯ ในอนาคตให้ครบจบผ่านบทความนี้
[ ตลาดคอนเทนต์ใหญ่หลักล้านล้านบาท แล้วแพลตฟอร์มไหนครองใจผู้คน? ]
สำหรับตอนนี้มีคาดการณ์กันว่าตลาดคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งในประเทศไทยปีนี้จะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านบาท สะท้อนถึงการที่คอนเทนต์ไม่ใช่แค่ “เครื่องมือโฆษณา” อีกต่อไป แต่กลายเป็นสินทรัพย์สำคัญของแบรนด์ โดยเฉพาะเมื่อครีเอเตอร์เริ่มกลายเป็น ส่วนหนึ่งของแบรนด์ ไม่ใช่แค่ผู้รับงานชั่วคราว
อธิบายง่ายๆ คือจากเมื่อก่อนที่แบรนด์ต้องออกไปจ้างอินฟลูฯ มารีวิว ตอนนี้แบรนด์ก็ปั้นอินฟลูฯ ขึ้นมาเอง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์แทน
อย่างไรก็ตาม สำหรับแพลตฟอร์มที่ยังมีฐานผู้ใช้งานเยอะสุดในตอนนี้ก็จะแบ่งออกเป็น
- Facebook 31%
[ * TikTok 27% , * Instagram 25% , * YouTube 17% ]
แม้ว่าไม่กี่ปีที่ผ่านมา TikTok จะมีกระแสมาแรงสุด แต่ผู้คนก็ยังคงอยู่ใน Facebook มากกว่า และถ้าเขาไปทำคอนเทนต์ให้แต่ละแพลตฟอร์มต้องดูให้ๆ เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีโอกาสและข้อจำกัดต่างกัน เช่น TikTok เหมาะกับคอนเทนต์ไวรัล ส่วน YouTube ยังเป็นพื้นที่ทำรายได้ระยะยาวได้ดี
[ รูปแบบคอนเทนต์ไหนมาแรง? ]
อย่างไรก็ตาม สำหรับรูปแบบคอนเทนต์ที่ได้รับความนิยม มีข้อมูลปี 2024-2025 บอกว่ารูปแบบคอนเทนต์ที่ครีเอเตอร์นิยมใช้มากที่สุด คือ
- วิดีโอสั้น 82.7%
[ * ภาพเดี่ยว 53.8% , * ภาพอัลบั้ม 47.2% , * บทความสั้น 35.7% , * วิดีโอยาว 26.3% , * บทความยาว 15% , * Live สด 14.1% \(เติบโตเร็วอย่างมีนัยสำคัญ\) ]
ปัจจุบัน ครีเอเตอร์ไทยกว่า 82 จาก 100 คน หันมาทำ “คลิปสั้น” ตัวอย่างง่ายๆ ก็เช่น ครีเอเตอร์หลายคนที่เริ่มจากสายเขียน โพสต์บทความไป สุดท้ายมักจะเจอคอมเมนต์ที่บอกว่า “ทำคลิปสั้นด้วยสิ” ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพฤติกรรมคนดูเปลี่ยน ต้องการดูเร็ว เสพง่าย แชร์ง่าย
ในขณะที่ “ไลฟ์สด” กลับมาฮิตอีกครั้ง เพราะให้ความรู้สึกใกล้ชิด และเปิดโอกาสให้หารายได้หลายทาง ทั้งยอดวิว อินเซนทีฟจากแพลตฟอร์ม และของขวัญจากผู้ชม เช่น “นายอาร์ม” ก็เลือกใช้วิธีไลฟ์ก่อน แล้วให้ทีมงานตัดเป็นคลิปสั้นทีหลัง ไลฟ์จึงกลายเป็นช่องทางสร้างรายได้อีกทาง ทั้งจากยอดวิว อินเซนทีฟของแพลตฟอร์ม และของขวัญจากผู้ชม
[ คอนเทนต์ไหนที่ยังได้รับความนิยม? ]
จากสถิติการทำคอนเทนต์ของครีเอเตอร์ไทย พบว่า TOP 10 หมวดหมู่ยอดนิยม ที่ครีเอเตอร์เลือกทำมากที่สุดคือ
- Lifestyle 19%
[ * Beauty & Fashion 17% , * Travel 10% , * Entertainment 8% , * Gaming 7% , * Food, Drink & Cafe 6% , * News & Reporter 5% , * Parenting & Kids 4% , * Art & Lifestyle 2% , * Education และ Comedy อย่างละ 2% ]
แต่เมื่อมองลึกลงไปจะพบว่า รูปแบบคอนเทนต์แบบเดิมๆ เริ่มไม่พอ อีกต่อไป เพราะพฤติกรรมผู้ชมเปลี่ยนเร็ว และอยากเสพสิ่งที่ตอบโจทย์อารมณ์ขณะนั้นมากกว่าหมวดหมู่
หนึ่งในคอนเทนต์ที่มาแรงในปีที่ผ่านมา คือ “Scam Alert” หรือคอนเทนต์เชิงข่าว-สารเตือนภัย เช่น รายการของ ‘หนุ่ม กรรชัย’ เนื้อหาแบบนี้ได้รับความนิยมสูง เพราะให้ทั้งสาระและความบันเทิงในเวลาเดียวกัน
อีกกระแสที่น่าจับตา คือกลุ่มคอนเทนต์ประเภท “Joy Feed” อะไรก็ได้ที่ ดูแล้วสบายใจ สนุก เพลิน ไม่จำกัดหมวดหรือประเด็นชัดเจน คอนเทนต์ลักษณะนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะคนดูไม่ได้แค่ต้องการข้อมูล แต่อยากรู้สึกดีระหว่างดูด้วย
[ เมื่อ AI เข้ามาเปลี่ยนเกม ]
เราจะเห็นผ่านๆ ตาช่วงนี้กับการใช้ AI ทำคอนเทนต์รายงานข่าว หรือคอนเทนต์ธรรมะ ต้อบอกแบบนี้ว่า AI เริ่มเข้ามาเป็นตัวเปลี่ยนเกมให้วงการครีเอเตอร์มากขึ้น จากเดิมทีผู้ชมอาจยังไม่อินกับคอนเทนต์ที่ผลิตโดย AI แต่ตอนนี้เริ่มเห็นการยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ
เช่น เวลาไถฟีด 20 โพสต์ มักจะมีอย่างน้อย 1 โพสต์เป็นคอนเทนต์ข่าวจาก AI ซึ่งคนดูรู้แต่ก็เลือกเสพ เพราะ “สนุกดี” และ “ไวมาก” บางช่อง YouTube ที่ใช้ AI 100% มีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นรวดเร็ว จนกลายเป็นช่องรายได้หลักของเจ้าของไปแล้ว
นี่คือช่วงเปลี่ยนผ่านที่น่าจับตา เพราะมีทั้งกลุ่มที่ยอมรับ AI อย่างเต็มใจ และกลุ่มที่ยังลังเล ซึ่งในแง่บวก AI ก็เข้าเพิ่ม Productivity ของครีเอเตอร์ หรือมีเคสใหม่ๆ ใช้ AI ทำคอนเทนต์เร็วขึ้น โดย AI เข้าไปช่วยในหลายอุตสาหกรรม เช่น สุขภาพ การเงิน กฎหมาย
[ รายได้ไม่รอแค่สปอนเซอร์อีกต่อไป ]
อย่างไรก็ตาม สำหรับครีเอเตอร์ตอนนี้มีอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องเผชิญคือ ถ้าใครเพิ่งพาสปอนเซอร์มากๆ ต้องรู้ว่าฝั่งแบรนด์เองก็เริ่ม “รัดเข็มขัด” งบที่เคยจ่าย 100 บาท อาจเหลือแค่ 80 บาท แต่ยังคงคาดหวังคุณภาพเท่าเดิม หรือมากกว่า
บรีฟละเอียดขึ้น เงื่อนไขมากขึ้น เช่น มีแบรนด์อาหารสุนัขที่ต้องการคอนเทนต์รีวิวจาก “หมาอ้วน” ที่ยังไม่เคยพบสัตวแพทย์ เพื่อโชว์การเปลี่ยนแปลงหลังทานอาหาร พร้อมทั้งครีเอเตอร์ต้องคำนวณยอดวิว ทำรีพอร์ตส่งให้แบรนด์เอง กลายเป็นงานที่ต้องละเอียด และวัดผลได้ชัดเจนขึ้น
และเมื่อรายได้จากแบรนด์ไม่แน่นอนอีกต่อไป ครีเอเตอร์หลายคนจึงปรับตัวไปหารายได้ทางอื่น เช่น ช่อง “รับทราบ” ทำเสื้อขายในชื่อแบรนด์ตัวเอง ขายหมดภายใน 3 นาที หรือช่อง “Peanut Butter” เปิดเมมเบอร์ชิปแบบจ่ายเงินบนช่อง YouTube ให้สมาชิกที่จ่ายเงินได้ดูคอนเทนต์เอ็กซ์คลูซีฟ ซึ่ง ได้ยอดดูสูงมาก
หรือเห็นชัดๆ คือจาก “ฟาโรส” ยังรับสปอนเซอร์อยู่ แต่เริ่มจัดอีเวนต์ของตัวเอง สร้างประสบการณ์ตรงให้แฟนคลับ โดยครีเอเตอร์หลายคนเริ่มสร้างแบรนด์สินค้า ของตัวเอง เพราะเชื่อว่าผู้ติดตามพร้อมสนับสนุนมากกว่าซื้อจากโฆษณาทั่วไป
สรุปง่ายๆ ว่าปี 2025 เป็นปีของ “การอยู่รอดด้วยตัวตน” ครีเอเตอร์ที่ยังไปต่อได้ ไม่ใช่คนที่ทำตามกระแสอย่างเดียว แต่คือคนที่ รู้จักตัวเอง + เข้าใจผู้ชม + กล้าปรับ + มีจุดยืน
“ทำคอนเทนต์ดี เป็นตัวของตัวเอง อย่าโลภ อย่ารัด” นี่คือคติเตือนใจสำหรับเหล่าครีเอเตอร์ และอินฟลูฯ ในปีนี้