ม็อบ 28 มิถุนา ชวนติดแฮชแท็ก นับยอดก่อนชุมนุมใหญ่ รับถูก IO บิดเบือนเยอะ
วันที่ 24 มิ.ย. 68 นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่ม คปท. แถลงผลความคืบหน้าหลังจากลงพื้นที่ไปดูสถานที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในการเตรียมความพร้อมจัดกิจกรรมในวันเสาร์ที่ 28 มิถุนายนที่จะถึงนี้มีความพร้อมมากที่สุด เนื่องจากเป็นกิจกรรมรวมพลังแผ่นดินครั้งใหญ่มากที่สุด ซึ่งจะมีการเดินทางมาจากทั่วประเทศในการออกมาแสดงพลัง โดยการเตรียมความพร้อมทั้งหมดเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่เวลา 16:00 น. ถึง 21:00 น.
สำหรับวันพุธที่ 25 มิถุนายนและวันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน จะมีการจัดกิจกรรมก่อนทั่วกรุงเทพฯ โดยการออกมาร้องเพลงชาติร่วมกัน นำธงชาติไทยโบกสะบัดในแต่ละจังหวัดของตนเอง ซึ่งประชาชนหลายจังหวัดเริ่มนัดแนะกันไปที่ศาลากลางจังหวัดหรือพื้นที่เอกชนต่างๆแล้ว พร้อมกับเชิญชวนประชาชนโพสต์ข้อความลงบนโซเชียลให้ติดแฮชแท็ก #28มิถุนามาแน่ และเชิญชวนติดสติกเกอร์ธงชาติไทยที่รถยนต์ของตนเอง ก่อนที่จะถึงวันที่ 28 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นการเตรียมความพร้อมในการเตรียมมาร้องเพลงชาติร่วมกันพร้อมกับนำธงชาติไทยโบกสะบัดไปมาพร้อมกัน
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เชิญชวนประชาชนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่มีความประสงค์เดินทางมาร่วมการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิร่วมกันติดแฮชแท็ก #28มิถุนามาแน่ เนื่องจากต้องการทราบจำนวนของประชาชนในทุกแพลตฟอร์ม พร้อมกับการร่วมทำกิจกรรมการติดธงชาติไทยหน้าบ้านหรือติดสติกเกอร์ที่รถยนต์ เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในความรู้สึกรักชาติรักแผ่นดิน ซึ่งเชิญชวนให้ประชาชนเริ่มร่วมกันทำกิจกรรมนี้ไปพร้อมกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป
นายปานเทพ ยืนยันว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง ซึ่งจะใช้บัญชีของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกิจกรรมมากกว่า 10,000 คนร่วมบริจาคมาแล้วเป็นเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งเกินกว่าจำนวนที่ใช้ในการจัดกิจกรรม แต่ตามจุดประสงค์ยืนยันว่าหลังจากจบกิจกรรมแล้วจะนำเงินที่เหลือบริจาคให้กับกองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหาร 100%
สำหรับกระบวนการก่อนกิจกรรมจะเริ่มขึ้นมีกระแสข่าวว่านายสนธิ ลิ้มทองกุล จะขึ้นเวทีปราศรัยโจมตีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงถือเป็นกระบวนการบั่นทอนประชาชนที่จะออกมาแสดงพลังในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ข้ออ้างที่ระบุว่ามีการเตรียมสคริปต์ด่าลุงตู่ หรือ พลเอกประยุทธ์ นั้นไม่เป็นความจริง มีเพียงเรื่องเดียวคือสามัคคีปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย ตลอดจนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกภาคส่วนในการจัดกิจกรรม
ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ระบุถึงบุคคลตัวโตลึกลับที่สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด หากมีการปล่อยให้ประชาชนนั่งรถมาร่วมการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันเสาร์ที่จะถึงนี้จะมีการคาดโทษ จึงฝากไปถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ว่าคนที่สั่งการไปนั้นจะมีวาระตำแหน่งงานอยู่ได้อีกกี่วัน ไม่เคารพสิทธิเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ยืนยันว่านี่เป็นภารกิจของชาติ เชิญชวนคนไทยทุกคนลดเงื่อนไขความขัดแย้ง แสดงตัวให้นายกรัฐมนตรีลาออกทันที พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที พร้อมยืนเคียงข้างทหารรั้วของชาติปกป้องอธิปไตยของชาติ
แต่ในขณะนี้มีกระบวนการ IO ของทางรัฐบาลที่ทำคลิปและให้ข้อมูลว่ามีการจ้างชาวบ้านทางภาคใต้จ่ายหัวละ 1,000 บาทมาร่วมกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ บางคนตีความหมายว่าการทำกิจกรรมในวันเสาร์ที่จะถึงนี้เรียกร้องกันทำรัฐประหาร หรือแม้แต่การให้ข้อมูลว่าการปราศรัยดังกล่าวจะมีเนื้อหาโจมตีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอยืนยันว่าเจตนาของการทำกิจกรรมในวันเสาร์ที่จะถึงนี้มีเพียง 3 ภารกิจเท่านั้นคือ 1. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องลาออกจากตำแหน่ง 2. พรรคร่วมรัฐบาลจะต้องถอนตัวทันที และ 3. ปกป้องอธิปไตยของชาติ ไม่มีอะไรมากกว่านี้ ซึ่งเรื่องที่มีการหยิบยกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นประเด็น ส่วนใหญ่มาจากคนที่อ้างว่ารักลุงตู่ แต่อยู่กับอุ๊งอิ๊ง ปั่นกระแสให้เกิดความเข้าใจผิด และเพื่อให้เกิดความแตกแยก ยืนยันว่าการกิจกรรมครั้งนี้รวมพลังเป็นสีเดียวคือสีธงชาติไทย แม้จะเกิดคำถามว่า หากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออกจากตำแหน่งจะทำอย่างไรหรือแม้แต่พรรคร่วมรัฐบาลไม่ถอนตัวจะทำอย่างไร ซึ่งถ้าประชาชนมารวมตัวแสดงพลังกันมืดฟ้ามัวดิน นั่นคือสัญลักษณ์ชัดเจนแล้วว่ารัฐบาลจะอยู่หรือไป
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เชิญชวนประชาชนให้ออกมาร่วมแรงร่วมใจกันทำกิจกรรมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยยืนยันว่า มีจุดประสงค์ขับไล่นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาจะต้องจัดการให้จบไม่ใช่แค่ปิดชายแดน หากเจรจาจนยุติสถานการณ์ได้ในรัฐบาลนี้ แต่ความไม่เด็ดขาดเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลเหตุการณ์อาจเกิดขึ้นซ้ำรอยได้ ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่แค่เจรจาให้ยุติสถานการณ์ แต่จำเป็นต้องเอาดินแดนทั้งหมดที่เป็นของไทยกลับคืนมา หากพูดคุยกันไม่ได้จะต้องยึดกรุงพนมเปญก็จะต้องทำให้ได้ เพื่อจะไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก
แม้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร กับตนเองนั้นจะเป็นพี่น้องกัน แต่ก็จำเป็นต้องยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ถึงจะรู้จักคบหากันมา 50 ปีก็ตัดขาดกันไปเลยใครจะเป็นจะตายก็ช่างมัน ถ้าปล่อยให้รัฐบาลนี้อยู่ต่อก็ไม่สามารถคุยกับกัมพูชาจนหาข้อยุติได้ เพราะนายทักษิณมีผลประโยชน์ในกัมพูชามากมาย สุดท้ายก็ต้องยอมฮุนเซน จึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนออกมาแสดงพลังให้มากกว่าประเทศกัมพูชา เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศไทยและผลประโยชน์ของชาติไทย.