โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

MIND: ยุคนี้เต็มไปด้วยศัพท์เทคนิคใหม่ๆ เกี่ยวกับ ‘ปัญหาสุขภาพจิต’ แต่เวลาคุยกับคนที่คุณรัก ให้ ‘คุยภาษามนุษย์ปกติ’ จะดีที่สุด

BrandThink

เผยแพร่ 29 ก.ค. เวลา 05.35 น.

ทุกวันนี้ผู้คนรู้จักศัพท์เทคนิคเกี่ยวกับ ‘ปัญหาสุขภาพจิต’ จำนวนมาก ในแง่หนึ่งก็ทำให้เรามีความเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้น แต่อีกด้านมันก็เป็นดาบสองคมหากคนทั่วไปเริ่มนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเอามาใช้กับคนใกล้ตัว

ทั้งนี้คนจำนวนมากเวลารู้ศัพท์แสงพวกนี้เยอะๆ ก็จะเริ่มไปวินิจฉัยคนอื่น เริ่มไปแปะป้ายผู้คน และสำหรับคนที่ไม่รู้จักมันก็ไม่ใช่เรื่องดี แต่สำหรับคนใกล้ตัว มันคือหายนะ ไม่ว่าจะพูดออกมาหรือไม่ เช่น การเห็นคนรักของเราเศร้าโดยไม่ทราบสาเหตุ บางคนอาจจะบอกว่า ‘เป็นซึมเศร้า’ ทั้งที่จริงๆ แล้วเขาอาจมีเหตุผลที่ไม่ได้เล่าให้เราฟัง หรือเห็นใครอารมณ์แปรปรวน ก็อาจบอกว่า ‘เป็นไบโพลาร์’ ทั้งที่จริงแล้วเขาอาจแค่ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือเราอาจมองว่าการแสดงออกของคนรักเรา ‘เป็นพวกหลงตัวเอง’ ทั้งที่จริงๆ เราก็แค่ไม่เห็นด้วย หรือมากกว่านั้น บางทีเราก็อาจมองว่าคนรักเรา ‘gaslight’ เรา ทั้งที่เขาก็แค่พูดความจริงจากมุมของเขาเท่านั้น

ศัพท์แสงทั้งหมดที่ว่ามานี้ในยุคหลังๆ พวกนักบำบัดเริ่มสังเกตว่าคนทั่วไปเริ่มนำมาใช้แบบไม่รู้ตัว และเขามองว่าไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์

แล้วต้องแก้อย่างไร?

นักบำบัดบอกว่าเราต้องพยายามหยุดใช้คำพวกนี้ และพูดในระดับข้อเท็จจริง และไปเน้นที่ความรู้สึกของเราแทน เช่นหากเห็นว่าคนรักเรากำลังหดหู่ ก็แค่เข้าไปถามว่าเขาเป็นอะไร เห็นเขาอารมณ์แปรปรวนเหวี่ยงใส่เรา เราก็บอกไปตรงๆ ว่าเราไม่ชอบ ไม่ต้องไปตัดสินว่าเขาเป็นอะไร เห็นเขาพูดอะไรแบบที่เราไม่เห็นด้วย ถ้ามันทำให้เรารู้สึกไม่ดี เราก็แค่บอกเขาว่าเรารู้สึกไม่ดีที่เขาพูดแบบนั้น ไม่ต้องไปวินิจฉัยว่าที่เขาเป็นแบบนั้น เขาเป็นอะไร

การทำแบบนี้มันคุยกันต่อง่ายกว่าการที่เราแปะป้ายว่าเขามีภาวะโรคใดหรือปัญหาด้านสุขภาพจิต เพราะนั่นคือการ ‘ตัดสิน’ เขาไปแล้วว่าเขาเป็นบางสิ่ง โดยที่เราไม่ได้มีความรู้พอจะวินิจฉัยอาการด้วยซ้ำ และที่สำคัญกว่านั้น เขาจะเป็นหรือไม่เป็นภาวะใดๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวกับความขัดแย้งที่เราเผชิญกันอยู่ ที่เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่าที่ว่าใครจะเป็นอะไร

อันที่จริงนี่ก็เป็นหลักการเดียวกับการ ‘เขียนหนังสือที่ดี’ เพราะทุกคนที่เรียนรู้ศัพท์แสงใหม่ๆ จะสนุกกับการใช้ศัพท์แสงประหลาดๆ เสมอ แต่ข้อเขียนที่เต็มไปด้วยศัพท์แสงพวกนี้ ‘โดยไม่จำเป็น’ ไม่ใช่ข้อเขียนที่ดี เพราะข้อเขียนที่ดีในแง่ของการสื่อสารกับมนุษย์นั้นคือการใช้ภาษามนุษย์ทั่วไปให้มากที่สุด และให้ปลอดการใช้ศัพท์เทคนิคประหลาดๆ ยากๆ โดยไม่จำเป็น

เช่นเดียวกัน ในความสัมพันธ์ การพูดอะไรต่อกัน สิ่งที่มันเป็นจริงในทางเทคนิคหรือไม่มันสำคัญน้อยกว่าเราสามารถสื่อสารสิ่งที่เรารู้สึกถึงกันได้หรือไม่ และศัพท์แสงประหลาดที่มีมากมายในยุคสมัยนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยที่เราจะนำมาพูดคุยกันในระหว่างความสัมพันธ์

เพราะสุดท้าย การบอกอีกฝ่ายว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำ สิ่งที่อีกฝ่ายเป็นนั้นเรียกว่าอะไร มันไม่ได้สำคัญอะไรเลยถ้าเราต้องการให้ความสัมพันธ์นั้นไปต่อ เพราะสิ่งที่คนรักที่ใส่ใจกันต้องการจะรู้มันคือประเด็นว่าเรา ‘รู้สึกอย่างไร?’ หรือ ‘จะเอาอย่างไร?’ มากกว่า

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...