ม.เทคโนโลยีมหานคร - เกรทวอลล์ฯ - สอศ. ทำชุดฝึกยานยนต์ปั้นเด็กไทยสู่ธุรกิจ EV
ม.เทคโนโลยีมหานคร – เกรทวอลล์ฯ – สอศ. ทำชุดฝึกยานยนต์ปั้นเด็กไทยสู่ธุรกิจ EV
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (MUT) โชว์ผลผลิตให้เห็นถึงผลงานและความมุ่งมั่นตั้งใจ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับจนขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตวิศวกรและนวัตกรคุณภาพสูง โชว์วิสัยทัศน์พัฒนาหลักสูตรรองรับเทรนด์เทคโนโลยีโลกอนาคต ตั้ง “บริษัทนวัตกรรมมหานคร” ให้เป็นแหล่งพัฒนาบุคลากรด้านงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม
ล่าสุด เซ็นสัญญาลงนาม (MOU) ร่วมกันระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และ สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา (สอศ.) เพื่อต่อยอดการจัดทำชุดฝึกยานยนต์ระดับ Advance ให้กับโรงเรียนอาชีวศึกษาของรัฐทั่วประเทศ ในการพัฒนาสายงานอาชีพช่างยานยนต์ EV ออกมารองรับอุตสาหกรรมรถยนต์ในอนาคต ที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนถ่ายไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า EV พร้อมเตรียมแผนเข้าช่วยเปลี่ยนรถยนต์กลุ่มพาณิชย์ให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อประหยัดต้นทุน จัดทำโครงการชุบชีวิตแบตเตอรี่เก่านำกลับมาใช้ใหม่ และเล็งใช้งานวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ใช้ในกลุ่มครัวเรือนเพิ่ม
ผศ. ดร. ภานวีย์ โภไคยอุดม อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร เปิดเผยว่า ที่มหาวิทยาลัยของเรามีชื่อเสียงโดดเด่นว่าเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้งนักศึกษาที่จบจาก MUT ก็เป็น “บัณฑิตพร้อมใช้” และเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย นั่นเป็นเพราะตลอดระยะเวลากว่า 33 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน เรามุ่งเน้นให้นักศึกษาของเราได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เป็นการเรียนรู้แบบเรียนจริง ลงมือทำจริง แนวการเรียนการสอนของเราจึงไม่ใช่แค่การให้องค์ความรู้ที่เป็นทฤษฎีอยู่ในตำราเรียนเท่านั้น แต่ได้ทำการวิจัยและพัฒนาหลักสูตรการศึกษาให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ยังได้นำแนวคิดเชิงอุตสาหกรรมเข้ามาประยุกต์ใช้ในหลักสูตรเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้และฝึกทักษะภาคปฏิบัติเหมือนอยู่ในสถานการณ์การทำงานจริง โดยเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา MUT ได้เปิด Mahanakorn Institute of Innovation (MII) และ “บริษัทนวัตกรรมมหานคร” ขึ้น เพื่อใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการแห่งการจัดการด้านงานวิจัยและนวัตกรรม มีการผลิตผลงานต่าง ๆ มากมาย ทั้งในเชิงวิชาการและเชิงพาณิชย์ร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชนมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
อย่างไรก็ดี งานวิจัยและนวัตกรรมยังคงดำเนินต่อไป เมื่อกระแสการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตขึ้น อย่างรวดเร็ว รวมถึงในประเทศไทยรัฐบาลก็ให้การสนับสนุนการใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า มีการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า EV ในภูมิภาคนี้ MUT จึงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องผลิตช่างยานยนต์สายนี้ขึ้นมารองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต ในปลายปี 2564 ที่ผ่านมา MUT จึงได้ร่วมกับสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยฯ ทำ “โครงการพัฒนาระบบนวัตกรรม” เพื่อวิจัยและออกแบบชุดฝึกยานยนต์สำหรับเสริมสร้างทักษะระดับเริ่มต้น ให้กับวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนทั่วประเทศ เพื่อให้นักเรียนนักศึกษาได้มีความรู้และทักษะที่พร้อมปฏิบัติงานจริงได้ในอนาคต
ขณะเดียวกัน MUT ก็ยังมุ่งหน้าทำงานวิจัยและพัฒนาชุดฝึกยานยนต์ EV อย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการหารือกับบริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าของไทย (BEV และ xEV Leader) ที่มีความชำนาญอย่างสูงในการพัฒนาผลิตช่างยานยนต์สายนี้ และ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จนนำไปสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ออกแบบ และผลิตอุปกรณ์ชุดฝึกยานยนต์สมัยใหม่จากรถยนต์จริงในระดับ Advance และพัฒนาชุดบทเรียน บททดสอบเพื่อสร้างทักษะให้แก่นักเรียน นักศึกษา ในสถานศึกษาระดับอาชีวศึกษาภาครัฐ ที่เรียนในสาขาวิชาชีพนี้
จากเรื่องดังกล่าว มีผลทำให้ผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่เรียนมาไปต่อยอดให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน เนื่องจากอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน กำลังเปลี่ยนถ่ายไปสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 % หรือ EV (Electric Vehicle) นวัตกรรมรักษ์โลกที่ทุกคนรอคอย
“การลงนาม MOU ครั้งนี้ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐบาลและเอกชน เพื่อพัฒนา ยกระดับความรู้ ทักษะของผู้เรียนในสถาบันอาชีวศึกษาของรัฐให้ทันกับเทคโนโลยียานยนต์ยุค EV ในปัจจุบันและอนาคต โดยหน้าที่หลักของ MUT คือการพัฒนาออกแบบ สร้างชุดฝึกยานยนต์ EV ระดับ Advance ดังนั้น MUT จึงเป็นตัวกลางในการประสานงานกับ ทั้ง เกรท วอล มอเตอร์ฯ และ สอศ. เราได้ส่งทีมนักวิจัยและคณาจารย์ของ MUT เข้าร่วมหารือเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ ตลอดจนทักษะที่ต้องติดตั้งให้กับช่างเทคนิค และเข้าฝึกอบรมกับทีมช่างผู้ชำนาญการด้านยานยนต์ไฟฟ้าและวิศวกรของเกรท วอล มอเตอร์ฯ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาหารือกับ สอศ. อีกทางหนึ่ง เมื่อตกผลึกแนวคิดทั้งหมดแล้ว MUT จึงออกแบบ สร้างชุดฝึกให้เหมาะสมและสอดคล้องกับการสร้างทักษะมืออาชีพ ในการใช้สำหรับนักเรียน นักศึกษาที่เรียนในสาขานี้ได้มีองค์ความรู้ ควบคู่กับทักษะที่จำเป็นในการประกอบอาชีพช่างยานยนต์ไฟฟ้าได้ต่อไปในอนาคต และยังสามารถใช้เป็นพื้นฐานความรู้เพื่อศึกษาต่อเพื่อเป็นวิศวกรต่อไป” ดร. ภานวีย์ กล่าว
ที่ผ่านมา ชุดฝึกยานยนต์เพื่อสร้างทักษะระดับเริ่มต้นที่ MUT ออกแบบ ได้ถูกนำไปใช้กับ วิทยาลัยเทคนิคของรัฐแล้วขณะนี้จำนวน 10 แห่ง โดยอนาคตจะทำการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเพื่อนำไปใช้กับวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั่วประเทศ ประกอบกับ ยังมีโครงการอื่น ๆ ที่จะสามารถนำนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าไปต่อยอดและสร้างสรรค์ทางด้านวิชาการและเชิงพาณิชย์ เพื่อสนับสนุนองค์กรของภาครัฐและเอกชน อาทิ โครงการชุบชีวิตแบตเตอรี่เก่ารถยนต์ไฮบริดกลับมาใช้ใหม่ ซึ่ง MUT ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพหลังกระบวนการพบว่ามีประสิทธิภาพสามารถนำกลับมาใช้งานได้สูงสุด 80% (ขึ้นอยู่กับสภาพแบตเตอรี่ที่นำมาเข้ากระบวนการ)
นอกจากนี้ ยังมีโครงการเปลี่ยนรถยนต์เครื่องยนต์สันดาบกลุ่มพาณิชย์ (เช่น รถตู้ รถกระบะ รถสองแถวเล็ก) ไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อช่วยเหลือประชาชนให้สามารถประหยัดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในยุคที่เชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน MUT ไม่เพียงแต่มีผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้า ยังมีงานวิจัยและนวัตกรรมด้านการทหาร เช่น การผลิตหุ่นยนต์เพื่อเก็บกู้วัตถุระเบิดขนาดเล็ก D-EMPIR version 4 ให้กับ กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อนำไปใช้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และชุดฝึกจำลองการสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว เป็นต้น
ดร. ภานวีย์ กล่าวต่อว่า MUT ยังให้ความสำคัญในการพัฒนาชุมชน โดยมีแนวคิดที่จะเปิดหลักสูตรฝึกอบรมระยะสั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องแบตเตอรี่ยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ให้กับผู้ประกอบการธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์ ช่างซ่อมรถ หรือบุคคลที่สนใจ เพราะเรื่องแบตเตอรี่ เป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภทเนื่องจากอนาคตอีก 5 ปี ข้างหน้า แนวโน้มของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจะมาแทนที่รถยนต์เครื่องสันดาปอย่างแน่นอน ดังนั้น การพัฒนาความรู้และทักษะของบุคลากรเพื่อเตรียมพร้อมรับกระแสการเติบโตของตลาด EV ได้อย่างยั่งยืน จึงเป็นภารกิจสำคัญที่ MUT ภูมิใจทำอย่างยิ่ง
MUT ไม่เคยหยุดนิ่ง หลักสูตรการเรียนการสอนจึงมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ควบคู่ไปกับตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน ท่ามกลางกระแสยานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน MUT ได้มีการเพิ่มหลักสูตรเสริมทักษะความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้า เข้าไปในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น วิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมเครื่องกล และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ดังนั้น นักศึกษาที่เรียนในสาขาเหล่านี้สามารถประกอบอาชีพเป็น EV Engineer ได้ โดยไม่ต้องเจาะจงเรียนด้านวิศวกรรมยานยนต์เท่านั้น
“ผมเติบโตมาในครอบครัวที่มีคุณพ่อวิศวกรและนักวิชาการ และมีคุณตาเป็นทหาร ซึ่งท่านเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอยากเติบโตมาเป็นคนดีและเก่งเหมือนท่าน แม้ผมจะไม่ได้อยากเป็นทหารแต่ผมเชื่อว่าในความเป็นวิศวกร และอาจารย์ จนปัจจุบันผมได้เป็นอธิการบดี ผมสามารถนำความรู้ที่ผมเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมศาสตร์มาพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ให้เติบโตเป็นบุคลากรด้านวิศวกรรมและผลิตนักนวัตกรที่มีคุณภาพ เพื่อช่วยกันพัฒนาประเทศและยกระดับจากประเทศไทยของเราที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ก็เป็นวิธีที่แสดงความรักชาติและทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ และความฝันของผมคือ ผมอยากทำให้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยขนาดเล็กแต่โดดเด่นด้วยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและเต็มเปี่ยมด้วยคุณภาพ และขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำยอดนิยมด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้นี้” ดร. ภานวีย์ กล่าวทิ้งท้าย