อว. ประชุม ม.เอกชน 54 แห่ง แบ่งกลุ่มมหา’ลัย เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศ
กระทรวงอุมศึกษาฯ ประชุม ม.เอกชน 54 แห่ง ชี้แจงการแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศ และผลิตกำลังคนระดับสูงให้ประเทศ เผยปีงบประมาณ 2566 เพิ่มอีก 22 สถาบันเข้าสู่ 5 กลุ่มมหาวิทยาลัยแล้ว
วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และอนุกรรมการด้านการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมาได้มีการประชุมชี้แจงการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศ และผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ สำหรับสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
ซึ่งสำนักงานปลัดกระทรวง อว. ร่วมกับ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย (สสอท.) จัดขึ้นโดยมี ศ.พีระพงศ์ ทีฆสกุล ประธานอนุกรรมการด้านการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย รศ.รัฐชาติ มงคลนาวิน อนุกรรมการด้านการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย นายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผอ.กองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กขค.) สำนักงานปลัดกระทรวง อว. และผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษาเอกชน จำนวน 54 แห่ง
ศ.ดร.ศุภชัยกล่าวว่า นับตั้งแต่กระทรวง อว.ได้เริ่มต้นแบ่งกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก 2.กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม 3.กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น
4.กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา และ 5.กลุ่มผลิตและพัฒนาบุคคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ ตามกฎกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 25 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
ถือเป็นก้าวแรกในการเดินหน้า “การพลิกโฉมมหาวิทยาลัย” (Reinventing University) อย่างเป็นรูปธรรม โดยมีเป้าหมายในการพุ่งเป้าไปที่การพัฒนากำลังคนขั้นสูงให้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ และการส่งเสริมให้สถาบันอุดมศึกษาสร้างความเป็นเลิศ ตามการแบ่งกลุ่มที่ชัดเจน
โดยในส่วนของสถาบันอุดมศึกษาเอกชนปัจจุบันมีจำนวน 19 แห่ง ที่ได้รับประกาศให้สังกัดกลุ่ม การประชุมชี้แจงจึงเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศ และผลิตกำลังคนระดับสูงเฉพาะทางตามความต้องการของประเทศ พร้อมหารือร่วมกันในประเด็นสำคัญต่างๆ
อาทิ กองทุนเพื่อพัฒนาการอุดมศึกษา แนวทางการเขียนโครงการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การสนับสนุนงบประมาณการประเมินคุณภาพจากองค์กรรับรองระดับสากล และฐานข้อมูลสถาบันอุดมศึกษากับการประกันคุณภาพการศึกษา เป็นต้น
ด้านนายพันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กขค.) สำนักงานปลัดกระทรวง อว.กล่าวเสริมว่า สถาบันอุดมศึกษาเอกชนที่ได้รับการประกาศให้สังกัดกลุ่ม จำนวน 19 แห่ง มีดังนี้
กลุ่มที่ 1 กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก จำนวน 1 แห่ง กลุ่มที่ 2 กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม จำนวน 1 แห่ง กลุ่มที่ 3 กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่น จำนวน 8 แห่ง กลุ่มที่ 4 กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา (ไม่มี) และกลุ่มที่ 5 กลุ่มผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ จำนวน 9 แห่ง
การประชุมครั้งนี้ นอกจากจะช่วยให้สถาบันอุดมศึกษาเอกชนเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบายการจัดกลุ่มสถาบันอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาความเป็นเลิศและผลิตกำลังคนระดับสูงฯ แล้ว ยังเป็นการปรับแนวทางมุมมองให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูประบบอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถาบันอุดมศึกษาทั้งสังกัดรัฐ-เอกชน ที่เข้าร่วมกลุ่มในปี 2566 เพิ่มเติม ได้แก่ กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก เดิมมี 16 แห่ง เพิ่มอีก 1 แห่งคือ สถาบันวิทยสิริเมธี กลุ่มที่ 2 กลุ่มพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม เดิมมี 18 แห่ง เพิ่ม 1 แห่งคือ มหาวิทยาลัยสยาม
กลุ่มที่ 3 กลุ่มพัฒนาชุมชนท้องถิ่นหรือชุมชนอื่นเดิมมี 41 แห่ง เพิ่ม 7 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยการจัดการและเทคโนโลยีอีสเทิร์น,มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ,มหาวิทยาลัยหาดใหญ่, วิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย, วิทยาลัยพิชญบัณฑิต, วิทยาลัยสันตพล, สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชน
กลุ่มที่ 4 กลุ่มพัฒนาปัญญาและคุณธรรมด้วยหลักศาสนา เดิมไม่มีการคัดเลือก ปัจจุบันเพิ่ม 2 แห่ง คือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมกุฏราชวิทยาลัย และกลุ่มที่ 5 กลุ่มผลิตและพัฒนาบุคลากรวิชาชีพและสาขาจำเพาะ เดิมมี 7 แห่ง เพิ่มอีก 11 แห่ง
ได้แก่ สถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต, มหาวิทยาลัยราชพฤกษ์, มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์, มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น, มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ, วิทยาลัยนานาชาติเซนต์เทเรซา, สถาบันกันตนา, มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช, สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ และวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก เป็นต้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม รายชื่อการแบ่งกลุ่มมหาวิทยาลัย