‘วีรพัฒน์’ ย้ำไทยเหนือกว่าด้านเหล่าทัพ ชี้รัฐต้องรักษาความชอบธรรมกันประเทศที่ 3 เข้ามา
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) 2543-2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในมุมมองของนักวิชาการ มองว่ารัฐบาลได้เปรียบหรือควรจะปรับทีการแสดงออก ว่า หากพิจารณาในเชิงยุทธศาสตร์ ไทยมีศักยภาพทางทหารเหนือกว่าอยู่แล้ว ทั้งด้านขีดความสามารถ อาวุธยุทธโธปกรณ์ และความพร้อม จึงไม่ควรคิดว่ากัมพูชามีความได้เปรียบทางทหาร แต่เมื่อไทยได้เปรียบด้านนี้ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้เสียเปรียบด้านอื่น เช่น เรื่องความชอบธรรม หรือการใช้กลไกทางการทูต ไทยมีสิทธิตามกฎหมายระหว่างประเทศที่จะปกป้องตนเองและตอบโต้เมื่อถูกรุกราน
นายวีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า หากไทยดำเนินการเกินกรอบ ก็อาจเปิดช่องให้ถูกตีความว่าใช้กำลังเกินสมควร ซึ่งอาจทำให้ไทยเสียเปรียบในเชิงกฎหมาย เช่น กัมพูชาอาจกล่าวอ้างว่าไทยไม่ได้ปกป้องตนเอง แต่ตั้งใจทำลายกัมพูชาไม่ให้มาโจมตีเพิ่ม ดังนั้น แนวทางที่ควรยึดคือปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด คือทำให้ชัดว่าไทยมีสิทธิป้องกันตนเองเมื่อถูกรุกราน แต่การตอบโต้ต้องอยู่ในกรอบกฎหมาย และเมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็ควรกลับเข้าสู่กระบวนการหยุดยิง แม้ปัจจุบันรูปแบบความขัดแย้งมักเกิดการยิงและหยุดยิง วนซ้ำเช่นนี้
นายวีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า เพื่อไม่ให้สถานการณ์นำไปสู่การปะทะซ้ำซาก จึงจำเป็นต้องมีบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู), คณะกรรมาธิการร่วม หรือหารือทวิภาคี เพื่อป้องกันการใช้กำลังอย่างต่อเนื่อง ย้ำว่าปัญหาการปะทะในหลายรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดจากพื้นที่ แต่เกิดจากบริบทการเมืองที่เปลี่ยนไป การแก้ปัญหาจึงไม่ใช่การใช้กำลังเพียงอย่างเดียว แต่ต้องพึ่งพากลไกทางการเมืองและรักษาความชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศให้มั่นคง
นายวีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า เมื่อประเทศมหาอำนาจมองเหตุขัดแย้งไทย-กัมพูชา เขาไม่ได้ให้ความสำคัญเท่ากรณีใหญ่ระดับโลก แต่มีแรงจูงใจจะแสดงบทบาทผู้นำ เช่น กรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ประกาศจะโทรฯ หาไทยและกัมพูชา ซึ่งเป็นการแสดงบทบาทเป็นมหาอำนาจ ไทยจึงต้องระมัดระวังไม่ให้การสื่อสารหรือการตอบโต้เปิดช่องให้ประเทศที่ 3 เข้ามามีบทบาทจนไทยเสียเปรียบ
นายวีรพัฒน์ กล่าวอีกว่า ที่ยากที่สุดคือการอธิบายให้ประชาชนเข้าใจเหตุการณ์ ว่าความขัดแย้งเกิดจากอะไร และจะป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอย่างไร คนไทยไม่ต้องการให้คนกัมพูชาเสียชีวิต และคนกัมพูชาก็คิดไม่ต่างกัน แต่ผู้นำการเมืองต้องตอบให้ได้ว่าเหตุปะทะเกิดขึ้นซ้ำได้อย่างไร และจะป้องกันอย่างไร ขอเตือนว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ต้องระวังเรื่องการสื่อสารโดยไม่ควรพูดเฉพาะทางเลือกด้านการทหาร เพราะไทยยังมีทางเลือกด้านการทูตและการเจรจาอีกด้วย