โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ญี่ปุ่นชี้จีนเล็งเรดาร์ล็อกเป้าเครื่องบิน ปักกิ่งโต้โตเกียวขัดขวางการฝึกซ้อม

Manager Online

เผยแพร่ 11 ชั่วโมงที่ผ่านมา • MGR Online

รอยเตอร์ – ญี่ปุ่นกล่าวหาเครื่องบินขับไล่จีนเล็งเรดาร์ล็อกเป้าเครื่องบินทหารของตนในเหตุการณ์ “อันตราย” สองครั้งใกล้หมู่เกาะโอกินาวะเมื่อวันเสาร์ (6 พ.ย.) ขณะที่ปักกิ่งโต้เครื่องบินญี่ปุ่นเป็นฝ่ายบินโฉบและขัดขวางการฝึกซ้อมบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินของจีน

ชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น โพสต์บนเอ็กซ์เมื่อวันอาทิตย์ (7 ธ.ค.) ว่า เครื่องบินขับไล่ของจีนเล็งเรดาร์ควบคุมการยิงไปที่เครื่องบินทหารลำหนึ่งของญี่ปุ่นในวันเสาร์ และญี่ปุ่นได้ประท้วงกับจีนแล้ว รวมทั้งยังบอกว่า โตเกียวจะตอบโต้การกระทำของจีนอย่างชัดเจนและรอบคอบเพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพภายในภูมิภาค

ทั้งนี้ การเล็งเรดาร์ควบคุมการยิงไปยังเครื่องบินลำอื่นถือเป็นการคุกคาม เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณว่า อาจมีการโจมตีที่บีบให้เครื่องบินที่เป็นเป้าหมายต้องหลบหนี อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นไม่ได้เปิดเผยว่า จีนล็อกเป้าเครื่องบินของตนหรือไม่ หรือเครื่องบินของญี่ปุ่นตอบโต้อย่างไร นอกจากนั้น ญี่ปุ่นและจีนเคยมีกรณีเล็งเรดาร์ควบคุมการยิงใส่กันมาหลายครั้งก่อนหน้านี้

ญี่ปุ่นระบุว่า เครื่องบินเจ-15 ของจีนที่เกี่ยวข้องกับการเล็งเรดาร์ควบคุมการยิงสองครั้งนั้นมาจากเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิงที่ซ้อมรบอยู่ทางใต้ของหมู่เกาะโอกินาวา พร้อมเรือพิฆาตติดขีปนาวุธ 3 ลำ และญี่ปุ่นได้ส่งเครื่องบินขับไล่เอฟ-15 ไปตอบโต้ปฏิบัติการการบินจากเรือเหลียวหนิง

ทางด้านพันเอกหวัง เสวียเหมิง โฆษกกองทัพเรือจีน ออกแถลงการณ์ตอบโต้ผ่านโซเชียลมีเดียว่า คำแถลงของโคอิซูมิผิดพลาด และเครื่องบินญี่ปุ่นเป็นฝ่ายกระทำการอันตรายด้วยการบินโฉบและขัดขวางการฝึกซ้อมบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินของจีนทางตะวันออกของช่องแคบมิยาโกะที่ประกาศก่อนหน้านี้

หวังยังเรียกร้องให้ญี่ปุ่นยุติการใส่ร้ายป้ายสีทันที และควบคุมการดำเนินการในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างเคร่งครัด และเสริมว่า กองทัพจีนจะปกป้องความมั่นคงและสิทธิ์และผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอย่างเด็ดเดี่ยว

การเผชิญหน้าใกล้หมู่เกาะที่ทั้งญี่ปุ่นและจีนอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันเป็นความขัดแย้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปีมานี้ระหว่างกองทัพของสองชาติ และมีแนวโน้มทำให้สองชาติมหาอำนาจแห่งเอเชียตะวันออกปีนเกลียวกันหนักขึ้น หลังจากเดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิเตือนว่า ญี่ปุ่นอาจตอบโต้ หากปฏิบัติการทางทหารของจีนต่อไต้หวันคุกคามความมั่นคงของประเทศ

ขณะเดียวกัน ริชาร์ด มาร์เลส รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวระหว่างร่วมแถลงข่าวภายหลังหารือกับโคอิซูมิที่โตเกียวเมื่อวันอาทิตย์ว่า ออสเตรเลียกังวลกับการดำเนินการของจีนในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และจะยังคงร่วมมือและเคียงข้างญี่ปุ่นในการยึดมั่นต่อหลักนิติธรรม

ขณะที่จีนกับญี่ปุ่นงัดข้อรุนแรงเรื่องไต้หวัน ปักกิ่งได้แนะนำให้พลเมืองของตนงดเดินทางไปญี่ปุ่น รวมทั้งยังระงับแผนฟื้นการนำเข้าอาหารทะเลญี่ปุ่นที่ถูกระงับหลังจากญี่ปุ่นปล่อยน้ำที่ผ่านการบำบัดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะลงสู่ทะเล

จีนนั้นอ้างว่า ไต้หวันเป็นดินแดนของตน และช่วงที่ผ่านมาได้เพิ่มความกดดันทางทหารและการเมืองต่อเกาะมังกรน้อย ขณะที่รัฐบาลไทเปปฏิเสธการกล่าวอ้างดังกล่าวของปักกิ่ง

ไต้หวันอยู่ห่างจากเกาะโยนากุนิทางตะวันตกสุดของญี่ปุ่นเพียง 110 กม. ขณะที่โอกินาวะของญี่ปุ่นเป็นที่ตั้งกองกำลังอเมริกันที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนอกดินแดนสหรัฐฯ

จอร์จ กลาสส์ เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำโตเกียว โพสต์สนับสนุนญี่ปุ่นอย่างเปิดเผยหลายครั้งนับจากที่เกิดข้อพิพาททางการทูตระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆ ของอเมริกา ไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้แต่อย่างใด

อย่างไรก็ดี แหล่งข่าววงในเผยว่า ระหว่างพูดคุยโทรศัพท์เมื่อเดือนที่แล้ว ทรัมป์ที่มีแผนเยือนจีนในปีหน้าเพื่อเจรจาการค้า เรียกร้องทาคาอิจิให้งดทำให้ความขัดแย้งกับจีนลุกลาม

สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า การพูดคุยดังกล่าวมีขึ้นหลังจากทรัมป์โทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ย้ำกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า การที่ไต้หวันกลับคืนเป็นส่วนหนึ่งของจีนเป็นศูนย์กลางวิสัยทัศน์ของปักกิ่งเกี่ยวกับระเบียบโลก

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...