หลักทรัพย์บัวหลวงชี้ตลาดหุ้นโลกปรับฐาน แนะลง“กองทุนหุ้น-เทคโนโลยี”รับเทรนAI
หลักทรัพย์บัวหลวง ประเมินตลาดหุ้นโลกปี2569ยังมีแนวโน้มเติบโต แม้ระยะสั้นจะปรับตัวลงราว5-10%มองเป็นการปรับฐานเพื่อเตรียมขึ้นต่อ แนะนำหาจังหวะเพิ่มน้ำหนักลงทุนใน “กองทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี”8232;รับเมกะเทรนด์AIด้วยการจัดพอร์ตแบบCore-Satelliteผ่าน5ธีมเด่น พร้อมแนะวางแผนลดหย่อนภาษีช่วงปลาย2568ด้วยกองทุนRMFและThai ESGเพื่อเพิ่มโอกาสการออมระยะยาวและเสริมความมั่นคงทางการเงินในอนาคต
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญกรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นโลกในปี2569แม้ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดมีการปรับฐานลงราว5-10%8232;จากแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีระหว่างเดือนพฤษภาคม - ตุลาคม2568รวมถึงแรงกดดันด้านมูลค่าหุ้นที่สูง8232;และปัจจัยมหภาคระยะสั้น อย่างไรก็ดี มองว่าการปรับตัวครั้งนี้เป็นเพียงHealthy Correctionหรือการปรับฐานก่อนเข้าสู่รอบการฟื้นตัวครั้งใหม่ เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานยังแข็งแกร่ง ทั้งแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง, เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังไม่เสี่ยงถดถอย และกำไรบริษัทจดทะเบียนที่ยังเติบโตได้ดี
ดังนั้น บริษัทมองว่าเป็นจังหวะเหมาะสมในการเพิ่มน้ำหนักลงทุนใน “กองทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี” ซึ่งยังได้รับแรงหนุนจากกระแสการเติบโตของปัญญาประดิษฐ์ (AI)โดยทีมWealth Researchแนะนำกลยุทธ์จัดพอร์ตลงทุนแบบ “Core-Satellite”เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งเป้าหมายระยะยาวและการแสวงหาโอกาสระยะสั้น ผ่าน5ธีมการลงทุนที่มีศักยภาพเติบโตในเมกะเทรนด์8232;ปี2569ได้แก่AI Value Chain, Defense Tech, Quantum Computing, Health TechและNuclear Energyโดยแบ่งสัดส่วนดังนี้
1.พอร์ตส่วนหลัก (Core) เน้นกองทุนใน2ธีมสำคัญประกอบด้วย
•“AI Value Chain”เช่นกองทุนES-GTECHลงทุนในกองทุนหลักPolar Capital Global Technology Fundเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และเป็นบริษัทที่อยู่ในช่วงของการเติบโตNEW S-CURVE
•“Defense Tech”เช่นกองทุนLHSPACE-Aที่เน้นการลงทุนในเศรษฐกิจอวกาศที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยกองทุนดังกล่าวจะกระจายการลงทุนInfrastructureเทคโนโลยีการปล่อยยาน และดาวเทียม, Tech Enablersไซเบอร์เทคโนโลยีและการสื่อสาร, Applicationsบริการเครือข่าย
2.พอร์ตส่วนเสริม (Satellite) เน้นกองทุนใน3ธีม เพื่อรับโอกาสRepricingครั้งใหญ่ เมื่อเทคโนโลยีเริ่มสร้างกระแสเงินสดและตลาดให้มูลค่าสูงขึ้นประกอบด้วย
•“Quantum Computing”เช่นกองทุนLHQTUM-Aที่ลงทุนในบริษัทชั้นนำทั่วโลกที่เกี่ยวข้องกับQuantum & AI Ecosystemครบวงจรตั้งแต่ผู้ผลิตชิป,ผู้สร้างฮาร์ดแวร์,ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์, ผู้บริการคลาวด์ ทำให้ได้ประโยชน์จากการเติบโตของAIที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน
“Health Tech”เช่นกองทุนKKP GHC-Aเน้นลงทุนหุ้นHealthcareทั่วโลก ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงผ่านJanus Henderson Global Life Sciences Fundชื่อดังด้านHealthcare
“Nuclear Energy”เช่น กองทุนPRINCIPAL GCLEAN-Aที่ลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานนิวเคลียร์ และยูเรเนียมทั่วโลกเพื่อเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานนิวเคลียร์
นายชัยพรกล่าวเพิ่มเติมว่าในช่วงปลายปี2568ผู้มีเงินได้สามารถใช้โอกาสจากภาวะตลาดผันผวน เพื่อวางแผนลดหย่อนภาษี พร้อมสร้างความมั่นคงทางการเงินระยะยาว ผ่านผลิตภัณฑ์ลงทุนเพื่อการออม2ประเภท ได้แก่
1.กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)เหมาะสำหรับผู้วางแผนเกษียณ และต้องการกระจายการลงทุนไปตลาดต่างประเทศ โดยต้องลงทุนอย่างน้อย5ปี และถือถึงอายุ55ปี ใช้สิทธิลดหย่อนได้สูงสุด30% ของเงินได้พึงประเมิน รวมไม่เกิน500,000บาท
2.กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้สิทธิRMFครบแล้ว และต้องการขยายโอกาสลดหย่อนเพิ่มเติม หรือสนใจลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าเกณฑ์ESGโดยต้องถือครอง5ปี
(ไม่นับปีปฏิทิน) ลดหย่อนได้ไม่เกิน30%ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน300,000บาท
“ในปีนี้ผู้ลงทุนสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจากRMFและThai ESGควบคู่กันได้ โดยเงินลงทุนในกองทุน8232;Thai ESGจะถูกนับแยกออกจากการลงทุนในกองทุนRMFและกลุ่มกองทุนเพื่อเกษียณอื่น ๆ แต่ต้องไม่เกินวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดของThai ESGทั้งนี้กลยุทธ์วางแผนภาษีให้คุ้มค่าเราแนะนำลงทุนในRMFเพื่อเปิดโอกาสลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีAIที่ยังมีโอกาสเติบโตสูง ส่วนThai ESGควรใช้เป็นการลงทุนในสินทรัพย์การลงทุนในไทย เพื่อทำให้พอร์ตกองทุนภาษีโดยรวมมีความสมดุลมากขึ้นตัวอย่างผู้มีรายได้เและโบนัสปีละประมาณ1,500,000บาท โดยมีการจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ75,000บาท จ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม9,000บาท และมีการซื้อกองทุนลดหย่อนภาษีทั้งRMFและThaiESGเต็มสิทธิ จะทำให้เสียภาษีในปีนั้นเพียง32,150บาท จากเดิมที่ไม่ลงทุนจะเสียภาษี179,000บาท8232;ช่วยประหยัดภาษีได้ถึง146,850บาท” นายชัยพร กล่าว
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจลงทุนกองทุนกับหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถเปิดบัญชีกองทุนออนไลน์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน8232;Wealth Connexโดยสามารถซื้อขายได้กว่า18บลจ.ชั้นนำครอบคลุมสินทรัพย์ทั่วโลกทั้งในและต่างประเทศและมีผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนมืออาชีพให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด พร้อมรับBLS Top Fundsรายงานอัปเดตสถานการณ์ตลาดหุ้นไทยและต่างประเทศและคัดเลือกกองทุนตัวท็อปจากทุกประเภทสินทรัพย์อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO