เปิดราคา-รายละเอียด Honda City e:HEV ไฮบริดรุ่นแรกของเซกเมนต์ซิตี้คาร์
รุ่นแรกของเซกเมนต์ซิตี้คาร์ที่เป็นFull Hybrid ใน ฮอนด้าซิตี้อี:เอชอีวีใหม่(Honda City e:HEV) ที่มาพร้อมเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและความปลอดภัยแน่น
เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ฮอนด้าซิตี้อี:เอชอีวีใหม่ ได้มีการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง พร้อมด้วยโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์(Honda Ultimate Care) ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก2 ปี หรือระยะทาง40,000 กิโลเมตร สูงสุด5 ปี หรือ140,000 กิโลเมตร(อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่24 ชั่วโมง(Honda 24hr Roadside Assistance) อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็กระยะเป็นเวลา5 ปี หรือ100,000 กิโลเมตร(อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่(e:HEV) Full Hybrid รุ่นแรกของเซกเมนต์ซิตี้คาร์ ที่มาพร้อมระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) ซึ่งผสานการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้า2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตรAtkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า(E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ซึ่งเป็นระบบFull Hybrid ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่0 - 3,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 27.8 กิโลเมตร/ลิตร และมีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 85 กรัม/กิโลเมตร สามารถรองรับน้ำมันE20
สำหรับ ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ใหม่(Honda City e:HEV) มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง(Honda SENSING)
- ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน(Adaptive Cruise Control: ACC)
- ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยอันล้ำสมัยเพื่อความมั่นใจในทุกการเดินทาง เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน(Honda LaneWatch) กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง3 ระดับ(Multi-angle Rearview Camera) ระบบเบรกมือไฟฟ้า(Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock) และเทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ ฮอนด้า คอนเนค(Honda CONNECT) เป็นต้น
ด้านการดีไซน์ภายนอกที่บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฮบริดที่ชัดเจนด้วยโลโก้ฮอนด้าสีฟ้า(H Mark) และสัญลักษณ์e:HEV ที่ด้านท้าย และเสริมความสปอร์ตในสไตล์ RS รอบคัน ด้วยกระจังหน้าและสปอยเลอร์หลังแบบGloss Black ไฟหน้าแบบLED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบLED กระจกมองข้างสีดำแบบสปอร์ตพร้อมไฟเลี้ยวในตัว
มาพร้อมล้ออัลลอย16 นิ้วดีไซน์สปอร์ต ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายในทุกมิติ มาพร้อมเบาะหนังกลับดีไซน์สปอร์ตตกแต่งด้วยด้ายสีแดง ครบครันด้วยฟังก์ชันการใช้งานระดับพรีเมียม เช่น ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศตอนหลัง พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบTFT ขนาด7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด8 นิ้ว แบบAdvanced Touch รองรับการเชื่อมต่อApple CarPlay พร้อมGoogle Maps พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียงSIRI และระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Remote Engine Start) เป็นต้น
ฮอนด้าซิตี้อี:เอชอีวีใหม่รุ่น e:HEV RS ราคา*839,000 บาท *
มีให้เลือกทั้งหมด6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินออบซิเดียน(มุก) สีแดงอิกไนต์(เมทัลลิก) สีขาวแพลทินัม(มุก) สีดำคริสตัล(มุก) สีเงินลูนาร์(เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล(เมทัลลิก)
อย่างไรก็ตาม สามารถเสริมความพรีเมียมด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งโมดูโล(Modulo) รอบคัน ที่มาพร้อมกับแนวคิด “Stage Up Booster” โดยมีไอเท็มอุปกรณ์ตกแต่งให้เลือก เช่น คิ้วตกแต่งซุ้มล้อด้านหน้า ราคา1,700 บาท คิ้วบันไดสเตนเลสLED ราคา4,400 บาท รวมทั้งอุปกรณ์เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ เช่น กระบะใส่ของท้ายรถ ราคา1,250 บาท
นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกในรูปแบบแพ็กเกจชุดแต่งรอบคัน กับ Modulo Aero RS Package ราคา17,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง และสเกิร์ตหลัง แบบ2 ชิ้น