‘ภูมิธรรม’ ดุดัน! ขู่ฟันข้าราชการทุกระดับถ้าใส่เกียร์ว่าง-เอี่ยวยาเสพติด
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ก.ค. ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด "No Drugs No Dealers" ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด โดยมี นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจ (ผบ.ตร.) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพ ติด (ป.ป.ส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ปัจจุบันเราเผชิญกับอาชญากรรมจากภายนอกประเทศ ซึ่งเข้าสู่ประเทศไทยตามแนวชายแดนไม่ว่าจะเป็นการค้ามนุษย์ ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ การค้าสิ่งของผิดกฎหมาย และที่สำคัญคือการลักลอบขนยาเสพติดเข้าประเทศ ยาเสพติดถือเป็นภัยร้ายแรงที่บ่อนทำลายประเทศมาอย่างยาวนาน แม้ว่าไทยจะไม่ได้เป็นต้นกำเนิดของยาเสพติด แต่เราก็ได้รับผลกระทบจากการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านบริเวณชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ซึ่งเส้นทางของยาเสพติดเหล่านี้ มีทั้งถูกนำเข้า แพร่ระบาดในพื้นที่หมู่บ้าน และชุมชนหรือถูกส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่ 3 แต่ไม่ว่าปลายทางของยาเสพติดจะไปสิ้นสุดที่ใดก็ตาม ยาเสพติดสร้างปัญหาทำลายชีวิตของคนในหมู่บ้านและชุมชน ทำลายความสงบสุขและความปลอดภัยของชุมชน ปัญหายาเสพติดจึงถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องขจัดออกไปบนผืนแผ่นดินไทย และรัฐบาลทำงานอย่างเข้มข้นจริงจังและต่อเนื่อง โดยมาตรการและปฏิบัติการต่างๆ ทั้งการกำหนดแผนปฏิบัติการป้องกันปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติดปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งจะมีการกำกับติดตามและประเมินผลตรวจชี้วัดอย่างต่อเนื่อง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะที่ปฏิบัติการ Seal Stop Safe ผลึกกำลังในพื้นที่ 14 จังหวัด 51 อำเภอชายแดน เริ่มภารกิจตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ทำให้ได้เห็นถึงความสำเร็จในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ ซึ่งตนขอชื่นชม และขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน นอกจากนี้ ยังมีการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ต้นแบบธวัชบุรีโมเดลและท่าวังผาโมเดล จนรัฐบาลได้ขยายผลไปสู่พื้นที่ 10 จังหวัดนำร่อง นอกจากนี้ยังมีการดำเนินงานแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ต้นแบบ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ และในภูมิภาคทั้ง 76 จังหวัด 878 อำเภอ โดยจะต้องอาศัยความร่วมมือของข้าราชการทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินการเข้าถึงประชาชน
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า เมื่อ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ตนได้มอบนโยบาย และได้เน้นย้ำถึงเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดแก่ผู้บริหาร ผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นฟันเฟืองหลักในการนำนโยบายของรัฐบาลไปปฏิบัติให้ประชาชนได้รับรู้เข้าใจ และสัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการดำเนินงานของรัฐบาล ผ่านกลไกในระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้านทั่วประเทศ และในวันนี้รัฐบาลจะผลักดันวาระการแก้ไขปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นวาระแห่งชาติให้เป็นวาระของจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน ชุมชนทั่วประเทศ ผ่านปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด
“โดยมีเป้าหมายและตัวชี้วัดว่าภายใน 3 เดือนนี้ หมู่บ้านและชุมชนที่มีปัญหาเรื่องยาเสพติดจะต้องเริ่มแก้ไขปัญหา วางกลไกของชุมชนและประกาศตนเป็นหมู่บ้านชุมชนปลอดยาเสพติด ที่จะต้องไม่มีทั้งผู้ค้า และผู้เสพ การดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของจังหวัด และฝ่ายปกครอง นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ครบถ้วนในทุกมิติ นับตั้งแต่การป้องกันไม่ให้มียาเสพติดเข้าสู่ประเทศ การปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน ตลอดจนการฟื้นฟูคนดีกลับสู่สังคม ผมจึงขอเน้นย้ำให้ทุกภาคส่วนเร่งรัดดำเนินการ” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า นอกจากนี้ตนอยากให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้การตำรวจภูธรจังหวัดจับมือกันร่วมการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเป็นผู้ว่าซีอีโฮที่เป็นเจ้าภาพในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดบนข้อมูลจากสถานการณ์จริง แน่นอนว่าแต่ละจังหวัดก็มีบริบทของพื้นที่ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นผู้ว่าฯ จะต้องรู้สภาพปัญหาและเงื่อนไขความท้าทายที่เกิดขึ้นในจังหวัดของตน พร้อมทั้งนำปัญหามาเป็นแนวทางแก้ไขที่ตอบโจทย์พื้นที่
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้เสพยาเสพติด ขอให้ยึดหลักผู้เสพคือผู้ป่วย ที่ต้องได้รับการรักษาซึ่งมีหลายรูปแบบ และจำแนกตามกลุ่มของผู้ป่วย พร้อมกันนี้ขอให้ทางจังหวัดให้ความสำคัญกับการดำเนินงานฟื้นฟูสภาพทางสังคม เพื่อให้ผู้ป่วยที่ผ่านการบำบัดได้มาฟื้นฟูสมรรถนะและศักยภาพให้สมบูรณ์มาก ก่อนที่จะกลับเข้ามาใช้ชีวิตในสังคมโดยไม่กลับมาใช้ยาเสพติดซ้ำอีก
“ในการเดินทางไปหมู่บ้านหลายครั้ง ผมพบกับประชาชน ซึ่งประสบความทุกข์เรื่องยาเสพติด แต่สิ่งหนึ่งที่เขากังวลใจคือ ตกลงรัฐบาลเอาจริงหรือไม่ ถ้ารัฐบาลเอาจริง เขาก็พร้อมที่จะร่วม ซึ่งปัญหาที่ผ่านมานอกจากปัญหาของอาชญากรที่สร้างอาชญากรรมเข้ามาแล้ว มีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐในหลายส่วน หลายระดับ ทำให้ปัญหายาเสพติดไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปกครอง หรือแม้แต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้านบางส่วน ซึ่งการที่จะเป็นผู้ดำเนินการจัดการ กลับเป็นผู้มีส่วนร่วมสนับสนุนหรือแม้กระทั่งทำเองโดยตรง ในศูนย์กลางการทำงานของพวกเราขณะนี้มีรายชื่อของระดับเจ้าหน้าที่ต่างๆ ตั้งแต่หมู่บ้านขึ้นมา” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า วันนี้ที่เรียกมาทั้งหมดที่มาพูดคุยกัน คืออยากขอความร่วมมือให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ตนไม่เชื่อว่า พลังของส่วนราชการทั้งหมดหรือคนไทยทั้งหมดจะแก้ไขปัญหายาเสพติดไม่ได้ ปัญหามีอยู่อย่างเดียวคือเราเอาจริงหรือไม่ เรากล้าที่จะทำแล้วหรือยัง ปัญหาเราเยอะแยะมากสิ่งที่เราได้พูดถึง อยากให้กำลังใจคนที่ทำงาน หลายส่วนกล้าหาญมาก กล้ากระทำสิ่งต่างๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ใช้อำนาจหน้าที่ในการทำงาน ตนคิดว่า ปัญหายาเสพติดแก้ได้ ฉะนั้นในการทำเหล่านี้เรามีทั้งคุณทั้งโทษ
"เพราะฉะนั้นถ้ามีปัญหาอย่างน้อยในช่วง 3 เดือนนี้ จะแสดงให้เห็นและจะทำต่อไป ติดขัดที่ตรงไหน ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงเรามีมาตรการ จับดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ผู้กำกับ ผู้การจังหวัด ถ้ามาถึงระดับชาติ ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย และท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถ้าไม่เคร่งครัดในการดำเนินการต้องรับผิดชอบด้วย ถ้าสามารถแก้ไขปัญหาและมีส่วนร่วมในการดำเนินการ ขั้นแรกจะย้ายออกจากพื้นที่ และดำเนินคดีตามสภาพความผิดที่เกิดขึ้น ไม่ต้องรอให้กระบวนการต่างๆ เป็นตัวชี้วัดที่มีอยู่และการข่าวเรามีทั้งหมด เราดำเนินการไปแล้ว และสามารถยืนยันได้ ตรงนี้ตนไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องการมาข่มขู่กัน เรามีทั้งถุงมือกำมะหยี่และกำปั้นเหล็กในการแก้ไขปัญหา ใครที่มีส่วนร่วมได้รับผลประโยชน์ และมีปัญหาเราจะจัดการทันที โดยการย้ายออกจากพื้นที่ จึงอยากฝากให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรับรู้รับทราบว่ามาตรการเหล่านี้ เป็นมาตรการที่ทำให้เห็นและจะใช้ความเข้มข้นนี้ต่อเนื่องต่อไป" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าผู้ว่าฯ หรือผู้การใกล้เกษียณ ไม่มาทำงาน หรือไม่ใกล้เกษียณ แต่มีส่วนร่วมในการรักษาผลประโยชน์ เราพบอยู่หลายจุดหลายจังหวัด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง สำหรับตนเป็น รมว.มหาดไทย ตนได้ข้อมูลการข่าวจากเรื่องยาเสพติดมีมาก ถ้าพบว่ามีแหล่งต่างๆ ที่สร้างปัญหาก็จะย้ายเลย ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จังหวัด อำเภอหรือผู้ที่มีอิทธิพลเกี่ยวข้องทั้งหมด นี่คือนโยบายที่เคร่งครัดที่จะดำเนินการใน 3 เดือนนี้ให้ได้ผลอย่างชัดเจน กำนันและผู้ใหญ่บ้านสามารถสนธิกำลังกับชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่มีอยู่ถึง 600,000-700,000 คน ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่อยู่ในหมู่บ้าน ตนเชื่อว่า เขารู้หมด เพราะฉะนั้นกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชุดชรบ.ถือเป็นกำลังสำคัญ และเป็นหัวใจในการแก้ไขปัญหา ถ้าท่านรวมตัวกันสร้างพลังมวลชนขึ้นมาให้เป็นตาสับปะรดในทุกพื้นที่ ตนเชื่อว่าจะได้ค้นพบแหล่งต่างๆ ได้มาก
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า อยากให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านและชุด ชรบ. และเครือข่ายชุมชน เข้าไปมีส่วนในการสกัดกั้น ไม่ให้มีผู้ค้ายาเสพติด ลักลอบในชุมชนและเฝ้าระวังไม่ให้มีผู้ที่เสพยาเสพติด และผู้มีอาการคลุ้มคลั่ง การดำเนินการเหล่านี้จะช่วยให้ชุมชนปลอดภัย และอยากให้มีการปรับรูปแบบการดำเนินงานให้เป็นจังหวัดสีขาว เช่น ธวัชบุรีโมเดลที่เกิดผลสำเร็จ ทั้งนี้ รัฐบาลให้ความสำคัญกับปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ผนึกกำลังชุมชนปลอดยาเสพติด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัด ตำรวจภูธรชุดแรก ผู้บังคับการตำรวจภูธรทุกจังหวัดต้องร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินงานครอบคลุมในทุกมิติทุกพื้นที่ และดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด