โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ท่องเที่ยว

เรื่องราวของ “โขน” ณ เกาะเกิด

เดลินิวส์

อัพเดต 08 พ.ย. เวลา 10.25 น. • เผยแพร่ 08 พ.ย. เวลา 03.25 น. • เดลินิวส์
“ถ้าไม่มีใครดู ฉันจะดูเอง” พระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับสั่งไว้ในปี 2550 ทำให้ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทยอย่าง “โขน” กลับมามีชีวิตโลดแล่นอย่างสดใสอีกครั้งนับตั้งแต่ “โขนพระราชทาน” หรือ “โขนศิลปาชีพฯ” ถือกำเนิด

แต่เดิมการแสดงโขนนั้นเป็นการแสดงที่กรมศิลปากรจัดการแสดงถวายในโอกาสที่ทรงรับรองพระราชอาคันตุกะอย่างเป็นทางการ ต่อมาเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทว่าโขนซบเซาลง ทรงรับสั่งให้กรมศิลปากรจัดการแสดงถวายทอดพระเนตร ในโอกาสที่ทรงแปรพระราชฐานไปประทับ ณ จังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2546 นับเป็นครั้งแรกที่โปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรจัดแสดงโขนถวายทอดพระเนตรเป็นการส่วนพระองค์ การแสดงครั้งนั้นเป็นตอน "นิ้วเพชร" และ "พระรามรบทศกัณฐ์"

นอกจากรับสั่งชมเชยว่าการแสดงงดงาม ยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ 300,000 บาท ให้กรมศิลปากรนำไปปรับปรุงเครื่องแต่งกาย ด้วยทรงเห็นว่าควรอนุรักษ์ลวดลายปักให้ประณีต จากนั้นทรงให้การสนับสนุนโขนเรื่อยมาจนมาถึงการแสดงโขนพระราชทานครั้งแรกในปี พ.ศ.2550 ในตอน “พรหมมาศ” โดยมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จนมาถึง “สัตยาพาลี” ในปี พ.ศ.2568 ที่กำลังจัดแสดงอยู่ ซึ่งวันนี้ไม่ได้มีเพียงงานฝีมือชั้นสูงที่ประกอบกันขึ้นเป็นเสื้อผ้า ฉาก แสง สี และองค์ประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ยังผสานผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ทำให้โขนเป็นมากกว่าเรื่องราวจากรามเกียรติ์ วรรณคดีที่แปลงมาเป็นภาพเคลื่อนไหวให้เห็นจริง

ฉากหน้าที่จัดแสดงให้ได้ชมต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีนั้น มีฉากหลังและฉากที่เคยใช้ในการแสดงครั้งก่อน ๆ รวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ถูกรวบรวมไว้ที่ “อาคารเรียน-รู้-เรื่องโขน” ในพื้นที่เดียวกันกับ “ศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด” และ “พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน” ตั้งอยู่ที่เกาะเกิด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา หนึ่งในนั้นและถือเป็นไฮไลท์ที่ใคร ๆ ต้องมาชื่นชมคือ “หนุมานอมพลับพลา” หนึ่งในฉากอันวิจิตรจากโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “ศึกมัยราพณ์”

กล่าวถึงตอนที่หนุมานแปลงกายให้ใหญ่โต แล้วอมพลับพลาซึ่งเป็นที่ประทับของพระรามไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มัยราพณ์หายตัวเข้ามาลักพาพระรามไปได้ การสร้างประติมากรรมหนุมานที่เนรมิตกายให้ใหญ่โต และกว้างจนสามารถให้ผู้แสดงเข้าไปอยู่ภายในได้ ไม่เพียงเท่านั้นดวงตาของหนุมานยังสามารถกลอกกลิ้งไปมารวมถึงหลับและลืมตาได้ ส่วนมือก็สามารถขยับได้ด้วย

อีกฉากที่ตราตรึงใจผู้ชมคือ เรือสำเภาหลวงจากตอน “พิเภกสวามิภักดิ์” นอกจากนี้ยังหนุมาและนางผีเสื้อสมุทรขนาดใหญ่ที่มาจากตอน “สืบมรรคา” นอกจากฉากอันยิ่งใหญ่ที่ยังถูกเก็บรักษาไว้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้แล้ว ยังมีองค์ประกอบของโขนอื่น ๆ ตั้งแต่หน้ากากหนุมาน นางยักษ์ เครื่องทรงศรีษะของพระลักษณ์ พระราม ทศกัณฑ์ รวมถึงเครื่องแต่งกายที่เป็นงานฝีสือสุดวิจิตรบรรจง นอกจากนี้ยังมีฉากพระราชวัง ท้องพระโรง รวมถึงมีการจดแสงโขนรอบพิเศษในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 คือวันที่ 28 กรกฎาคม ของทุกปีด้วย

และหากอยากจะลองประดิษฐ์หัวโขนเองสักครั้งก็มีส่วนที่สอน ให้ความรู้ พร้อมอุปกรณ์ให้ลงมือทำ หัวโขนขนาดย่อม หรือจะเพียงแค่ขอยืนชื่นชมการประดิษฐ์หัวโขนแบบที่ใช้ในการแสดง ก็มีการสาธิตพร้อมรายละเอียดขั้นตอนกว่าจะเป็นหัวโขนให้ได้ชมด้วย

จากอาคารเรียนรู้เรื่องโขนยังสามารถไปเยี่ยมชม “พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน” เป็นพิพิธภัณฑ์ของสถาบันสิริกิติ์ที่จัดแสดงผลงานศิลปะชิ้นสำคัญที่มีความงดงามทรงคุณค่าอันเป็นศิลปวัตถุของแผ่นดินจากฝีมือช่างสถาบันสิริกิติ์ สวนจิตรลดา เช่น พระที่นั่งพุดตานถมทอง, เรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงส์จำลอง, บุษบกมาลา, ฉากผ้าปักหิมพานต์, ฉากไม้แกะสลักเรื่องสังข์ทองและหิมพานต์ ฯลฯ ซึ่งเคยจัดแสดงในนาม นิทรรศการศิลป์แผ่นดิน ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม

ชมเรื่องราวของโขนที่เกาะเกิดเสร็จแล้ว ไม่ไกลกันคือ “พระราชวังบางปะอิน” สันนิษฐานว่าสร้างโดยพระเจ้าปราสาททอง และน่าจะเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาอีกหลายพระองค์ในเวลาต่อมา จนถูกทิ้งร้างลงหลังการเสียเอกราชครั้งที่ 2 กระทั่งสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 พระราชวังบางปะอินจึงได้รับการบูรณะฟื้นฟูอีกครั้ง และต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งยังคงใช้เป็นที่ประทับ และต้อนรับพระราชอาคันตุกะและพระราชทานเลี้ยงรับรองในโอกาสต่าง ๆ เป็นครั้งคราว

ฝั่งตรงข้ามคือ “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ในสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกาย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2419 เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สําหรับบําเพ็ญพระราชกุศล เมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน ลักษณะเด่นของวัดนี้คือการตกแต่งเป็นแบบตะวันตก พระอุโบสถคล้ายโบสถ์ฝรั่งในศาสนาคริสต์ มีหลังคายอดแหลมและช่องหน้าต่างเจาะโค้งแบบกอทิก ผนังอุโบสถเหนือหน้าต่างด้านหน้าพระประธานประดับกระจกสี เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 5 ฐานชุกชีที่ประดิษฐานพระประธาน “พระพุทธนฤมลธรรมโมภาส” ทําเหมือนที่ตั้งไม้กางเขนในโบสถ์คริสต์ศาสนา

อาคารเรียนรู้เรื่องโขน เปิดให้เข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.30-16.00 น. หยุดวันจันทร์และวันอังคาร เวลาจำหน่ายบัตร 9.30 - 15.30 น. สอบถามโทร. 0 3535 2991 สำหรับโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอน “สัตยาพาลี” จัดแสดงถึง 8 ธันวาคม 2568 ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กรุงเทพฯ สำรองที่นั่งไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทาง www.thaiticketmajor.com หรือโทร. 0-2262-3456

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...