โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

คว่ำรัฐธรรมนูญยุบสภา ครม.อนุทินอยู่ต่อ 6 เดือน เลือกตั้งชี้อนาคตการเมือง

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 2 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 2 วันที่แล้ว
อนุทิน ชาญวีรกูล

โปรดเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภา ปิดฉากรัฐบาลเสียงข้างน้อย เอาไม่อยู่ปัญหาเศรษฐกิจ ความมั่นคง-การเมือง ความเชื่อมั่นนานาชาติ นายกฯ พลิก MOA ไม่หักหลัง ไม่เคยระบุเรื่องเสียง สว. แก้รัฐธรรมนูญ สะเทือนการเมืองทั้งฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ สส.อลหม่านวิ่งสังกัดพรรคภายใน 30 วัน สู่สมรภูมิเลือกตั้งใหม่ คาด ครม.อนุทิน มีอำนาจเต็มอยู่ยาวอีก 6 เดือน นักการเมือง-นักวิชาการ ชี้มีสงครามเป็นข้อยกเว้น อาจ “เลื่อน” เลือกตั้งได้ เครือ “มติชน” จัดญัตติสาธารณะ “เลือกตั้ง เลือกอนาคต” ปราปต์ บุนปาน จัดแคมเปญใหญ่ มองเกมเลือกตั้ง 2569 จับมือนักวิชาการจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ราชภัฏทั่วประเทศ ทำโพลชี้ทิศทางการเมืองไทย 2569

ปัจจัยแตกหักยุบสภา

อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย คืนอำนาจให้ประชาชน ด้วยการยุบสภา ภายหลังเกิดจุดแตกหัก ระหว่างพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กับพรรคประชาชน (ปชน.) ระหว่างการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ในวาระ 2 เมื่อ 11 ธันวาคม ในมาตรา 256/28 ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ทั้งนี้ ตามร่างเดิมที่ผ่านการเห็นชอบในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเสียงข้างมากในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กำหนดว่า ให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ผ่านการร่างของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญต้องได้รับการเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภา โดยใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง

แต่เมื่อถึงการพิจารณาในที่ประชุมรัฐสภา สว.เสียงข้างน้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติให้การเห็นชอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ยืนยันต้องใช้เสียง สว.เห็นชอบ 1 ใน 3 เสียง ซึ่งไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ในการประชุม กมธ.

“ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ผู้นำฝ่ายค้าน ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน ซึ่งเป็นคนลงนามในข้อตกลงร่วม (Memorandum of Agreement-MOA) ซึ่งมีเงื่อนไขสำคัญระบุว่า สส.พรรค ปชน. จะลงมติให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต้องเปิดทางให้มีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่เมื่อ สว.และ สส.พรรค ปชน. มีมติตรงข้ามกับเสียงส่วนใหญ่ใน กมธ. พลิกเป็น ให้คงเสียง 1 ใน 3 ของ สว. ต่อไป หัวหน้าพรรค ปชน.จึงประกาศว่า “ถ้าเสียงโหวตส่วนใหญ่ในรัฐสภา กลับร่างของกรรมาธิการเสียงข้างมาก พวกผมไม่สามารถยอมรับให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เดินเข้าสู่วาระที่ 3 ได้ ในฐานะฝ่ายค้านเสียงข้างมาก ต้องร้องขอให้นายกรัฐมนตรียุบสภา”

เมื่อผลการลงมติรอบแรก พรรคภูมิใจไทย โหวตสนับสนุนฝ่าย สว.เสียงข้างน้อย ให้กลับมาชนะด้วยเสียง 312 ต่อ 290 และการลงมติครั้งที่สอง ด้วยการขานชื่อ ผลการลงมติ ฝ่าย สว. และ สส.ภูมิใจไทย ชนะด้วยคะแนน 329 ต่อ 302 เสียง

และในเวลา 22.05 น. นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า“ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ” อย่างไรก็ตาม แม้มีข่าวว่ารัฐบาลยื่นยุบสภา แต่เมื่อร่างพระราชกฤษฎีกายังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการ รัฐสภาจึงมีการพิจารณา คำถามประชามติว่าด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในคำถามที่ 1 เพื่อถามประชาชนว่าเห็นด้วยในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ โดยญัตติ ประกอบด้วยญัตติด่วน อาทิ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย โดยที่ประชุมรัฐสภามีมติ 494 ต่อ 1 เสียง เห็นชอบให้ส่งคำถามประชามติไปให้ ครม.

โปรดเกล้าฯยุบสภา

กระทั่งในเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 12 ธ.ค. 68 เว็บไซต์ราชกฤษฎีกา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกายุบสภา พ.ศ. 2568 ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า ด้วยนายกรัฐมนตรีได้นำความกราบบังคมทูลฯ สมควรยุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป

พร้อมระบุเหตุผลในการยุบสภา ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศที่มีปัญหารุมเร้าในหลาย ๆ ด้าน ส่งผลให้รัฐบาลไม่อาจบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ และมีเสถียรภาพ หากปล่อยให้สภาวการณ์เป็นอยู่เช่นนี้ย่อมจะเกิดความไม่มั่นคงทางการเมืองและกระทบต่อความเชื่อมั่นของนานาประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

อันจะนำมาซึ่งความเสื่อมศรัทธาของประชาชนต่อระบบรัฐสภาและการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในที่สุดทางออกที่เหมาะสมคือการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการเลือกตั้งทั่วไป อันเป็นการคืนอำนาจการตัดสินใจทางการเมืองให้แก่ประชาชนเจ้าของอำนาจสูงสุดโดยเร็ว

เพื่อให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และให้ได้มาซึ่งรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากและมีเสถียรภาพที่ได้รับอาณัติที่ชอบธรรมจากประชาชน เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปโดยราบรื่นและเรียบร้อยสืบไป

อนุทิน โต้ ไม่ได้ฉีก MOA

เช้าวันที่ 12 ธ.ค. 68 นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงเหตุผลในการตัดสินใจยุบสภาว่า ต้องการคืนอำนาจให้ประชาชน ตนและพรรคภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลได้ เพราะพรรคประชาชนให้มาเป็น และการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็พยายามทำมาตลอด และในสัญญาที่มีต่อกันใน MOA ทั้ง 4-5 ข้อ พรรคภูมิใจไทยก็ปฏิบัติมาตลอด แต่เรื่องการแก้ไขมาตรา 256/28 เกี่ยวกับอำนาจ สว.ในการโหวตแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เคยมีการพูดกันใน MOA มาก่อน แต่เมื่อหัวหน้าพรรคประชาชนแถลงในรัฐสภาว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยไม่โหวตตามที่ต้องการ พรรคประชาชนก็จะไม่สนับสนุน และขอให้นายกฯยุบสภา

“ท่านโหวตให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ท่านบอกว่าไม่สนับสนุนผมแล้ว ท่านขอให้ผมยุบสภา ผมก็ทำตามท่าน เป็นไปตามมารยาท และขั้นตอนที่ควรจะเป็น”

นายกรัฐมนตรียืนยันว่า “ไม่มีการหักหลังใด ๆ ให้ไปดู MOA ว่าเขียนว่าอย่างไร ซึ่ง MOA ไม่มีเรื่องเกี่ยวกับ สว.เลย แต่เป็นข้อตกลงที่พรรคภูมิใจไทยพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อตกลงที่จะไม่มีการเพิ่มจำนวน สส. และไม่พยายามเป็นเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นบริบททางการเมืองที่เราสามารถทำได้ แต่เราก็ไม่ทำ”

“ซึ่งการขอให้มีมติเกี่ยวกับคำถามแก้รัฐธรรมนูญ เราก็ทำให้ หากส่งมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งตนได้หารือกับ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ท่านก็บอกว่าสามารถที่จะกำหนดวันทำประชามติได้ โดยอำนาจคณะรัฐมนตรีที่ยังรักษาการอยู่ ตนก็ทำให้ รักษาเงื่อนไขตาม 
MOA พร้อมย้ำว่า ไม่มีการหักหลังใด ๆ 
ทั้งสิ้น”

เป็นรัฐบาลต่อ 6 เดือน

สถานะของรัฐบาลหลังจากนี้ นายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลรักษาการก็มีอำนาจเต็มในการบริหารราชการแผ่นดิน มีข้อยกเว้นบางอย่าง แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้ข้อยกเว้น ก็ไปอธิบายกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และถ้าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อดูตามไทม์ไลน์ที่เคยดำเนินการมาเลือกตั้งไม่เกิน 60 วัน การรับรองผลการเลือกตั้งภายใน 45 วัน การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีใช้เวลาประมาณ 1 เดือน ทุกรัฐบาลจะหมดวาระไปเมื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อนับดูก็แค่ 5-6 เดือน ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เรื่องการปกป้องอธิปไตยปกป้องดินแดนทหารก็ทำเต็มที่

อนึ่ง ในการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ต้องใช้เวลาจัดตั้งรัฐบาลนานกว่า 101 วัน ในการโปรดเกล้าฯให้ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี และใช้เวลาถึง 110 วัน กว่าพรรคเพื่อไทยจะได้จัดตั้งรัฐบาล มีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่บริหารประเทศ เนื่องจากมีปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาล ภายหลังพรรคก้าวไกล ที่มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เป็นผลให้พรรคเพื่อไทยที่ได้เสียงอันดับ 2 ในสภา ฟอร์มจัดตั้งรัฐบาลแทน แต่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็อยู่ได้เพียง 2 ปี ต้องพ้นจากการเป็นรัฐบาล

รัฐบาลมีอำนาจเต็ม

ขณะที่ “บวรศักดิ์ อุวรรณโณ” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย อธิบายถึงแนวทางปฏิบัติ รัฐบาลหลังการยุบสภาว่า คำว่ารัฐบาลรักษาการเป็นคำที่นักวิชาการใช้ แต่ในรัฐธรรมนูญไทยไม่มี รัฐบาลนี้ยังมี ครม.ที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่หลังการเลือกตั้งทั่วไป โดยมีอำนาจเหมือนเดิมทุกอย่าง ทั้งเรื่องความมั่นคง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

อะไร ครม.ทำได้-ไม่ได้

รองนายกฯฝ่ายกฎหมายยืนยันว่า มีสิ่งต้องห้ามทำ 2 ข้อ คือ ห้ามทำโครงการใหม่ที่ผูกพัน ครม.ชุดใหม่ และห้ามนำทรัพยากรของรัฐ ทั้งบุคคลและยานพาหนะไปใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง นอกจากนั้น หากจะต้องทำ มี 2 เรื่อง ต้องขอความเห็นชอบจาก กกต. คือ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการและการใช้งบประมาณ งบฯกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น

นอกนั้นมีอำนาจเหมือนเดิม ทำได้ทุกประการ รวมถึงเรื่องความมั่นคง และสามารถประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้ เช่นเดียวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการฟื้นฟูเยียวยาผู้ประสบภัย โดยรัฐบาลจะนัดประชุมกับ กกต. ในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคมนี้ เพื่อหารือถึงเรื่องเลือกตั้ง

“ส่วนบางเรื่องที่ ครม.พูดไว้ก่อนที่จะยุบสภา เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงเรื่องการประชุม ครม.อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ เพื่อช่วยฟื้นฟูหาดใหญ่ และบอกกล่าวว่า หาดใหญ่กลับมาเป็นปกติแล้ว ต้องหารือกับ กกต.ว่าจะอนุมัติให้ทำได้หรือไม่” นายบวรศักดิ์กล่าว

4 กฎเหล็กรัฐบาลรักษาการ

สำหรับอำนาจของรัฐบาลอนุทิน หลังพระราชกฤษฎีกายุบสภาประกาศ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 169 ให้คณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งด้วยการยุบสภา ตามมาตรา 167 (2) และอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามมาตรา 168 (1) ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 4 ข้อ

1.ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติงานหรือโครงการ หรือมีผลเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป เว้นแต่ที่กำหนดไว้แล้วในงบประมาณรายจ่ายประจำปี

2.ไม่แต่งตั้งหรือโยกย้ายข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำหรือพนักงานของหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือกิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือให้บุคคลดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่หรือพ้นจากตำแหน่ง หรือให้ผู้อื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน

3.ไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้งก่อน

4.ไม่ใช้ทรัพยากรของรัฐหรือบุคลากรของรัฐเพื่อกระทำการใดอันอาจมีผลต่อการเลือกตั้ง และไม่กระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามตามระเบียบที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนด

คาดการณ์ไทม์ไลน์เลือกตั้ง

สำหรับไทม์ไลน์ทางการเมือง หลังจากพระราชกฤษฎีกายุบสภาใช้บังคับ (12 ธ.ค. 68) บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 102 วรรคสอง กำหนดให้ การเลือกตั้งต้องเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร มาตรา 103 วรรคสาม ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศกําหนดวันเลือกตั้งทั่วไปภายใน 5 วัน ซึ่งต้องไม่น้อยกว่า 45 วันแต่ไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกายุบสภา

ซึ่งตามปฏิทิน กรอบ 45 วันจะตรงกับ 25 มกราคม 2569 ซึ่งเป็นกรอบที่เร็วที่สุด ส่วนกรอบที่ช้าที่สุดคือ 60 วัน จะตรงกับวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569

ข้อ “ยกเว้น” เลื่อนเลือกตั้ง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่มีสถานการณ์ฉุกเฉิน มีความจำเป็น เช่น กรณีมีเหตุภัยพิบัติ หรือมีเหตุจำเป็นที่ทำให้การเลือกตั้งไม่สามารถจัดวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรได้ มีข้อยกเว้นในรัฐธรรมนูญมาตรา 104 ความว่า ในกรณีที่มีเหตุจําเป็นอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เป็นเหตุให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้ง ตามวันที่ กกต.กำหนด กกต.จะกําหนดวันเลือกตั้งใหม่ก็ได้ แต่ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายใน 30 วัน นับแต่วันที่เหตุดังกล่าวสิ้นสุดลง

สอดคล้องกับความเห็นของแกนนำรัฐบาลอย่าง นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี จากพรรคภูมิใจไทย ที่กล่าวถึงวันเลือกตั้งไว้ว่า “ถ้าไม่สงบ ก็เป็นเรื่องของ กกต. ถ้าคนยังอพยพอยู่อย่างนี้จะเลือกตั้งอย่างไร ไม่น่าจะได้ เพราะต้องเลือกตั้งพร้อมกัน”

สอดคล้องกับความเห็นของ ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ขีดกรอบการมีรัฐบาลใหม่ไว้ว่า ระยะเวลา 5 เดือนั้น “เป็นขั้นตอนปกติของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ ระยะเวลาก่อนเลือกตั้ง 2 เดือน หลังเลือกตั้ง กกต.รับรองผลอีก 2 เดือน และเวลาในการฟอร์มรัฐบาล”

เช่นเดียวกับข้อวิเคราะห์ของ ดร.สุขุม นวลสกุล นักรัฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์การเมือง ให้ความเห็นเรื่องวันเลือกตั้ง ที่อาจจะต้องทอดเวลาออกไปเกิน 60 วัน ว่า “กรณีถ้ามีสงคราม กรณีภัยพิบัติ เลื่อนเลือกตั้งได้ ก็อาจจะเกิน 60 วัน”

มติชน จัด เลือกตั้ง เลือกอนาคต

ขณะที่เครือมติชน เตรียมจัดกิจกรรม MATICHON Thailand Election 2026 “เลือกตั้ง เลือกอนาคต” ในวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม โดยมี นายปราปต์ บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ฉายภาพรวมของโครงการแคมเปญ จากนั้นมีเสวนา “มองเกมเลือกตั้ง 2569” มีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสรกล อดุลยานนท์ คอลัมนิสต์ มติชนสุดสัปดาห์และหนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

และในช่วงบ่าย เครือมติชน ร่วมกับ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เปิดแคมเปญ มติชน-เดลินิวส์ โพล : เลือกตั้ง 2569 โดยมีนายปารเมศ เหตระกูล กรรมการบริหารหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และเดลินิวส์ออนไลน์ นายปราปต์ บุนปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) ร่วมแถลงความร่วมมือดังกล่าว พร้อมทั้งมีการชี้แจงแนวทางการจัดทำและวิเคราะห์โพล โดย รศ.ดร.บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.ปุรวิชญ์ วัฒนสุข คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ ประธานที่ประชุมอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ

กกต.พร้อมจัดเลือกตั้ง

“ณรงค์ กลั่นวารินทร์” ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้สัมภาษณ์ว่า เตรียมความพร้อมไว้แล้ว เพราะมีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าอาจมีการยุบสภาขึ้น จึงได้มีการแบ่งเขตไว้ตามจำนวนประชากรที่เพิ่มลดในบางจังหวัดแล้ว คาดว่าภายในวันจันทร์หรืออังคารก็จะมีความชัดเจน

ส่วนวันเลือกตั้งจะเป็นวันที่ 8 ก.พ. 2569 เหมือนที่มีการคาดการณ์หรือไม่ ประธาน กกต.กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ ส่วนกฎหมายกำหนดให้วันเลือกตั้งต้องเป็นวันเดียวกันทั่วประเทศ สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา อาจจะทำให้ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งภายในวันเดียวกันได้ ได้มีการเตรียมการอย่างไร นายณรงค์กล่าวว่า เราคาดการณ์ และได้มีการติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา แต่การจัดการเลือกตั้งต้องจัดพร้อมกันอยู่แล้ว

สส.วิ่งเข้ารูพรรคใหม่ 30 วัน

ความอลหม่านหลังจากยุบสภา คือการ “ย้ายพรรค” เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 97 (3) กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครเลือกตั้งว่า ในกรณีที่มีการเลือกตั้ง เพราะเหตุยุบสภา ผู้ที่จะสมัครลงเลือกตั้งต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้นไม่น้อยกว่า 30 วัน นับถึงวันเลือกตั้ง

ดร.สติธรวิเคราะห์ว่า จะเห็นการเคลื่อนย้ายของนักเลือกตั้ง ชัดยิ่งขึ้นตอนใกล้วันเปิดรับสมัครเลือกตั้ง จะได้เห็นนักการเมืองอีแอบทั้งหลาย เพราะถึงวันจะลงสมัครต้องเปิดตัวแล้ว พรรคภูมิใจไทยยังได้เปรียบทางการเมืองที่สุด เพราะ สส.เขตของพรรคนี้มีความแข็งแรง บวกกับนักการเมืองที่พรรคดึงตัวมาเพิ่ม ดังนั้น เต็มที่กระทบแค่ สส.ระบบบัญชีรายชื่อ

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : คว่ำรัฐธรรมนูญยุบสภา ครม.อนุทินอยู่ต่อ 6 เดือน เลือกตั้งชี้อนาคตการเมือง

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...