โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

‘ตัวตนคนทำวิจัย’ The Researcher’s Identity

สยามรัฐ

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต

หลายทศวรรษที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยต่างให้ความสำคัญกับผลผลิตงานวิจัยในเชิงปริมาณ เห็นได้จากจำนวนบทความ การจัดอันดับวารสาร และดัชนีการอ้างอิง กลายเป็นตัวแทนวัดคุณค่าและความสำเร็จของนักวิจัย จนบางครั้งหลาย ๆ คนหลงลืมไปว่า งานวิจัยไม่ได้เป็นแค่ผลลัพธ์ทางวิชาการ หากแต่เป็นกระบวนการคิด การตั้งคำถาม และการตัดสินใจของมนุษย์ที่ส่งผลต่อสังคมหลากหลายมิติ

เมื่อมองให้กว้างขึ้น จะพบว่าการทำวิจัยไม่จำเป็นต้องจำกัดขอบเขตหรือบริบทอยู่ในห้องปฏิบัติการหรือมหาวิทยาลัย เพราะในความเป็นจริง มนุษย์ “ทำวิจัย” อยู่ตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การทดลองวิธีทำงานใหม่ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ไปจนถึงการตัดสินใจเชิงนโยบายภายในองค์กร แต่อาจไม่ได้เรียกกระบวนการเช่นนี้ด้วยคำว่า “การวิจัย”

โลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้ใครหยุดนิ่ง องค์กรที่ไม่ตั้งคำถาม ไม่ทดสอบสมมติฐานใหม่ และไม่แสวงหาคำตอบจากข้อมูลจริงก็จะไม่สามารถปรับตัวได้ทันกับความเปลี่ยนแปลง การทำวิจัยในมุมนี้มองว่าการวิจัยไม่ใช่กิจกรรมเสริม แต่เป็นกลไกหลักของการอยู่รอดและการขับเคลื่อนองค์กร ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ หรือภาคธุรกิจ

ตัวตนของนักวิจัยไม่ควรถูกจำกัดอยู่ที่บทบาทของ “ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง” ต้องขยายไปสู่การเป็น “ปัญญาชนสาธารณะ” เป็นผู้ที่สามารถเชื่อมโยงความรู้กับปัญหาจริงของสังคม และสื่อสารอย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้ยุคที่ข้อมูลล้นหลาม ข่าวลวงแพร่ระบาดไปทุก ๆ พื้นที่ และความจริงถูกบิดเบือน งานวิจัยที่ดีไม่ควรจบลงที่การตีพิมพ์ แต่ต้องถูกแปล อธิบาย และนำไปใช้ได้สังคม

ความท้าทายนี้ยิ่งเด่นชัดเมื่อเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทในกระบวนการวิจัยอย่างกว้างขวาง เครื่องมือเหล่านี้ช่วยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างก้าวกระโดด แต่ไม่สามารถแทนที่ “ความรับผิดชอบ” เนื่องจากตัวตนของนักวิจัยไม่ได้อยู่ที่การใช้เครื่องมือได้ล้ำหน้าที่สุด แต่อยู่ที่การตัดสินใจว่าจะใช้ความรู้นั้นอย่างไร เพื่อใคร และด้วยกรอบคุณค่าแบบใด นักวิจัยต้องเป็นผู้กำกับเทคโนโลยี ไม่ใช่เพียงผู้ตามเทคโนโลยี และต้องตระหนักเสมอว่างานวิจัยทุกชิ้นมีผลกระทบเสมอไม่มากก็น้อยหรือไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ยิ่งในอนาคตที่ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทสูงมากขึ้น ตัวตนของคนทำวิจัยทุกช่วงวัยจะเผชิญ Trade-off สำคัญระหว่างความเร็วกับความลึก ระหว่างประสิทธิภาพกับความหมาย นักวิจัยที่เลือกพึ่งพาเทคโนโลยีโดยปราศจากกรอบคุณค่า อาจผลิตงานได้มากขึ้น แต่กลับสูญเสียความสามารถในการคิดเชิงวิพากษ์และการตั้งคำถามอย่างมีจริยธรรม ในระยะยาวมหาวิทยาลัยอาจเป็นเพียงโรงงานผลิตผลงาน ขณะที่ประเทศสูญเสียทุนทางปัญญา ตรงกันข้ามหากนักวิจัยผสานเทคโนโลยีกับวิจารณญาณ ความรับผิดชอบ และวิสัยทัศน์เพื่อส่วนรวม งานวิจัยจะยังคงเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและกำหนดทิศทางประเทศได้

นอกจากนี้ ในระดับสถาบันอุดมศึกษา โลกวิชาการกำลังตั้งคำถามอย่างจริงจังกับวัฒนธรรม “ทำวิจัยเพื่อผลงาน” มหาวิทยาลัยจำนวนมากเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับงานวิจัยที่มีความหมาย มีผลกระทบต่อสังคม และสามารถนำไปใช้เชิงนโยบายได้จริง มากกว่าการเพิ่มจำนวนบทความในวารสารชั้นนำเพียงอย่างเดียว

ตัวตนของนักวิจัยสะท้อนผ่านคำถามที่เลือกถาม มากกว่าความซับซ้อนของระเบียบวิธี งานวิจัยที่ดีไม่จำเป็นต้องยากที่สุดหรือใหม่ที่สุด แต่ต้องเป็นงานที่ จำเป็น ต่อสังคมในช่วงเวลานั้น ในบริบทของประเทศไทยคิดว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาว่า ระบบตัวชี้วัดและการประเมินผลงานของมหาวิทยาลัยกำลังสร้างนักวิจัยที่ตอบโจทย์ประเทศ หรือตอบโจทย์ระบบภายในของสถาบันเท่านั้น

ตัวตนของนักวิจัยไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นผลลัพธ์ของโครงสร้าง นโยบาย และวัฒนธรรมองค์กร ผู้บริหารมหาวิทยาลัยจะปฏิเสธความรับผิดชอบต่ออัตลักษณ์นักวิจัยที่ระบบของตนกำลังผลิตออกมาไม่ได้

เมื่อโลกวิจัยและความรู้วันนี้ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับอำนาจ การเมือง และผลประโยชน์ ตัวตนที่สำคัญที่สุดของนักวิจัยต้องไม่ใช่ความเก่งกาจทางเทคนิค แต่คือบทบาทของ ผู้รักษามาตรฐานความรู้ของสังคม ผู้ยืนอยู่บนหลักฐาน ความซื่อสัตย์ทางปัญญา และความกล้าที่จะพูดในสิ่งที่ควรถูกพูด

คุณลักษณะของตัวตนคนทำวิจัยที่สังคมต้องการ ไม่ว่านักวิจัยจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น กลาง หรือปลายของเส้นทางวิชาการ ประกอบด้วยความสามารถทางระเบียบวิธีหรือความเชี่ยวชาญเชิงลึกความสามารถในการคิดเชิงระบบ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การทำงานข้ามศาสตร์ และความกล้ารับผิดชอบต่อผลกระทบขององค์ความรู้ที่ตนเองสร้างขึ้น ตัวตนคนทำวิจัยจะเป็นทุนสำคัญที่กำหนดทั้งคุณภาพของมหาวิทยาลัย ความน่าเชื่อถือของระบบวิจัย และศักยภาพการแข่งขันของประเทศในระยะยาว เพราะ งานวิจัยที่เข้มแข็งไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีหรือเงินทุน แต่ต้องเกิดจาก “คนทำวิจัย” ที่มีทั้งปัญญา จริยธรรม และวิสัยทัศน์ต่อสังคม

ถ้ามหาวิทยาลัยเน้นวัดคุณค่าของนักวิจัยจากจำนวนบทความ แต่ไม่ได้วัดจากคุณค่าที่สังคมได้รับ ประเทศหรือสถาบันอาจได้งานวิจัยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่อาจสูญเสียไปในขณะเดียวกันคือ “ตัวตนของคนทำวิจัย” โดยไม่รู้ตัว ซึ่งคำถามลึกซึ้งที่สังคมอุดมศึกษาต้องตอบให้ได้ ก่อนที่งานวิจัยจะเหลือเพียงตัวเลข!!! แต่ไร้พลังขับเคลื่อนสังคมคือ เรากำลังหล่อหลอม “ตัวตนของคนทำวิจัย” แบบใดขึ้นมาในสังคม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...