โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สังคม

ครม.รับข้อเสนอ แบงก์ชาติ-สภาพัฒน์ 'ปิดหนี้ไวไปได้ต่อ' แก้หนี้ 2.3 ล้านบัญชี

ฐานเศรษฐกิจ

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมีมติรับทราบหลักการและแนวทางการดำเนินโครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC) หรือ "โครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้" ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ

พร้อมทั้งมอบหมายสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดันโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ให้เห็นผลโดยเร็วและร่วมกันดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนต่อไป

อย่างไรก็ตาม สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้ทำความเห็นเสนอต่อครม.ว่า เพื่อให้การดำเนินโครงการดังกล่าวบรรลุเป้าหมายตามเจตนารมณ์ กระทรวงการคลังควรประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจถึงผลประโยชน์ที่ลูกหนี้จะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ เช่น

การยกเว้นดอกเบี้ยหากลูกหนี้ปฏิบัติตามเงื่อนไขครบถ้วน การชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดบัญชี (Haircut) และการปรับปรุงประวัติเครดิตหากสามารถชำระหนี้ตามเงื่อนไขภายใต้มาตรการได้สำเร็จ เพื่อช่วยสร้างแรงจูงใจให้ลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการ

ขณะที่แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืนตามที่กระทรวงการคลังเสนอในครั้งนี้ มีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยสนับสนุนให้โครงการนี้ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิ และสามารถแก้ไขปัญหาการขาดสภาพคล่องของภาคครัวเรือนได้

จึงเห็นควรมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวควบคู่ไปพร้อมกับการดำเนินโครงการ โดยเฉพาะการยกระดับฐานข้อมูลหนี้สินครัวเรือนให้ครอบคลุมผู้ให้บริการทางการเงินทุกประเภท รวมถึงสถาบันการเงิน หรือ ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-bank) และสหกรณ์ออมทรัพย์

ทั้งนี้เพื่อให้มีฐานข้อมูลครบถ้วนสำหรับใช้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ควบคู่กับการวิเคราะห์ศักยภาพและประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของลูกหนี้ เพื่อสนับสนุนให้การปล่อยสินเชื่อใหม่หลังสิ้นสุดโครงการดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามศักยภาพของลูกหนี้อย่างแท้จริง

ขณะเดียวกัน สศช.เสนอว่าควรให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลการให้สินเชื่อของธนาคารออมสิน ร่วมกับ ARI-AMC หรือ AMC ที่ได้รับมอบหมาย ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของการดำเนินโครงการตามนโยบายรัฐ (PSA) ตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อให้การกำกับดูแลมีความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ และควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน

พร้อมทั้งรายงานต่อครม. หลังสิ้นสุดโครงการ ทั้งในด้านการช่วยลดภาระหนี้ของครัวเรือน ผลลัพธ์ด้านการฟื้นฟูศักยภาพทางการเงินของลูกหนี้ และความคุ้มค่าของการใช้ทรัพยากรของภาครัฐ เพื่อนำไปประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนในระยะต่อไป

ส่วน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แสดงความเห็นประกอบว่า เห็นด้วยกับโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ซึ่งเป็นความร่วมมือของภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่มีภาระหนี้เสียไม่สูงให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น และมีประวัติการชำระหนี้ที่ดีขึ้น รวมทั้งมีโอกาสกลับมาเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้เร็วขึ้น

นอกจากนี้ ธปท. ไม่ขัดข้องต่อการดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ที่จะจัดทำมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นการเฉพาะกิจของแต่ละแห่ง เพื่อให้การแก้ไขปัญหาสอดคล้องกับสถานะของลูกหนี้ SFIs ที่เปราะบางมากกว่าลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์

รวมทั้งเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ซึ่งนอกจากจำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่ครอบคลุม และเอื้อต่อการนำไปใช้ในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตแล้ว ยังต้องมีการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน และการยกระดับรายได้ของประชาชนและผู้ประกอบการควบคู่ไปด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรร่วมกันสื่อสารรายละเอียดโครงการอย่างชัดเจนและทั่วถึง เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการทราบถึงประโยชน์ กรอบเวลา และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการอย่างครบถ้วนและชัดเจน รวมทั้งควรติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาทบทวนการดำเนินงานให้บรรลุตามเป้าหมายต่อไป

โครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้

สำหรับโครงการปิดหนี้ไว ไปต่อได้ ที่เสนอเข้ามาให้ครม.เห็นชอบในครั้งนี้มีสาระสำคัญเป็นการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ โดยการรับซื้อหนี้เสียของลูกหนี้รายย่อยผ่านกลไกของ AMC และกำหนดให้ AMC ช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้

มีเป้าหมายลูกหนี้ที่คาดว่าจะเข้าข่ายได้รับการช่วยเหลือจากโครงการ และการให้ความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ประมาณ 2.36 ล้านบัญชี คิดเป็นภาระหนี้ประมาณ 62,400 ล้านบาท

ส่วนคุณสมบัติต้องเป็นลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่มีสถานะ ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เป็นหนี้ที่มีการค้างชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยเป็นระยะเวลาเกินกว่า 90 วันนับแต่วันครบกำหนดชำระ และมีภาระหนี้ NPLs รวมทุกประเภทสินเชื่อกับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย

โดยประเภทสินเชื่อที่รับซื้อ คือ สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) สินเชื่อบัตรเครดิต เป็นต้น และสินเชื่อที่เคยมีหลักประกันมีการบังคับหลักประกันแล้วหรือไม่สามารถติดตามทรัพย์ได้ และยังคงเหลือภาระหนี้คงค้างที่สามารถเรียกร้องได้ตามกฎหมายจากธนาคารพาณิชย์ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

ส่วนรูปแบบการให้ความช่วยเหลือและเงื่อนไขของโครงการ แบ่งเป็น

1. กรณีลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์

ทางธนาคารพาณิชย์และบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) หรือบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่ได้รับมอบหมาย ตามราคากลางและวิธีการบริหารจัดการหนี้ ที่ตกลงร่วมกัน

จากนั้น SAM หรือ AMC จะให้ความช่วยเหลือลูกหนี้หลังรับซื้อหนี้โดยการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้ตามแนวทางที่ ธปท. กำหนด ประกอบด้วย 2 มาตรการ ได้แก่ (1) การจ่ายชำระหนี้บางส่วนเพื่อปิดบัญชีจบหนี้ และ (2) การผ่อนชำระหนี้ เป็นงวด ระยะเวลาสูงสุด 3 ปี

โดยภาระดอกเบี้ยในระหว่างเข้าร่วมมาตรการจะถูกพักไว้ โดยหากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขจะยกเว้นดอกเบี้ยทั้งจำนวน ส่วนการบริหารจัดการหนี้ภายหลังปีที่ 3 เป็นต้นไปจะพิจารณาให้สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ต่อไป

2.กรณีลูกหนี้ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ

โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จะขายและโอนหนี้ให้กับบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC) หรือ AMC ที่ได้รับมอบหมาย ตามราคากลางและวิธีการบริหารจัดการหนี้ที่ตกลงร่วมกัน จากนั้น Ari-AMC หรือ AMC จะให้ความช่วยเหลือลูกหนี้หลังรับซื้อหนี้ โดยการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรนเพื่อลดภาระหนี้ตามแนวทางที่ ธปท. กำหนด

พร้อมกันนี้ยังกำหนดแนวทางจูงใจให้ลูกหนี้กลับมาชำระหนี้และรักษาวินัยในการชำระหนี้ควบคู่ไปด้วย โดยกำหนดแนวทางให้มีการรายงานประวัติการชำระหนี้ ของลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการฯ แก่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) เพื่อเป็นข้อมูลในการพิจารณาให้สินเชื่อเพิ่มเติมของสถาบันการเงินเพื่อให้ลูกหนี้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองหรือมีแหล่งเงินทุนในการประกอบธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่การขอสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค

โดยในการพิจารณาให้สินเชื่อเพิ่มเติมดังกล่าว ให้สถาบันการเงินพิจารณารายได้ของลูกหนี้ โดยใช้รายได้ที่แสดงต่อกรมสรรพากรในการยื่นรายการภาษีเงินได้ และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เป็นสำคัญ

นอกจากนี้ยังมีการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยจะมีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นมาตรการเฉพาะกิจของแต่ละธนาคาร เพื่อบริหารจัดการหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกหนี้ ซึ่งเปราะบางมากกว่าลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ เช่น

มาตรการปิดบัญชีลดเงินต้นยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด มาตรการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ที่ผ่อนปรนมากกว่าเกณฑ์ปกติของธนาคาร การปิดบัญชีและตัดเป็นหนี้สูญสำหรับลูกหนี้ขาดศักยภาพ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามในส่วนของลูกหนี้รายย่อยของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-bank) และเจ้าหนี้กลุ่มอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากลูกหนี้ข้างต้น จะได้รับการพิจารณาช่วยเหลือในลักษณะเดียวกับโครงการในระยะถัดไป เพื่อให้การช่วยเหลือโดยยึดแกนลูกหนี้เป็นศูนย์กลาง (Debtor Centric)

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...