โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ทีทีบี จับมือ MBK ตั้งบริษัทร่วมทุนลุยธุรกิจ 'สินเชื่อมอเตอร์ไซค์' คาดตั้ง Q1/69

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 04 พ.ย. เวลา 03.48 น. • เผยแพร่ 04 พ.ย. เวลา 03.47 น.

ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีทีบี ลงนามเอ็มบีเค ตั้งบริษัทร่วมทุน รุกธุรกิจ “สินเชื่อจักรยานยนต์” เสริมพอร์ตฐานลูกค้ารายย่อย 10 ล้านราย คาดจัดตั้งได้ไตรมาส 1 ปี 2569 หลัง ธปท.ไฟเขียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีทีบี แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เรื่องเกี่ยวกับการแจ้งข่าวของ บริษัท เอ็ม บี เคจำกัด (มหาชน) เรื่องการลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการซื้อขายหุ้นของ บริษัท ที ลีสซิ่งจำกัด ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567

ตามที่ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) (“ธนาคาร”) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ” เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 ให้ทราบว่า ธนาคารได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Non-binding Memorandum of Understanding) (“บันทึกข้อตกลง”) กับ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) (“เอ็ม บี เค”) เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นทั้งหมดของบริษัท ที ลีสซิ่ง จำกัด (“ที ลีสซิ่ง”

ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทย่อยโดยตรงที่ เอ็ม บี เค ถืออยู่ 100% ให้แก่ธนาคารเพื่อกำหนดข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายและหลักการสำหรับการเจรจาร่วมกันเกี่ยวกับการเข้าทำธุรกรรมต่าง ๆ ระหว่างคู่สัญญา โดยมีรายละเอียดตามหนังสือที่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่อ้างถึงข้างต้น

โดยต่อมา ธนาคารและเอ็ม บี เค ได้เล็งเห็นถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นร่วมกันและได้บรรลุข้อตกลงในการส่งเสริม พัฒนา และต่อยอดธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งรถจักรยานยนต์ผ่านการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท ทีแอลเอสพลัส จำกัด (“ทีแอลเอส พลัส” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ เอ็ม บี เค ถือหุ้น 100% และบริษัท ที่ที่บี คอนซูมเมอร์ จำกัด (“ที่ที่บีคอนซูมเมอร์” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ธนาคารถือหุ้น 100% เพื่อการดำเนินธุรกิจดังกล่าว

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืนของทั้งสองบริษัทในระยะยาว ทำให้การลงนามในบันทึกข้อตกลงแบบไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Non-binding Memorandum of Understanding) ระหว่างธนาคารและเอ็ม บี เค เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2567 เรื่องการจำหน่ายหุ้นสามัญทั้งหมดของที ลีสซิ่งซึ่งเป็นบริษัทย่อยของเอ็ม บี เค ปรับเปลี่ยนเป็นการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ซึ่งสอดคล้องตามแผนกลยุทธ์ของทั้งสองบริษัท รายละเอียดสรุปได้ดังนี้

หลักการและเหตุผล

การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ของธนาคาร ในการเร่งการเติบโตและขยายขอบเขตธุรกิจทางการเงินโดยผนึกกำลังจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน กล่าวคือ

  • เอ็ม บี เค เป็นผู้มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 20 ปีในธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ จึงมีความเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคเชิงลึก และมีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ อีกทั้งยังมีความพร้อมด้านระบบการดำเนินงานและบุคลากรที่ได้รับการยอมรับในธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์มาอย่างต่อเนื่อง
  • ธนาคาร มีฐานลูกค้ารายย่อยกว่า 10 ล้านราย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าพนักงานที่มีรายได้ประจำใน Payroll Ecosystem ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพและความเสี่ยงต่ำ อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ แต่ปัจจุบันยังขาดผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครบถ้วนในทุกระดับรายได้

ดังนั้น การร่วมทุนครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ธนาคารสามารถเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ได้อย่างมั่นใจและต่อยอดการให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย สอดคล้องกับกลยุทธ์การเติบโตของธนาคารที่มุ่งเน้นสินเชื่อที่มีคุณภาพและการสร้างชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการทำธุรกรรม

การเข้าทำรายการดังกล่าวธนาคาร คาดว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อธุรกิจใน 3 ด้านหลัก ดังนี้

1.Balance Sheet Synergy สามารถใช้ประโยชน์จากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำกว่า (Lower Cost of Fund) ผ่านโครงสร้างเงินทุนของธนาคาร เพื่อสนับสนุนธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่ให้ผลตอบแทนสูงอย่างมีประสิทธิภาพ

2.Revenue Synergy ผ่านการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Ecosystem ของธนาคาร โดยมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อเพิ่มมูลค่าจากฐานลูกค้าเดิม พร้อมเปิดโอกาสในการขายผลิตภัณฑ์อื่น (Cross Selling) ให้กับกลุ่มลูกค้ารายได้ประจำ

โดยอาศัยความสามารถในการบริหารต้นทุนความเสี่ยง (Risk Cost) ที่มีประสิทธิภาพผ่านการใช้ข้อมูลเชิงลึกระดับบุคคลเพื่อยกระดับความแม่นยำของระบบ Credit Scoring และกระบวนการอนุมัติสินเชื่อ (Underwiting) ซึ่งทั้งหมดนี้ช่วยเสริมศักยภาพในสร้างรายได้และความยั่งยืนใน
ระยะยาว

3.Cost Synergy จากการขยายขนาดธุรกิจ (Economies of Scale) โดยการผสานจุดแข็งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทั้ง ด้านการดำเนินงานและการเข้าถึงลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัลและสาขาที่ครอบคลุมของธนาคาร

นอกจากนี้ การใช้ความเชี่ยวชาญและการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่าง ทีแอลเอส พลัส และธนาคาร เช่น ระบบติดตามหนี้กระบวนการสนับสนุนการขาย และเครือข่ายการให้บริการ ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อน เพิ่มความคล่องตัว และยกระดับประสิทธิภาพด้านต้นทุนและการดำเนินงานโดยรวมของธุรกิจ

รายละเอียดการอนุมัติและการจัดตั้ง

ที่ประชุมคณะกรรมการของธนาคาร ครั้งที่ 7/2568 เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อเกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ภายใต้ทีทีบี คอนซูมเมอร์ ร่วมกับเอ็ม บี เค

อย่างไรก็ตาม ธนาคารไม่สามารถเปิดเผยมติคณะกรรมการดังกล่าวได้ทันที เนื่องจากการเข้าทำธุรกรรมการลงทุนยังมีความไม่ชัดเจน โดยมอบอำนาจให้คณะกรรมการบริหารของธนาคารเป็นผู้พิจารณาอนุมัติข้อตกลง เงื่อนไขและรายละเอียดสุดท้ายของสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้น (“สัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นฯ”) ภายใต้กรอบที่คณะกรรมการธนาคารกำหนดไว้

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารของธนาคารครั้งที่ 14/22568 เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 ได้มีมติอนุมัติสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นฯดังกล่าว และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทของ ทีทีบี คอนซูมเมอร์ ครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 ได้มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนและการเข้าทำสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นฯ แล้วตามลำดับ

ธนาคารขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 ทีทีบี คอนซูมเมอร์ ได้ลงนามในสัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นฯ เป็น ที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าธนาคาร จะต้องได้รับอนุมัติที่จำเป็นและเกี่ยวข้องจากธนาคารแห่งประเทศไทย (“ธปท.”) ก่อน ทั้งนี้ รายละเอียดสำคัญของบริษัทร่วมทุน ตามข้อกำหนดใน สัญญาระหว่างผู้ถือหุ้นฯ มีดังนี้

บริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อและลีสซิ่งรถจักรยานยนต์ โดยมีรายละเอียดหลักดังนี้

  • ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น: 150,000,000 บาท (15 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 10 บาท)

สัดส่วนการถือหุ้น

  • ทีทีบี คอนซูมเมอร์ (TTB): 70%
  • ทีแอลเอส พลัส (MBK): 30%
  • วันคาดการณ์จัดตั้ง : ภายในไตรมาส 1 ปี 2569 โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขการได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ทั้งนี้ ภายหลังจากการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนสำเร็จ ที ลีสซิ่ง ในฐานะบริษัทย่อยของ เอ็ม บี เค จะหยุดการปล่อยสินเชื่อใหม่ภายใต้ ที ลีสซิ่ง โดยกิจกรรมการปล่อยสินเชื่อใหม่จะดำเนินการผ่านบริษัทร่วมทุน โดยนำความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายมาสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและการเติบโตระยะยาว ทั้งนี้ ที ลีสซิ่ง จะคงเหลือในส่วนบริหารจัดการหนี้เดิมของ ที ลีสซิ่ง ซึ่ง
ทำให้ Portfolio จะทยอยลดลงภายใน 3- 5 ปี

การจัดหาเงินทุน : แหล่งเงินทุนภายใน ได้แก่ ส่วนเกินจากส่วนทุนที่มีอยู่ (Excess Capital)

ธนาคารมีแผนเข้าทำรายการดังกล่าว โดยใช้แหล่งเงินทุนภายใน ได้แก่ ส่วนเกินจากส่วนทุนที่มีอยู่ โดยการเข้าทำรายการดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อนโยบายการจ่ายเงินปันผลและการดำรงเงินกองทุนของธนาคารเนื่องจากที่ผ่านมา ธนาคารดำรงเงินกองทุนในระดับสูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำของ ธปท. อย่างมีนัยสำคัญมาโดยตลอด

สะท้อนได้จากอัตราส่วนเงินกองทุนรวม (CAR) ของธนาคารฯ อยู่ที่ 19.9% และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (Tier 1) อยู่ที่ 17.9% ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 เทียบกับเกณฑ์ขั้นต่ำของธนาคารกลุ่ม D-SIBs ที่ธปท. กำหนดไว้ที่ 12% และ 9.5% ตามลำดับ

นอกจากนี้ แผนการใช้เงินทุนดังกล่าว เป็นไปตามแนวทางในการบริหารจัดการส่วนทุน (Capital Management) อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว ขนาดรายการการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ : ไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามประกาศเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์

การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีขนาดรายการที่คำนวณตามเกณฑ์การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งมูลค่าของสินทรัพย์สูงสุดคิดเป็น 0.046% (โดยเป็นเกณฑ์ที่คำนวณขนาดรายการได้มาสูงสุด ตามงบการเงินรวมของบริษัท สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2568)

และเมื่อพิจารณารายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัท ในรอบระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาจะมีขนาดรายการรวมเท่ากับ 0.046% (ขนาดรายการสูงสุดตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน) ซึ่งถือเป็นขนาดรายการการได้มาซึ่ง สินทรัพย์ที่มีขนาดของรายการต่ำกว่า 15% ดังนั้น ถือว่าไม่เป็นรายการที่มีขนาดหรือลักษณะที่เข้าข่ายเป็นรายการได้มาซึ่ง สินทรัพย์ที่ทำให้ธนาคารมีหน้าที่ต้องรายงานสารสนเทศต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.

ลักษณะที่เกี่ยวโยงกัน : ไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศเรื่องรายการที่เกี่ยวโยงกันแต่อย่างใด

ทีแอลเอส พลัส ถือเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของธนาคาร ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 21/2551 เรื่องหลักเกณฑ์ในการทำรายการที่เกี่ยวโยงกัน (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 (รวมทั้งที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม) (“ประกาศเรื่องรายการที่เกี่ยวโยงกัน” เนื่องจาก บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารและเอ็ม บี เค ซึ่งถือหุ้นใน ทีแอลเอส พลัส 100%

อย่างไรก็ดี ลักษณะของการเข้าร่วมลงทุนในครั้งนี้ของทีทีบี คอนซูเมอร์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของธนาคาร กับทีแอลเอส พลัส ไม่เข้าข่ายหลักเกณฑ์รายการที่เกี่ยวโยงกัน ตามหลักเกณฑ์ของประกาศรายการที่เกี่ยวโยงกัน

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทีทีบี จับมือ MBK ตั้งบริษัทร่วมทุนลุยธุรกิจ ‘สินเชื่อมอเตอร์ไซค์’ คาดตั้ง Q1/69

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...