โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ดราม่า! นักปีนเขาทำลายสถิติโลก โดนงัดคลิปแฉ ไม่ช่วยลูกหาบจนสุดท้ายเสียชีวิต

Khaosod

อัพเดต 12 ส.ค. 2566 เวลา 10.00 น. • เผยแพร่ 12 ส.ค. 2566 เวลา 09.54 น.

ดราม่า! นักปีนเขาชาวนอร์เวย์ ผู้ทำลายสถิติโลก ปีนยอดเขาสูงกว่าระดับ 8,000 เมตร ในเวลาเพียง 3 เดือนเศษ โดนงัดคลิปแฉ ไม่ช่วยลูกหาบจนสุดท้ายเสียชีวิต

วันนี้ (12 ส.ค. 66) เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวสุดฉาวที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วโลกโซเชียลในขณะนี้เลยทีเดียว เมื่อ CNN เผยดราม่า! นักปีนเขาสาวชาวนอร์เวย์ ผู้ทำลายสถิติโลกโดนงัดคลิปแฉ ไม่ช่วยลูกหาบจนสุดท้ายเสียชีวิต

นับเป็นสถิติใหม่ล่าสุดเมื่อเดือนที่ผ่านมา นักปีนชาวนอร์เวย์ "น.ส.คริสติน ฮาริลา" (Kristin Harila) วัย 37 ปี และ "นายเทนเจน (ลามา) เชอร์ปา" (Nepalese Tenjin Sherpa) วัย 35 ปี ไกด์ชาวเนปาล เดินถึงยอดเขาเค 2 ภูเขาสูงอันดับ 2 ของโลก ที่ความสูง 8,611 เมตร

โดยยอดเขานี้เป็นยอดเขาสูงที่สุดลูกที่ 14 ที่ทั้งสองคนสามารถพิชิตได้ภายในเวลาเพียง 3 เดือนเศษ กลายเป็นนักปีนเขาที่ปีนยอดเขาสูงกว่าระดับ 8,000 เมตรในเวลาเร็วที่สุดในโลก

น.ส.คริสติน ฮาริลา วัย 37 ปี และนายเทนเจน (ลามา) เชอร์ปา วัย 35 ปี

Climbing all 14 highest peaks in a few months is a challenging feat, which is normally done by many climbers in years. Photo: Twitter@EverestToday

ทว่าความสำเร็จของพวกเขากลับถูกม่านพายุบดบังด้วยคำกล่าวอ้างที่ฟังแล้วถึงกับช็อกว่า 'นักปีนเขาหลายสิบคน เดินผ่านลูกหาบสัมภาระชาวปากีสถานคนหนึ่ง ซึ่งพลัดตกจากขอบผาที่สูงชัน ห้อยโหนลงมาจากเชือก และเสียชีวิตในเวลาต่อมา'

'คริสติน' เผยกับ CNN เมื่อวันศุกร์ว่าเธอและทีมงานทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อช่วยชีวิต "โมฮัมหมัด ฮัสซัน" (Mohammad Hassan) คนขนของบนภูเขา ชาวปากีสถาน และปฏิเสธว่าเธอไม่ได้อยู่ในวิดีโอที่เผยแพร่เหตุการณ์ดังกล่าว

น.ส.คริสติน ฮาริลา วัย 37 ปี

สาวนอร์เวย์กับไกด์เนปาล – Norwegian climber Kristin Harila with her country flag at Shishapangma, the 14th-highest mountain in the world, in China. PHOTO: AFP

บทสัมภาษณ์จากหนังสือพิมพ์ The Standard ของออสเตรียเมื่อวันอังคาร"วิลเฮล์ม สเตนเดิล" (Wilhelm Steindl) นักปีนเขาชาวออสเตรีย เผยว่า 'เขาอยู่บนภูเขาในวันนั้นด้วยแต่เขาตัดสินใจหันหลังกลับเมื่อเส้นทางการเดินทางเริ่มอันตรายเกินไป'

เมื่อกลับมาที่แคมป์พักพิง 'วิลเฮล์ม' บอกว่า 'เขาได้ดูภาพจากโดรนซึ่งถ่ายโดย "ฟิลิป แฟลมิก" (Philip Flämig) ช่างภาพที่ตัดสินใจเดินทางต่อไปบนเส้นทางหฤโหดนี้ต่อไป'

พยานในภายหลังเผยว่า 'เขาเห็นชายคนหนึ่งที่พลัดตกและถูกทิ้งให้ห้อยหัวลง ขณะที่เหล่านักปีนเขาเดินผ่านชายคนดังกล่าวไป' ซึ่งทางซีเอ็นเอ็นไม่ได้เปิดเผยภาพดังกล่าว

โมฮัมหมัด ฮัสซัน คนขนของบนภูเขาชาวปากีสถานเสียชีวิตหลังจากลื่นไถลบนภูเขา K2 ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลก

ภาพ โมฮัมหมัด ฮัสซัน คนขนของบนภูเขาชาวปากีสถานเสียชีวิตหลังจากลื่นไถลบนภูเขา K2 ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลก จาก CNN

'วิลเฮล์ม' และ 'ฟิลิป' เผยว่า พวกเขาได้พูดคุยกับพยานในภายหลังเพื่อยืนยันสิ่งที่เกิดขึ้นและยืนยันตัวตนของเหยื่อ ซึ่ง 'ฟิลิป' พูดว่า "จากคำให้การของพยาน 3 คน ผมบอกได้เลยว่า ชายผู้ประสบอุบัติเหตุคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ตอนที่นักปีนเขาประมาณ 50 คนเดินผ่านเขาไป"

พร้อมเสริมอีกว่า "สิ่งนี้ยังปรากฏให้เห็นในฟุตเทจของโดรนอีกด้วย มีคนช่วยเขาแค่คนเดียว ขณะที่คนอื่นๆมุ่งมั่นเพื่อจะไปให้ถึงยอดเขา"

"ข้อเท็จจริงก็คือไม่มีการดำเนินการช่วยเหลือที่เป็นระบบ ทั้งที่มัคคุเทศก์บนภูเขาควรดำเนินการได้ และ ณ จุดนั้นไม่มีใครสามารถอ้างว่า พวกเขาสามารถวินิจฉัยได้ว่า บุคคลนั้นไม่สามารถช่วยเหลือได้อีกต่อไป"

'วิลเฮล์ม' ยังเสริมอีกว่า "เกิดอะไรขึ้น! นี่คือความอัปยศอดสู ปล่อยมนุษย์ที่มีชีวิตให้นอนรอความตายอยู่ตรงนั้น เพื่อสามารถบรรลุสถิติได้"

น.ส.คริสติน ฮาริลา วัย 37 ปี

ภาพ น.ส.คริสติน ฮาริลา วัย 37 ปี จาก CNN

ด้าน 'ฮาริลา' โต้กลับว่า "เราอยู่ที่นั่นตอนที่เขาร่วง แต่เราไม่เห็นว่าเขาร่วงลงจริงๆ เราเห็นเขาแขวนอยู่บนเชือก ละพยายามช่วยเขา"

"เราพยายามช่วยเขาอยู่หลายชั่วโมง" เธอกล่าว พร้อมเสริมว่าเส้นทางนี้ "แคบมาก" และสภาพอากาศในปีนี้ก็เลวร้ายเป็นพิเศษ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลายชั่วโมงก่อนที่จะมีการถ่ายวิดีโอ และในช่วงกลางดึก

จากคำบอกเล่าของ 'ฮาริลา' และ 'ลามา' หลังพยายามช่วยเหลือสุดความสามารถ ทว่าในที่สุดทั้งคู่ก็ถูกบังคับให้ออกจากที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบทีมที่เหลือของเธอ ท่ามกลางรายงานหิมะถล่ม

อย่างไรก็ตาม'กาเบรียล' ตากล้องของเธอยังคงอยู่และจัดหาออกซิเจนและน้ำอุ่นให้กับลูกหาบต่อไป โดยพยายามทำให้เขาอุ่นขึ้นพอที่เขาจะเดินได้ ในที่สุด 'กาเบรียล' ก็ถูกบังคับให้ออกจากที่เกิดเหตุเมื่อปริมาณออกซิเจนของเขาเริ่มเหลือน้อย

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักที่รุนแรง ลามไปถึงมีจดหมายขู่ฆ่า จน 'ฮาริลา' ตัดสินใจออกมาเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า "เธอและทีมของเธอใช้เวลา 90 นาทีในการพยายามช่วย 'ฮัสซัน' พร้อมกับเพื่อนอีกคนหนึ่งของเขาบนเส้นทาง"

น.ส.คริสติน ฮาริลา วัย 37 ปี

ภาพ น.ส.คริสติน ฮาริลา วัย 37 ปี จาก CNN

"นี่ไม่ใช่ความผิดของใคร คุณไม่ควรวิจารณ์ เมื่อคุณไม่เข้าใจสถานการณ์ตรงนั้นจริงๆ และการส่งคำขู่ฆ่าก็ไม่โอเคเลย" เธอเผยโดยไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้ส่งคำขู่ฆ่า "ลามา ตัวฉันเอง และโดยเฉพาะกาเบรียล (ตากล้องของเธอบนภูเขา) ทำทุกอย่างเพื่อช่วยเขาในตอนนั้น"

'ฮาริลา' ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า 'เธอและทีมของเธอพยายามเพื่อดึง 'ฮัสซัน' ขึ้นมา หลังจากที่เขาตกลงไปประมาณ 5 เมตร (16.4 ฟุต) เธอเสริมอีกว่า'ฮัสซัน' ไม่ได้สวมชุดให้ความอบอุ่น และท้องของเขาก็สัมผัสกับหิมะ ลม และอุณหภูมิต่ำ ทำให้มันอันตรายมาก

เธอเสริมอีกว่า พวกเขาพยายามที่จะย้าย 'ฮัสซัน' เข้าไปใกล้ทางเดินมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เกิดเหตุหิมะถล่มตรงหัวมุมถนน และทีมงานบางคนต้องแยกออกไปช่วยนักปีนเขาคนอื่นๆ ก่อนจะทราบว่าปลอดภัยดี

โดยในตอนนั้นเธอเข้าใจว่าจะมีทีมช่วยเหลือไปช่วย 'ฮัสซัน' จึงตัดสินใจเดินทางต่อ เมื่อเดินทางกลับมาที่แคมป์พักพิง เธอได้ยินมาว่า ผู้คนคิดว่าไม่มีใครช่วยเขา แต่พวกเธอช่วย พร้อมบอกว่า "เราทำดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะกาเบรียล เป็นเรื่องน่าสลดใจอย่างยิ่งกับสิ่งที่เกิดขึ้น" พร้อมส่งกำลังใจให้ครอบครัวเข้มแข็ง

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า "ฉันหวังว่าเราจะได้เรียนรู้บางอย่างจากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ทุกคนที่ขึ้นไปบนยอดเขา ต้องการการฝึกอบรมที่เหมาะสม อุปกรณ์ที่เหมาะสม และคำแนะนำที่เหมาะสม"

หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมด 'วิลเฮล์ม' ได้สร้างเพจระดมทุนออนไลน์ สำหรับครอบครัวของเหยื่อ รวมถึงลูกชายตัวน้อย 3 คนของเขาด้วย

ที่มา : CNN

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...