กสทช.ปิดปี 68 โรดแมป "ทีวีดิจิทัล" รอเก้อ ไม่บรรจุเจ้าที่ประชุมวาระค้าง พุ่ง 45 เรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อวันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม 2568 ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายของปี กลับจบลงโดยไม่มีการพิจารณาวาระสำคัญอย่าง (ร่าง) แผนนำทาง (โรดแมป) กิจการโทรทัศน์และการแพร่ภาพและเสียงของประเทศไทย ส่งผลให้วาระค้างสะสมของ กสทช. ในปีนี้พุ่งสูงถึง 45 เรื่อง มากกว่าปีที่ผ่านมา
แหล่งข่าวจากสำนักงาน กสทช. เปิดเผยว่า ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการ กสทช. ได้ทำหนังสือถึง ศาสตราจารย์คลินิก นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธาน กสทช. ขอให้เร่งนำวาระการประชุมที่ค้างอยู่จำนวนมากเข้าสู่การพิจารณา โดยเฉพาะระเบียบวาระที่ 4.25 เรื่อง (ร่าง) โรดแมป กิจการโทรทัศน์และการแพร่ภาพและเสียง ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องพิจารณาภายในปีนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการสิ้นสุดอายุใบอนุญาตโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัลในปี 2572
ทั้งนี้ ดร.พิรงรอง ระบุว่า ได้มีการทำหนังสือขอเร่งรัดการพิจารณาวาระดังกล่าวมาแล้วมากกว่า 10 ฉบับ และทุกครั้งประธาน กสทช. รับปากว่าจะนำเข้าสู่การพิจารณาในครั้งถัดไป แต่ก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งล่าสุด ประธาน กสทช. ได้นำวาระที่เห็นว่าเร่งด่วนกว่า คือ (ร่าง) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ของสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นวาระต่อเนื่องจากการประชุมครั้งก่อน เข้าพิจารณาเป็นลำดับแรก
โดยสำนักงาน กสทช. เสนอขออนุมัติงบประมาณภายใต้กรอบวงเงิน 5,802 ล้านบาท หลังการอภิปรายอย่างยาวนาน ที่ประชุมเสียงข้างมากมีมติเห็นชอบตามกรอบวงเงินดังกล่าว
โดยไม่มีการเพิ่มงบประมาณ แต่มีการปรับลดหรือเพิ่มงบประมาณบางแผนงานและโครงการให้สอดคล้องกับนโยบายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
จากนั้น ประธาน กสทช. ได้ขอให้ที่ประชุมพิจารณาวาระเร่งด่วนในลักษณะงานประจำ (routine) อีกประมาณ 4-5 วาระ ก่อนประกาศปิดประชุม ทำให้วาระโรดแมป ทีวีดิจิทัลที่ ดร.พิรงรอง ร้องขอ ไม่ได้รับการพิจารณาอีกครั้ง โดยประธาน กสทช. กล่าวปิดท้ายเช่นเดิมว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาในครั้งต่อไป
ข้อมูลจากแหล่งข่าวระบุว่า ปัจจุบัน กสทช. มีวาระค้างการพิจารณาสะสมรวมทั้งสิ้น 45 วาระ ซึ่งบางเรื่องค้างมานานกว่า 3 ปี ทั้งที่เป็นประเด็นสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภค โดยเฉพาะในกิจการโทรทัศน์ อาทิ วาระ 4.23 เรื่อง แนวทางที่เป็นไปได้และเหมาะสมในการจัดให้มีช่องทางการเข้าถึงกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งบรรจุวาระตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 และค้างมากกว่า 1 ปี
นอกจากนี้ ยังมีวาระ 4.24 เรื่อง (ร่าง) แผนปฏิบัติการภายใต้แผนการจัดให้มีบริการกระจายเสียงและบริการโทรทัศน์พื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม (พ.ศ.2566-2568) ที่ไม่มีการพิจารณาตั้งแต่ปี 2566 ทั้งที่แผนจะสิ้นสุดในปี 2568 รวมระยะเวลาค้างนานกว่า 3 ปี
รวมถึงวาระ 4.27 เรื่อง แนวทางกำกับดูแลการให้บริการแพร่ภาพแพร่เสียงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (OTT) ที่ค้างมากว่าปีครึ่ง และวาระ 4.29 เรื่อง แนวทางการอนุญาตประกอบกิจการเพื่อรองรับบริบทการหลอมรวมเทคโนโลยี ที่ค้างมากกว่า 2 ปี
ในส่วนของเรื่องร้องเรียนจากประชาชนผู้บริโภค ก็มีหลายกรณีที่ค้างการพิจารณาเป็นเวลานาน เช่น วาระ 4.18 กรณีร้องเรียนบริษัท TUC เรื่องการถูกเรียกเก็บค่าบริการ SMS โดยไม่ได้สมัครใช้บริการ ค้างมากกว่า 2 ปี วาระ 4.19 กรณีร้องเรียนบริษัท AWN ค้างมากกว่า 1 ปี และวาระ 4.20 กรณีร้องเรียนบริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป เรื่องไม่สามารถยกเลิกบริการ ซึ่งค้างนานกว่า 4 ปี
ขณะเดียวกัน ยังมีวาระด้านการบริหารสำนักงาน กสทช. ที่ค้างการพิจารณาเช่นกัน อาทิ (ร่าง) โครงสร้างสำนักงาน กสทช. ที่บรรจุวาระตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 และการปรับปรุงระเบียบ กสทช. ว่าด้วยข้อบังคับการประชุม พ.ศ.2555 ซึ่งค้างมากว่า 3 ปี
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า ยังไม่นับรวมประเด็นที่กรรมการ กสทช. เสนอขอบรรจุเป็นวาระในที่ประชุม แต่ประธาน กสทช. ไม่ยอมบรรจุหรือไม่ให้บันทึกไว้ในรายงานการประชุม เช่น เรื่องการสรรหาเลขาธิการ กสทช. ที่มีการรักษาการมานานกว่า 5 ปี และเรื่องการพิจารณาคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของประธาน กสทช. ซึ่งอาจเข้าข่ายการบริหารองค์กรโดยมิชอบ
สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ กสทช. ชุดปัจจุบันถูกตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพในการทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการสื่อสารของประเทศ และการทำประโยชน์เพื่อสาธารณะอย่างที่ควรจะเป็น โดยมีความคาดหวังว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการ กสทช. จะเข้ามาแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างและการบริหาร เพื่อให้องค์กรสามารถเดินหน้าต่อไปได้