โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ส่งออกไทยเดือนพ.ย. 2568 ขยายตัวเร่งขึ้นที่ 7.1%YoY ทั้งปี 2568 ปรับคาดการณ์ส่งออกขึ้นเป็น 12.0% จาก 11.0%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา

มูลค่าการส่งออกไทยเดือนพ.ย. 2568 อยู่ที่ 27,446 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัวอยู่ที่ 7.1%YoY เร่งขึ้นจากเดือนต.ค.ที่ขยายตัว 5.7%YoY สะท้อนผลกระทบจากมาตการภาษีสหรัฐฯ ล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมีรายละเอียดดังนี้ (รูปที่ 1)

  • การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ขยายตัวเร่งขึ้น 46.2%YoY (contribution to growth 8.0%) ยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมการส่งออกไทยที่สำคัญ โดยสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ยังได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าจึงยังขยายตัวเร่งขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับวัฏจักรความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวเนื่องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ data center ในตลาดโลกยังเพิ่มขึ้น อาทิ คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนอุปกรณ์สื่อสาร
  • การส่งออกเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) ขยายตัว 66.7%YoY (contribution to growth 2.3%) โดยมีแรงหนุนหลักจากการส่งออกไปยังตลาดอินเดียที่เติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งนี้ การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของอินเดียที่ขยายตัวสูงถึง 19.6%YoY ในเดือนเดียวกัน ได้ช่วยหนุนการส่งออกไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของอินเดีย
  • อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้าเกษตรหดตัว -15.7%YoY (contribution to growth -1.4%) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งออกข้าวที่หดตัว -18.7%YoY เนื่องจากอุปทานที่ล้นตลาดโลกจากนโยบายการเร่งส่งออกของอินเดียที่กดดันราคาโลกให้ปรับลดลง นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินบาทกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยเนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตราการทำกำไร (margin) อยู่ในระดับต่ำ

o ผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นล่าช้ากว่าคาด ส่งผลให้การส่งออกไทยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัวสูงถึง 12.6%YoY ทำให้มีแนวโน้มว่าการส่งออกทั้งปี 2568 อาจขยายตัวได้สูงกว่าที่ประเมินไว้เดิม โดยปรับคาดการณ์เป็น 12.0% จาก 11.0% ขณะที่การนำเข้าในช่วง 11 เดือนแรกขยายตัว 12.4%YoY สูงกว่าคาด ส่งผลให้การนำเข้าทั้งปีคาดว่าจะขยายตัวเป็น 12.2% จาก 10.3% เนื่องจากการนำเข้าที่ขยายตัวได้สูงกว่าคาด รวมถึงในเดือนสุดท้ายของปี คาดว่าการนำเข้าสินค้าทุนและวัตถุดิบจะยังขยายตัวได้ดีตามการส่งออกและความต้องการของอุตสาหกรรมในประเทศ ทั้งนี้ การนำเข้าที่ขยายตัวสูงขึ้นทำให้ดุลการค้าไทยปรับลดลงจากที่คาดไว้เดิมเล็กน้อย โดยยังคงภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขยายตัวอยู่ที่ 2.0%
o สำหรับปี 2569 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าการส่งออกไทยมีความเสี่ยงหดตัว -1.2% โดยแรงกดดันหลักยังมาจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขยายขอบเขตสินค้าที่ปรับขึ้นภาษีนำเข้าภายใต้มาตรา 232 ประกอบกับแนวโน้มการค้าโลกที่คาดว่าจะชะลอลง โดยองค์การการค้าโลก (WTO) คาดการณ์ ว่าจะขยายตัวได้เพียง 0.5% ลดลงจาก 2.4% ในปีก่อนหน้า ขณะที่ แนวโน้มค่าเงินบาทยังคาดว่าจะผันผวนตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลักและภาวะเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี ในปีหน้า ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มชะลอลงอาจส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลงจากปีนี้บ้าง ซึ่งอาจช่วยบรรเทาแรงกดดันต่อภาคการส่งออกได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ มีรายละเอียดคาดการณ์ส่งออกรายตลาดและสินค้าสำคัญดังต่อไปนี้
1) ตลาดหลักคาดว่าจะชะลอตัว โดยถูกฉุดรั้งจากตลาดสหรัฐฯ เป็นสำคัญ (รูปที่ 2)
สหรัฐฯ: การส่งออกมีแนวโน้มหดตัวที่ -5.8% จากฐานที่สูงจากการเร่งส่งออกในช่วงก่อนหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ขณะที่อุปสงค์ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าจะหดตัว -10.5% (contribution to growth -6.0%) นำโดยการหดตัวของสินค้าที่มีความเสี่ยงจะถูกจัดเก็บภาษีภายใต้มาตรา 232 เพิ่มเติม อาทิ สินค้าในกลุ่มวงจรรวม (ICs) ไดโอด และทรานซิสเตอร์ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มกึ่งตัวนำ (semiconductors) อย่างไรก็ดี หากสินค้ากลุ่มดังกล่าวไม่ถูกจัดเก็บภาษีภายใต้มาตรา 232 จะส่งผลให้การส่งออกไทยไปสหรัฐฯ หดตัวลดลงที่ -4.2% และช่วยหนุนให้ภาพรวมการส่งออกไทยในปี 2569 หดตัวลดลงที่ -0.8%
อย่างไรก็ดี สินค้าที่คาดว่าการส่งออกยังสามารถขยายตัวได้ ได้แก่ Hard Disk Drive และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ data center เช่น อุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล แต่อัตราการขยายตัวคาดว่าจะชะลอลงหลังขยายตัวสูงในปี 2568
อาเซียน: การส่งออกมีแนวโน้มหดตัว -3.5% นำโดยการส่งออกพลังงานและน้ำมันเชื้อเพลิงที่คาดว่าจะหดตัว -17.9% (contribution to growth -1.6%) และการส่งออกทองคำที่มีแนวโน้มลดลง รวมถึงการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มชะลอตัวลง ตามห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับตลาดสหรัฐฯ นอกจากนี้ การส่งออกไปตลาดดังกล่าวคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการปิดชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลให้การส่งออกไทยไปกัมพูชาผ่านชายแดนซึ่งมีสัดส่วนราว 6% ของการส่งออกอาเซียน ได้รับผลกระทบทั้งหมด
ญี่ปุ่น: การส่งออกมีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อยที่ -0.4% จากการชะลอลงของการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนที่คาดว่าจะลดลง -3.4% (contribution to growth -0.3%) แม้ญี่ปุ่นยังสามารถรักษากำลังการผลิตในประเทศได้ แต่ต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตจีน ขณะเดียวกันการส่งออกสินค้าเคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่ได้รับอานิสงส์จากกระแส AI และ data center มากเท่าประเทศอื่น ยังคงเป็นแรงกดดันเพิ่มเติม
จีน: การส่งออกคาดว่าจะยังขยายตัวได้ที่ 1.2% โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังขยายตัวได้ 5.5% (contribution to growth 1.3%) ตามอุปสงค์ในประเทศของสินค้าที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ AI และ data center รวมถึงการส่งออกสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร เช่น ผลิตภัณฑ์จากข้าวสาลี อาหารปรุงแต่ง ผลไม้กระป๋อง และน้ำตาล ซึ่งคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้บางส่วนจากฐานที่อยู่ในระดับต่ำ
สหภาพยุโรป: การส่งออกคาดว่าจะขยายตัวได้ 0.9% โดยได้รับแรงหนุนจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังสามารถขยายตัวได้ที่ 1.7% (contribution to growth 0.7%) ประกอบกับสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตรที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากประเด็นด้านความมั่นคงทางอาหาร (food security) ขณะที่ในปี 2569 มีการบังคับใช้มาตรการปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) ซึ่งคาดว่าจะกระทบกระทบต่อภาพรวมการส่งออกไปตลาดดังกล่าวไม่มาก โดยเฉพาะการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมซึ่งคาดว่าจะเป็นสินค้ากลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบซึ่งมีสัดส่วนเพียงราว 2.3% ของการส่งออกไทยไปสหภาพยุโรป 2) สินค้าหลักที่เคยขับเคลื่อนภาพรวมการส่งออกคาดหดตัว (รูปที่ 3)
อิเล็กทรอนิกส์: การส่งออกคาดว่าจะหดตัวราว -3.1% หลังขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในปีก่อนหน้า โดยถูกกดดันจากการส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก โดยเฉพาะ ICs และสินค้าในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าภายใต้มาตรา 232 เพิ่มเติม รวมถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อาทิ HDDs ส่วนประกอบโทรศัพท์ ก็คาดว่าจะชะลอลงหลังจากมีการเร่งส่งออกไปแล้วในช่วงก่อนหน้า
เครื่องใช้ไฟฟ้า: การส่งออกคาดว่าจะหดตัว -1.5% จากการชะลอตัวของการส่งออกเครื่องปรับอากาศและตู้เย็นเป็นหลัก ส่วนหนึ่งมาจากการย้ายฐานการผลิตไปยังเวียดนาม และการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น หลังสหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงทางการค้าในเดือนพ.ย. 2568 ส่งผลให้อัตราภาษีนำเข้าของจีนลดลงมาใกล้เคียงกับไทยมากขึ้นในตลาดสหรัฐฯ
ยานยนต์: การส่งออกคาดว่าจะหดตัว -3.0% จากการแข่งขันกับรถยนต์จีนที่รุนแรงขึ้น รวมถึงการส่งออกรถยนต์ไปตลาดออสเตรเลียซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลัก มีความท้าทายมากขึ้นเนื่องจากได้การปรับเกณฑ์นำเข้ารถยนต์ใหม่โดยเพิ่มมาตรฐานควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และมาตรฐานด้านความปลอดภัย ขณะที่การส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ไปสหรัฐฯ คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากขึ้นจากภาษีนำเข้าตามมาตรา 232
สินค้าเกษตร: การส่งออกมีแนวโน้มหดตัว -1.4% จากแรงกดดันด้านราคาที่ทรงตัวและการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโลก โดยเฉพาะการส่งออกข้าวซึ่งยังเผชิญแรงกดดันจากอินเดียในฐานะผู้ส่งออกรายหลักในตลาดโลกยังเดินหน้านโยบายเพิ่มการส่งออก ขณะเดียวกัน ผลผลิตมีแนวโน้มลดลงตามปริมาณน้ำเพื่อการเพาะปลูกที่จำกัดมากขึ้น จากสภาพอากาศที่กลับเข้าสู่ภาวะเป็นกลาง หลังปี 2568 ที่มีปริมาณน้ำเอื้อต่อผลผลิตสูงกว่า
สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร: การส่งออกคาดว่ายังสามารถขยายตัวได้แต่ในอัตราชะลอลงที่ 1.0% โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง และน้ำตาล ตามแนวโน้มอุปสงค์ที่คาดว่าจะยังขยายตัว และประเด็นด้านความมั่นคงทางอาหาร

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...