ป.ป.ช. ชี้มูลผิด 'กิจ หลีกภัย' คดีฮั้วซื้อที่ดินสร้างท่าเรือนาเกลือ สมัยนั่งนายกฯ อบจ.ตรัง
ป.ป.ช.ตรัง ชี้มูลความผิด นายกกิจ หลีกภัย คดีฮั้วซื้อที่ดินสร้างท่าเรือนาเกลือ
ป.ป.ช.ตรัง ชี้มูลความผิด อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง พี่ชาย นายชวน หลีกภัย อดีตประรัฐสภาและอดีตนายกรัฐมนตรี คดีซื้อที่ดินสร้างท่าเรือนาเกลือ โดยฮั้วประมูล
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 พฤษภาคม ที่ห้องประชุมสำนักงาน ป.ป.ช. จ.ตรัง นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผอ.ปปช.ตรัง พร้อมด้วย นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ เปิดแถลงข่าวด้วยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูล นายกิจ หลีกภัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง กรณีของการเช่าท่าเทียบเรือนาเกลือเพื่อใช้ประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเล ขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ
ตามที่สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรังได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหา นายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง กับพวก ว่ามีการทุจริตเกี่ยวกับการทำสัญญาเช่าท่าเทียบเรือและซื้อที่เพื่อสร้างอาคารประกอบท่าเรือนาเกลือ ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เพื่อใช้ประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเล จากการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังได้ทำสัญญาเช่าท่าเทียบเรือและอาคารประกอบ ตำบลนาเกลือ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง จากกรมธนารักษ์เพื่อใช้ประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเล ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้จะต้องขออนุญาตต่อกรมเจ้าท่า และต้องมีอัตราค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากผู้ใช้บริการและค่าอุปกรณ์ที่ใช้ในการลำเลียงขนถ่ายสินค้า
นายกิจ หลีกภัย ผู้ถูกกล่าวหา จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 35/5 แห่งพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 ออกประกาศองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เรื่อง อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ และในขณะนั้นเนื่องจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังไม่มีเครื่องจักรในการขนถ่ายสินค้า นายกิจ หลีกภัย จึงได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วม (MOU) เพื่อให้บริการเครื่องจักรกับบริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) โดยมีนายธงไชย แพรรังสี ประธานกรรมการบริหาร และนายชำนาญ งามพจนวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นผู้ลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วม ซึ่งมีการกำหนดให้บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ในอัตราร้อยละ 20 ของอัตราค่าธรรมเนียม หรือรายได้ทั้งหมดที่ได้รับจากการให้บริการ โดยไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ปรากฏว่าการทำบันทึกข้อตกลงร่วม (MOU) ดังกล่าวไม่ได้เสนอขอมติจากสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ไม่ได้ขอความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และไม่ได้ดำเนินการโดยการประมูล ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการให้เอกชนกระทำกิจการขององค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2541 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 และข้อ 9 เป็นเหตุให้ไม่สามารถนำเงินค่าตอบแทนเข้ามาเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังได้ เนื่องจากดำเนินการไม่ถูกต้องตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดำเนินกิจการพาณิชย์ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2541 ข้อ 5 และข้อ 6 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการให้เอกชนกระทำกิจการขององค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2541 ข้อ 5 ข้อ 6 ข้อ 7 และข้อ 9
ต่อมาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังได้รับใบอนุญาตให้ประกอบกิจการท่าเรือเดินทะเล นายกิจ หลีกภัย จึงออกประกาศองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เรื่อง อัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ (ฉบับที่ 2) และประกาศองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง เรื่อง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ (ท่าเรือตรัง) (ฉบับที่ 3) และได้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมตามประกาศดังกล่าว แต่ได้มีการเสนอเรื่องการดำเนินกิจการท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ เพื่อตราเป็นข้อบัญญัติต่อสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ซึ่งเป็นการกระทำภายหลังจากที่มีการประกาศใช้อัตราค่าธรรมเนียมไปแล้ว จำนวน 3 ฉบับ เป็นเหตุให้ไม่สามารถเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมที่ได้ออกใบแจ้งหนี้ไว้ก่อนมีการตราข้อบัญญัติเข้าเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังได้ ตามระเบียบ โดยจะเรียกเก็บค่าเงินธรรมเนียมเข้าเป็นรายได้ขององค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังเฉพาะส่วนที่ได้รับหลังจากที่มีการตราข้อบัญญัติเรื่องการดำเนินกิจการท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ และได้ออกประกาศกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม (ฉบับที่ 4)
ทั้งนี้ การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือ ทั้ง 3 ฉบับแรก มีการกำหนดให้เก็บค่าธรรมเนียมยานพาหนะและเครื่องมือยกขนที่อยู่ในเขตท่าเรือเกิน 24 ชั่วโมงด้วย และจากเรื่องนี้ปรากฏข้อเท็จจริงว่าภายหลังจากเมื่อมีการทำบันทึกข้อตกลงร่วม (MOU) แล้ว บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) ที่ได้ดำเนินการให้บริการเครื่องจักรนั้น ในแต่ละวันจะใช้เครื่องจักรประมาณ 5-8 คัน และเครื่องจักรดังกล่าวจะจอดประจำอยู่ในพื้นที่ของท่าเทียบเรือบ้านนาเกลือโดยตลอด ไม่มีการนำเครื่องจักร เข้า-ออก แต่อย่างใด แต่ปรากฏว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังได้เก็บเพียงค่าธรรมเนียมการใช้บริการจากบริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) เป็นค่าบริการรถยกตู้สินค้าและค่าบริการรถปั้นจั่น โดยที่ไม่ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในส่วนของเครื่องจักรกลที่บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) นำมาไว้ในพื้นที่เขตท่าเรือเกิน 24 ชั่วโมง
ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 6 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า การกระทำของนายกิจ หลีกภัย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157
และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12
และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1
และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2549 มาตรา 79 ส่วนบริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายธงไชย แพรรังสี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และนายชำนาญ งามพจนวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 จากการไต่สวนเบื้องต้น ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่า บริษัท ชูไก จำกัด (มหาชน) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นายธงไชย แพรรังสี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ นายชำนาญ งามพจนวงศ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหา ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรังได้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ นายกิจ หลีกภัย และได้ส่งสำนวนการไต่สวน และเอกสารหลักฐานพร้อมความเห็นไปยัง ผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ กับนายกิจ หลีกภัย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1) (2) และมาตรา 98 แล้วแต่กรณีต่อไป และได้แจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทราบด้วยแล้ว นายบัณฑิต ผอ.ป.ป.ช.ตรัง กล่าวว่า ซึ่งการซื้อที่ดินเพิ่มล่าสุด ใช้เงินกว่า 10 ล้านบาท เนื้อที่ 13 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา ในส่วนที่มองว่าคุ้มค่าหรือไม่นั้น อยู่ในการควบคุมดูแลของ สตง.ที่ดูแลอยู่ ในส่วนของ ป.ป.ช.ตรวจสอบการกระทำความผิดทุจริตต่อหน้าที่
ทั้งนี้ การไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ป.ป.ช. ชี้มูลผิด ‘กิจ หลีกภัย’ คดีฮั้วซื้อที่ดินสร้างท่าเรือนาเกลือ สมัยนั่งนายกฯ อบจ.ตรัง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th