ความน่าจะอ่าน 2024 : The Finalists (ตอนที่ 3)
ว่ากันว่าการอ่านหนังสือสักเล่มเปรียบได้กับการเดินทางสู่โลกใบใหม่ เปิดหูเปิดตาให้เราผ่านการค้นพบความรู้และจินตนาการในดินแดนตัวอักษรอันกว้างไกล พร้อมๆ กับพักผ่อนเยียวยาใจในวันที่เหนื่อยล้า ท้อแท้ หรือหมดหวัง เพื่อเติมพลังความฝันและความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงชวนให้เรากลับมาสำรวจแง่มุมความคิด จิตวิญญาณหรือโลกภายใน
ปีนี้ 101 ร่วมกับ Open House Bookshop by Hardcover จึงขอชวนคุณมาร่วมค้นหาหนังสือที่ใช่ ผ่าน ‘ความน่าจะอ่าน 2024 : Readcovery เปิดโลกข้างนอก เปิดอ่านข้างใน’ จากรายชื่อหนังสือคัดสรรโดยเจ้าของสำนักพิมพ์ บรรณาธิการ ร้านหนังสือ และวาดภาพประกอบ ทั้งหมดกว่า 100 เล่ม
และนี่คือ The Finalist ชุดที่ 3 – หนังสือหลากรสที่คนในแวดวงหนังสือเสนอกันเข้ามา พร้อมเหตุผลว่าทำไมเรา ‘น่าจะอ่าน’ เล่มนี้
ย้อนอ่านรายชื่อหนังสือ The Finalist ตอนที่ 1 ได้ที่นี่
ย้อนอ่านรายชื่อหนังสือ The Finalist ตอนที่ 2 ได้ที่นี่
จักรกฤต โยมพยอม
สำนักพิมพ์อะโวคาโด บุ๊กส์
เล่มที่แนะนำ :
1.วิชาคนตัวเล็ก
ผู้เขียน : พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น (WeLearn)
“หนังสือเล่มนี้บอกเล่าเรื่องราวเบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลงานหนังสือในเครือสำนักพิมพ์วีเลิร์น เหมือนผู้เขียนเปิดโอกาสให้ผู้อ่านได้เข้าไปอยู่ในห้องประชุมทีมงานเบื้องหลังหนังสือหลายเล่ม แต่ใช่ว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์เฉพาะกับผู้ที่ทำงานแวดวงสื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น เพราะแนวคิดต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้สามารถนำไปประยุกต์ได้กับทุกคน ไม่ว่าทำงานสายใดก็ตาม”
2.รู้หน้า (จอ) ไม่รู้ใจ: ถอดรหัสภาษากายดิจิทัลเพื่อการสื่อสารธุรกิจ-สานสัมพันธ์ในชีวิตยุคใหม่ (Digital Body Language: How to Build Trust and Connection, No Matter the Distance)
ผู้เขียน : Erica Dhawan
ผู้แปล : สุญญาตา เมี้ยนละม้าย
สำนักพิมพ์ : Bookscape
“ปัญหาจากการสื่อสารในปัจจุบันนี้ไม่ได้เพียงเกิดจากวัตนภาษาหรืออวัจนภาษาในแบบเดิมที่เราคุ้นเคย ทว่ายังเกิดจากการแปลความหมายที่ผิดเพี้ยนไปจากภาษากายดิจิทัลอีกด้วย เช่น อีโมจิ การใช้จำนวนเครื่องหมาย หรือแม้กระทั่งการเว้นช่วงเวลาก่อนพิมพ์ตอบข้อความ หากผู้ใช้ภาษาเข้าใจบริบทของการสื่อสารทุกรูปแบบ ก็จะทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ หนังสือเล่มนี้ทำให้ผู้อ่านเข้าใจรูปแบบการสื่อสารในโลกออนไลน์ที่หลายครั้งเราก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่เราพิมพ์ไปนั้นอาจจะส่งผลให้ผู้รับสารเข้าใจหรือตีความความคลาดเคลื่อนได้เหมือนกัน”
3.การแปลวรรณกรรม
ผู้เขียน : วัลยา วิวัฒน์ศร
สำนักพิมพ์ : อ่าน๑๐๑
“นี่คือคู่มือสำหรับการแปลวรรณกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อแวดวงการแปลอย่างยิ่ง นักแปลและผู้ที่อยากเป็นนักแปลจะได้เห็นตัวอย่างการแปลงานในหลายบริบท รวมไปถึงวิธีคิดเพื่อการสรรคำอย่างถูกต้องเหมาะสมตามบริบทของภาษาและวัฒนธรรม นอกจากนั้นแล้วยังทำให้ผู้อ่าน (ที่แม้ว่าไม่ได้คิดจะเป็นนักแปล) ได้สนุกกับการรับรู้เบื้องหลังงานแปล และที่สำคัญคือได้รู้ว่าการแปลงานไม่ใช่เรื่องง่ายยยยยยย”
ณัฐกร วุฒิชัยพรกุล
สำนักพิมพ์ Words Wonder
เล่มที่แนะนำ :
1.จงทำตัวให้มีประโยชน์
ผู้เขียน : Arnold Schwarzeneger
ผู้แปล : แพรพลอย มหาวรรณ
สำนักพิมพ์ : วีเลิร์น (WeLearn)
“อาร์โนลด์ เป็นดาราที่ใครๆ ก็รู้จัก เคยเป็นผู้ว่ารัฐแคลิเฟอร์เนีย เป็นแชมป์นักเพาะกายโลก ชีวิตเขาประสบความสำเร็จมากมาย เขามี mindset ของการเป็นผู้ชนะ ไม่ยอมเเพ้ และคิดการณ์ใหญ่อยู่เสมอ ไม่เคยคิดเล็ก
ชื่อหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมอยากอ่านและอ่านแทบจะรวดเดียวจบ ผมว่ามันตรงกับสิ่งที่ผมอยากเป็นอยู่เสมอ คือเป็นคนที่มีประโยชน์ มีประโยชน์ทั้งต่อตัวเองเเละคนอื่น ผมว่าคนที่ประสบความสำเร็จเป็นแบบนั้น หนังสือเล่มนี้อาร์โนลด์จะสอนว่าทำอย่างไร ถ้าเราทำตามได้ ชีวิตเราจะมีประโยชน์ขึ้นแน่ๆ”
2.ตาผมเป็นต้นเชอร์รี่
ผู้เขียน : Angela Nanetti
ผู้แปล : นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
สำนักพิมพ์ : อ่านอิตาลี
“นี่เป็นหนังสือวรรณกรรมเยาวชนเล่มเล็กๆ ที่แตะต้องใจผมมาก มันเป็นเรื่องของความรักและความผูกพันในครอบครัว เรื่องของความสูญเสีย การยอมรับมัน และการเดินต่อไป คนที่เราผูกพันด้วย เมื่อเขามาอยู่ในหัวใจของเราแล้ว เขาจะไม่มีวันจากไปถ้าเรายังนึกถึงเขาอยู่ เล่าเรื่องอย่างง่ายๆ แต่งดงามและอบอุ่นเหลือเกิน”
3.เด็กหัวฟู ชตรูฟเฟลเพเทอร์
ผู้เขียน : Heinrich Hoffmann
ผู้แปล : อำภา โอตระกูล
สำนักพิมพ์ : วรรข
“หนังสือเล่มเล็กๆ เล่มนี้ คือนิทานภาพสำหรับเด็กเล่มแรกของโลก ในเล่มประกอบไปด้วยนิทานหลายเรื่อง เล่าเรื่องอย่างง่ายๆ แต่มีเสน่ห์มาก พออ่านไปแล้วผมรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้เหมือนเป็นการ์ตูนแก๊กเล่มแรกของโลก นี่ไม่ใช่นิทานเด็กดี แต่เป็นนิทานเด็กเกรียนที่แต่งมาเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว
ภาพประกอบที่มีมากมายแม้จะดูเก่า แต่มันมีความคลาสสิกและตลกมากอย่างเหลือเชื่อ ความพินาศล่มจมของเด็กเกรียนในแต่ละเรื่องมันบันเทิงมาก ผมไม่แน่ใจว่าถ้าหนังสือเล่มนี้ออกมาในยุคสมัยนี้จะเป็นอย่างไร เดาว่าคงมีดรามาเกิดแน่ๆ เผลอๆ อาจจะโดนแบน หนังสือเล่มนี้เลยพิเศษมากๆ ไม่ใช่เป็นเพียงเป็นหนังสือเด็กที่ไม่น่าจะมีใครกล้าเขียนในสมัยนี้ แต่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์วรรณกรรมเด็กที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ที่สำคัญที่สุด มันตลกเหลือเกิน อยากให้อ่านมากๆ ครับ”
ภัทรอนงค์ สิรีพิพัฒน์
ร้านหนังสือ Fathom Bookspace
เล่มที่แนะนำ :
1.พิพิธภัณฑ์แห่งผู้เป็นอื่น (The Museum of Other People)
ผู้เขียน : Adam Kuper
ผู้แปล : วรรณพร เรียนแจ้ง
สำนักพิมพ์ : มติชน
“เดินทางเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวของ ‘ผู้เป็นอื่น’ เรื่องเล่าประวัติศาสตร์ของเชื้อชาติ ชนชาติ รัฐชาติที่เป็นคู่ขัดแย้ง และสร้างความเป็นอื่นเหล่านั้นขึ้นมา สู้กันจนกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์
ไม่รู้ว่าความชอบธรรมในการที่ผู้ชนะจะเก็บของไว้คืออะไร แล้วผู้แพ้ที่วนกับปัญหาคอรัปชั่น ทำมิวเซียมไม่เป็น จะเอาของไปเก็บไว้ได้ไหม
ถ้าสนใจเรื่องพิพิธภัณฑ์ เรื่องการจัดการความรู้ ปรัชญา ประวัติศาสตร์ ความเป็นเจ้าของ การต่อสู้แย่งชิงทรัพยากร ความเป็นยุโรป เชื้อชาติ การล่าอาณานิคม ศิลปะ มานุษยวิทยา และการพยายาม centralize เพียงแค่สักประเด็นในนั้นก็สนุกแล้ว
สนุกตั้งแต่เริ่มอ่านคำแปลของ Museum”
2.ห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิตอยู่ตรงนี้ (With the end in mind)
ผู้เขียน : Kathryn Mannix
ผู้แปล : วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ
สำนักพิมพ์ : Be(ing)
“บทสนทนาแห่งความสูญเสียนั้นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เป็นจุดนับหนึ่งของกระบวนการที่เราจะต้องใช้เวลาไปทั้งชีวิต เพื่ออยู่ร่วมกับความสูญเสียบนหนทางใหม่”
ปีที่ผ่านมามีหนังสือว่าด้วย ‘ความตาย’ ออกมาให้อ่านกันหลายเล่ม เล่มนี้เป็นงานเขียนจากคุณหมอผู้ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายมากว่า 30 ปี เรื่องราวของการจากลา สูญเสีย เดินทางไกล ของผู้คนหลากหลายที่ช่วยให้เราได้พบเห็นและเรียนรู้ช่วงเวลาล้ำค่าที่จะเกิดกับเราและคนที่เรารักทุกคน
ไม่ใช่หนังสือที่มอบรอยยิ้ม แต่มอบความจริง การเขย่าเขยื้อนภายในให้เรา”
3.ติดบ้าน (Daheim)
ผู้เขียน : Judith Hermann
ผู้แปล : นันทนา อนันต์โกศล
สำนักพิมพ์ : Library House
“วรรณกรรมร่วมสมัยจากเยอรมนี ที่อ่านแล้วไม่ได้พบว่าตัวละครมีชีวิตที่ดีพิเศษอะไร โดดเดี่ยว หลงทาง ถูกคนที่ควรจะรักที่สุดทำร้าย ผ่านวัยเยาว์มาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่กลับกลายเป็นว่า ยิ่งอ่าน ก็ยิ่งรู้สึกถึงความอบอุ่นงดงาม
เรื่องเล่าถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยเป็นสาวโรงงานผู้เกือบได้ล่องเรือไปสิงคโปร์ เธอเลือกเส้นทางอื่น แล้วกลายเป็นแม่ของลูกคนหนึ่งที่อยุ่ห่างไกล เดินทางไปอยู่ในที่ที่คิดว่าคงจะเป็นบ้าน และเริ่มชีวิตใหม่ กับผู้คนรอบตัวใหม่ๆ
นิยายที่อ่านแล้วทิ้งตะกอนไว้ให้ใคร่ครวญ และโอบรับชีวิต ไปกับตัวละครที่พยายามใคร่ครวญ มองหา มองเห็นว่าตัวเองเป็นใคร และติดอยู่ในอะไร”
สถาอนันท์ สุขเกษม
โครงการจัดพิมพ์คบไฟ
เล่มที่แนะนำ :
1.แสงสว่าง ปัญญา และการลงทัณฑ์ – ประวัติความคิดฝรั่งเศส
ผู้เขียน : พิริยะดิศ มานิตย์
สำนักพิมพ์ : สมมติ
“เนื่องจากหนังสือเล่มนี้ เป็นเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในฝรั่งเศส ประเทศที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเรียกร้องสิทธิและเสรีภาพ น่าสนใจในกระบวนการที่จะเปลี่ยนความจงรักภักดีที่มืดบอดเป็นการยึดมั่นในเหตุผล ประเทศเขามีวิธีการเปลี่ยนได้อย่างน่าสนใจ ถือเป็นการเติมแรงบันดาลใจให้ผู้คนที่สิ้นหวังในประชาธิปไตยไทยในยุคสมัยนี้”
2.100 แนวคิด มานุษยวิทยาร่วมสมัย
คณะผู้เขียน 21 ท่าน
สำนักพิมพ์ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
“เป็นหนังสือที่เสริมสร้างแนวคิดที่ช่วยให้เข้าใจเรื่องราวต่างๆ ในโลกปัจจุบันตั้งแต่ระดับบุคคลไปจนถึงปัญหาวิกฤตของโลก ด้วยการศึกษาจากทฤษฎีกว่า 100 แนวคิด และการลงสนามจริง ไม่ง่ายที่่รวบรวมผู้เขียนที่ศึกษาด้านมานุษยวิทยาที่สำคัญมา 21 ท่านเช่นนี้”
3.เหตุการณ์เอเชียพลิกโลก ศตวรรษที่ 20 เล่ม 1 (1900-1920)
ผู้เขียน : พรพรหม พิชชานันท์
สำนักพิมพ์ : โนเบิ้ลบุ๊คส์
“เป็นหนังสือที่ทำความเข้าใจเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในเอเชียระหว่างปี 1900-1920 ซึ่งเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง สังคม และวัฒนธรรมที่สำคัญ เช่น สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น จนถึงการเกิดขึ้นของลัทธิชาตินิยมที่ส่งผลต่ออนาคตของหลายประเทศ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจศึกษาประวัติศาสตร์และความเป็นมาของเอเชียในมุมมองที่ครอบคลุมและลึกซึ้ง”
อัคคณัฐ ชุมนุม
ร้านหนังสือ Book time
เล่มที่แนะนำ :
1.มื้อเช้ากับมอนสเตอร์
ผู้เขียน : Fushino Michiru (ฟุชิโนะ มิจิรุ)
ผู้แปล : ปาวัน การสมใจ
สำนักพิมพ์ : Page Publishing
2.มุมมองนักอ่านพระเจ้า
ผู้เขียน : sing N song
ผู้แปล : 8 hours
สำนักพิมพ์ : Levon
3.บริษัท จัดหาความตาย ไม่จำกัด
ผู้เขียน : Ten Furuta (เท็น ฟุรุตะ)
ผู้แปล : สกล วนสุทรี
สำนักพิมพ์: LUMi
ณัฐดนัย เลิศชัยฤทธิ์, ฐานิสร ปั้นขาว
และณัฐฐากานต์ ศักดิ์กิตติภูมิ
สำนักพิมพ์ Live Rich
เล่มที่แนะนำ :
1.สู้ดิวะ
ผู้เขียน : กฤตไท ธนสมบัติกุล
สำนักพิมพ์ : KOOB
“เป็นหนังสือที่ให้พลังบวก จากมุมมองของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่ช่วยให้คนทั่วไปที่ร่างกายปกติแข็งแรงดีได้มองเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่ ถือว่าเป็นเล่มที่ทำให้เราได้หยุดคิดและทบทวนเกี่ยวกับตัวเองด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”
2.The Museum of Other People พิพิธภัณฑ์แห่งผู้เป็นอื่น
ผู้เขียน : Adam Kuper
ผู้แปล : วรรณพร เรียนแจ้ง
สำนักพิมพ์ : มติชน
“เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้เหมือนเราหลุดเข้าไปในยุคล่าอาณานิคม ได้เห็นความเป็นมาของสิ่งของสำคัญที่ตั้งอยู่ตามพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก สิ่งของบางชิ้นเรามองข้าม แต่กลายเป็นว่าพอไปตั้งอยู่ที่ประเทศหนึ่งกลับเป็นเรื่องราวที่สามารถสร้างบาดแผลให้อีกประเทศหนึ่งที่เป็นเจ้าของที่แท้จริง”
3.ใครสักคนที่จะรักทั้งเมื่องดงามและยามพังทลาย Someone Who Will Love You in All Your Damaged Glory
ผู้เขียน : Raphael Bob-Waksberg
ผู้แปล : ธีปนันท์ เพ็ชร์ศรี
สำนักพิมพ์ : Biblio
“ได้เรียนรู้จากผู้เขียนว่าต่อให้เราเว้าแหว่งและพังทลายเพียงไหน เราก็แค่ต้องการให้ใครสักคนมารักเราในยามที่เรารักตนเองไม่ไหว อีกอย่างที่ชอบเพราะเนื้อเรื่องได้อ้างอิงถึงสังคมยุคปัจจุบัน จิกกัดอย่างออกรส บางส่วนในเล่มที่ส่วนตัวอินก็คือพาร์ทความโรแมนติก เช่น ประโยค “บางทีฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ไม่ต้องบอกอะไรเธอเลย เพราะฉันรู้สึกว่าเวลาเธอมองฉัน เธอสามารถมองเห็นทุกอย่าง” รู้สึกว่ามันโรแมนติกดี”
ยสวัสร์
สำนักพิมพ์ชี้ดาบ
เล่มที่แนะนำ :
1.Dying To Be Me ตัวตนใหม่จากลมหายใจสุดท้าย
ผู้เขียน : Anita Moorjani
ผู้แปล : สมสิทธิ์ อัสดรนิธี
สำนักพิมพ์ : OMG
“หนังสือที่พูดถึงการข้ามผ่านความกลัวอะไรบางอย่าง ผ่านการทำความเข้าใจโรคร้ายความตาย ทำให้ย้อนกลับมาเจอคุณค่า ประสบการณ์ การรับรู้ และการกลับมาเข้าใจตัวเอง เป็นหนังสือที่ผมเจอโดยบังเอิญ และพบว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอะไร ในทางเดียวกันมันก็ทำให้รู้ว่ากำลังทำสิ่งนี้ (ชี้ดาบ) ไปเพื่ออะไร”
2.2475 นักเขียนผีแห่งสยาม
ผู้เขียน : สะอาด และพชรกฤษณ์ โตอิ้ม
สำนักพิมพ์ : ด้วงคอมิกส์
“ตัวเล่มเป็นลายเส้นของสะอาดที่เป็นนักเขียนไทยที่ผมเคยชอบตั้งแต่เล่มแรกของเขา พอมาเขียนหนังสือสายการเมืองที่เขาสนใจ มันทำให้เนื้อหาออกมาสนุกแล้วก็ละเอียดลึกซึ้งมากๆ”
3.เผาผลาญ (Burn)
ผู้เขียน : Patrick Ness
ผู้แปล : กานต์สิริ โรจนสุวรรณ
สำนักพิมพ์: Words Wonder
“เป็นเล่มที่อ่านยากเล่มนึงเลยสำหรับผม แต่ตัวเนื้อเรื่องมีทั้งการจินตนาการว่าถ้ามังกรอยู่ร่วมกับมนุษย์จะเป็นยังไง แล้วยังมีเนื้อหาประวัติศาสตร์ที่แฝงอยู่ด้วย”
นำชัย ชีววิวรรธน์
สำนักพิมพ์กาลาปากอส
เล่มที่แนะนำ :
1.กินไกลบ้าน: เรื่องเล่าขานร้านอาหารรอบโลก
ผู้เขียน : William Sitwell
ผู้แปล : ปิยบุตร หล่อไกรเลิศ
สำนักพิมพ์ : มติชน
“ครบเรื่องมีทั้งประวัติศาสตร์ มุมมอง แนวคิด ธรรมเนียม และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอีกสารพัดเกี่ยวกับอาหารการกิน ‘นอกบ้าน’ ตั้งแต่จักรวรรดิโรมัน ออตโตมัน อังกฤษยุคกลาง ฝรั่งเศสยุคปฏิวัติ ไล่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน”
2.เคน ฮอม: ชีวิตกระทะ วาทะตะหลิว
ผู้เขียน : Ken Hom
ผู้แปล : ภาณุ บุรุษรัตนพันธุ์
สำนักพิมพ์ : Gallery Publishing
“เคน ฮอม มีชีวิตที่น่าสนใจ เส้นทางการเป็นเชฟดังจากรายการโทรทัศน์ที่ทำกับ BBC ก็น่าสนใจมาก เป็นอีกตัวอย่างของคนประสบความสำเร็จที่ต้องทั้งเก่งและเฮง ในเล่มมีสูตรอาหารทำง่ายๆ ได้ด้วยตนเองด้วย”
3.Before Becoming the Buddha เล่ม 1-2
ผู้เขียน : ADISAK DAS PONGSAMPAN (อดิศักดิ์ พงศ์สัมพันธ์)
สำนักพิมพ์ : Steak Comic
“ลายเส้นวิจิตรมาก จับความตอนพระพุทธเจ้าออกผนวชและทำความเพียรเพื่อตรัสรู้”
อนรรฆ พิทักษ์ธานิน
สำนักพิมพ์เคล็ดไทย
เล่มที่แนะนำ :
1.รถไฟขนเด็ก (Il treno dei bambini)
ผู้แต่ง : Viola Ardone
ผู้แปล : นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
สำนักพิมพ์ : อ่านอิตาลี
“นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ความยาวไม่มากนักเล่มนี้ ไม่แต่เพียงแต่ให้ภาพช่วงเวลาสั้นๆ ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ของอิตาลีได้อย่างน่าสนใจเท่านั้น หากแต่การเดินเรื่องผ่านเด็กชายคนหนึ่งที่สัมพันธ์กับครอบครัวและชีวิตรอบข้าง ยังทำให้เราซึมซาบความรู้สึกแห่งยุคสมัย ทั้งความอัตคัด ข้นแค้น ความโดดเดี่ยว และความลาจากได้อย่างลงลึก”
2.เขตคลองมองเมือง
ผู้เขียน : บัณฑิต จุลาสัย, รัชดา โชติพานิช
สำนักพิมพ์ : มติชน
“เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกพัดพาไปในอดีตของกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ที่มาที่ไปของสถานที่ พื้นที่ สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ผ่านแผนที่และงานเขียนที่ระบุถึงอดีต ซึ่งปัจจุบันต่างถูกลบเลือนไป เมื่ออ่านจบในแต่ละบท แต่ละตอน ก็ชวนให้เปิดแผนที่ปัจจุบันเทียบ หรือระลึกถึงเมื่อเดินทางผ่านพื้นที่แต่ละแห่งว่าเต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งอดีต”
เสกข์ศิลป์ ศรีสุขสันต์
สำนักพิมพ์อ่านอิตาลี
เล่มที่แนะนำ :
1.วิญญาณที่ตายแล้ว
ผู้เขียน : N. V. Gogol
ผู้แปล : อติภพ ภัทรเดชไพศาล
สำนักพิมพ์ : บทจร
“เป็นงานวรรณกรรมที่เสียดสีสังคมอย่างแสบสัน ในมิติของความตื้นเขิน ฉ้อฉล และปลอมเปลือกของผู้คนในระบบราชการเชิงชนชั้นที่ให้ความสำคัญกับสิ่งตื้นเขินอันจอมปลอม การผจญภัยของชิชิคอฟในนรกแห่งคนอื่นจึงเป็นการนำเสนอภาพของผู้คนในระบบดังกล่าวที่อาศัยที่พยายามจะยกตัวขึ้นไปเหนือช่องว่างแห่งชนชั้น ชิชิคอฟและการซื้อรายชื่อทาสในรูปแบบวิญญาณที่ตายแล้วจะพาเราไปพบกับความน่าขันของผู้คนต่างๆ ประเภท ซึ่งเรามักจะพบเจอ (และมักจะหลีกเลี่ยง) ในชีวิตจริง พร้อมกับให้เราลุ้นถึงจุดจบของผู้ที่ฉกฉวยผลประโยชน์จากช่องว่างทางกฎหมายของระบบ (ซึ่งปกติก็มักจะได้ดี) ถึงแม้ว่าจะเป็นงานวรรณกรรมจากศตวรรษที่ 19 การเดินทางในนรกอันตื้นเขินนี้ยังสะท้อนภาพความฉ้อฉลและตื้นเขิน และยังคงมีพลังที่จะทำให้เราหงายเงิบเพราะความชวนหัวอันขมขื่นในปัจจุบัน”
2.โลกไร้โฟกัส Stolen Focus: Why You Can’t Pay Attention
ผู้เขียน : Johann Hari
ผู้แปล : ฐณฐ จินดานนท์
สำนักพิมพ์ : Bookscape
“หลายครั้งเกินไปมาก ที่ผมควรจะทำงานหรืออ่านหนังสือให้จบ แต่พบว่าตัวเองนั่งดูคลิปแมว ไถฟีดอินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และนานาแอปมาแล้วหลายชั่วโมง ผมก็ได้แต่โทษตัวเองว่าสมาธิเสียเพราะจอและปฏิญานตนว่าจะไม่ทำซ้ำอีกในวันพรุ่ง ซึ่งแน่นอนว่าไม่สำเร็จ หนังสือเล่มนี้เชิญชวนให้เรากลับมาสืบเสาะต้นตอของสมาธิของเราที่หายไป สิ่งที่น่าสำคัญคือข้อเสนอของหนังสือเล่มนี้ไปไกลกว่าหนังสือฮาวทูใดๆ ที่จะบอกให้เราไปนั่งสมาธิเล่นโยคะหรือออกไปปลูกผักในสวน
ข้อเสนอที่สำคัญในหนังสือเล่มนี้คือ สมาธิของเราที่หายไปเป็นผลจากการทำงานอย่างเป็นระบบขององค์ประกอบต่างๆ ของทุนนิยมดิจิทัล ซึ่งพยายามจะก่อกวนสมาธิเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินโดยการก่อกวนและยั่วโมโหให้เราอยู่กับหน้าจอให้มากที่สุด หนังสือเล่มนี้ยังอภิปรายถึงต้นตออื่นๆ ของภาวะสมาธิสั้นที่กำลังระบาดในสังคมอีก ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องของความเครียดที่เกิดจากปัจจัยแวดล้อม อาหารที่เปลี่ยนไป และมลภาวะ
โลกไร้โฟกัสเสนอภาพของภัยพิบัติใหม่แห่งการสูญเสียสมาธิในระดับโลกซึ่งกำลังจะแรงขึ้นและเร็วขึ้นในยุคหลังโควิดที่ผ่านมา หนังสือเล่มนี้เสนอภาพอันน่ากลัวที่ครบถ้วนเพื่อให้เข้าใจได้ว่าปัญหาสมาธิไม่ได้เป็นแค่เรื่องของปัจเจก แต่เป็นปัญหาในระดับสังคมมนุษย์ที่จะต้องอาศัยความร่วมมือของผู้คนจำนวนมากในการผลักดัน”
3.ความเปลี่ยวดายอันกึกก้องเกินต้าน
ผู้เขียน : Bohumil Hrabal
ผู้แปล : วริตตา ศรีรัตนา
สำนักพิมพ์ : bookmoby press
“วรรณกรรมชิ้นนี้เล่า (อันที่จริงคือพล่าม) เรื่องราวของฮัญจา คนงานอัดขยะกระดาษที่มีหน้าที่ทำลายหนังสือถูกทิ้งในสมัยที่รัฐพยายามที่จะเซนเซอร์และทำลายหนังสือและงานศิลปะ เราจะได้ยินเสียงอันเดียวดายของฮัญจาผู้ถูกบดขยี้ไปพร้อมกับหนังสือ สะท้อนผ่านการใช้อำนาจของรัฐในการกำกับการทำลายล้างความคิดและจิตวิญญาณของผู้คน หนังสือเล่มนี้ชวนให้เราคิดถึงเรื่องพื้นฐานที่สุดของหนังสือ ตั้งแต่กระบวนการสร้าง/ทำลาย เสรีภาพในการเข้าถึงความรู้ของผู้คน ตลอดจนถึงความเป็นอมตะของความรู้ซึ่งทำลายไม่ได้ และยังชวนให้เราคิดถึงเทคโนโลยีในฐานะจักรกลที่พร้อมจะทำลายสุนทรียะของการทำงาน ฮัญจาเป็นดั่งซิซิฟัสของกามูซึ่งทำงาน ทำงาน ทำงานวันแล้ววันเล่า โดยมีหนังสือเป็นความหมายเล็กๆ ในชีวิตของมนุษย์ผู้เปลี่ยวดายคนหนึ่ง
วรรณกรรมเล่มนี้จึงเป็นความหมายเล็กๆ ให้กับผู้ที่ฝักใฝ่ในความคิดและความรู้ในยุคสมัยแห่งความตื้นเขินที่รัฐพยายามจะกำกับศีลธรรมอันดีให้กับงานวิจัย ยุคที่เหล่างาน ‘ขึ้นหิ้งไร้ประโยชน์’ ทั้งหลายจะถูกกวาดลงเครื่องบดขยะ ในนามของความเจริญก้าวหน้า”
รัฐวรรณ พัฒนรัชตอดุล
สำนักพิมพ์ Cactus Publishing
เล่มที่แนะนำ :
1.Prisoners of Geography: อ่านภูมิรัฐศาสตร์โลกจากอดีตสู่อนาคตผ่าน 10 แผนที่
ผู้เขียน : Tim Marshall
ผู้แปล : คุณากร วาณิชย์วิรุฬห์
สำนักพิมพ์ : Bookscape
“เป็นหนังสือที่ไม่อยากอ่านให้จบ อารามหวงของกินที่ชอบเอาไว้กินตอนสุดท้าย ผู้เขียนเขียนสนุกมาก เขียนเก่งสมมงนักข่าว อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความจิกกัดกับความแสบเหลือร้าย และน่าจะเกิดจากการแปลที่ดีมากด้วยเช่นกัน เหนือไปกว่าเรื่องที่เข้าใจง่าย นึกภาพออก สำนวน และอรรถรสแล้วนั้น หนังสือเล่มนี้ทำให้เราเข้าใจประเด็นต่างๆ ระดับชาติและขยายเป็นวงระดับโลกมากขึ้นจริงๆ คนที่ไม่มีความรู้มาก่อนอ่านแล้วก็เข้าใจได้ ไม่งง อาจจะมีบางบทที่ไกลตัวคนไทยไปหน่อย ซึ่งหากไม่มีพื้นหรือไม่เข้าใจมาก่อน ก็มีโอกาสเกิดการเปิดข้ามได้ เสียดายส่วนที่เป็นเรื่องเกาหลีและญี่ปุ่นน้อยไปหน่อย (เป็นความชอบและความสนใจส่วนตัวที่มีต่อสองประเทศนี้) แนะนำเป็นอย่างมากถ้าคุณคือคนหนึ่งที่สนใจความร้อนระอุของมุมต่างๆ ของโลก”
2.ตัวสำรอง (SPARE)
ผู้เขียนเงา : J. R. Moehringer
เจ้าของเรื่อง : เจ้าชายแฮร์รี่
ผู้แปล : ณัฐวุฒิ แสงชูวงษ์
สำนักพิมพ์ : sophia
“เป็นเมมมัวร์ที่หยิบมาอ่านเพราะติดตามข่าวคราวของราชวงศ์อยู่แล้ว และอยากรู้มุมมองของลูกคนเล็กบ้าง นักเขียนเงาเขียนสนุกดี ภาษาต้นฉบับ และภาษาบทแปลที่ใช้ก็มีจริตนิดๆ สนุกกว่าตอนอ่านงานของวอลเตอร์ ไอแซกสัน ที่เคยเขียนให้คนดังหลายคนอยู่
ในหนังสือแบ่งออกเป็นสามส่วนใหญ่ๆ เชื่อว่าส่วนสุดท้ายที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับเมแกน มาร์เคิล น่าจะเป็นส่วนที่หลายคนอยากรู้ที่สุดแล้ว ซึ่งหลังจากอ่านจบ เรารู้สึกสงสารแฮร์รีอยู่ในทีนะ (แม้หลายคนจะวิพากษ์กันไปต่างๆ นานา) ที่เขาไม่ยอมรับความจริงว่าแม่ตัวเอง (ไดอาน่า) ไม่ได้อยู่ข้างๆ เขาแล้วในทางกายภาพ และกว่าแฮร์รีจะยอมรับเรื่องนี้ได้ก็…นานโข ทั้งยังเรื่องอื่นๆ ในชีวิตอีก ไม่ว่าจะเรื่องพ่อที่ยังคงรักกับคนรักเก่าก่อนมาแต่งงานกับแม่ เรื่องชีวิตรักของตนที่ไม่มีใครรู้ข้อเท็จจริงได้นอกจากตัวเขาเท่านั้น
อ่านเล่มนี้จบก็คิดนะว่า จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นใคร ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ก็มีหัวจิตหัวใจอยู่ดี เพราะฉะนั้นอย่าตัดสินใครเลย…”
3.ระเบียงพักใจ สายใยผูกพัน เล่ม 2
ผู้เขียน : Kaori Tsurutani
สำนักพิมพ์ : PHOENIX
“เล่มนี้เป็นเล่มที่สอง ว่าด้วยเรื่องราวของหญิงสูงวัยและเด็กสาวมัธยมที่บังเอิญมาเป็นเพื่อนกัน วันหนึ่งหญิงสูงวัยจับพลัดจับผลูอ่านมังงะวายติดใจขึ้นมา แต่…คนเขียน (อย่างที่เราๆ รู้) กว่าจะออกเล่มหนึ่งก็โน่น รอไปเป็นปี แล้วคุณยายจะมีเวลาได้อ่านจนจบมั้ยล่ะเนี่ย
เรื่องราวระหว่างนี้เป็นฟีลแบบต่างวัยต่างซัปพอร์ตกันไปโดยไม่รู้ตัว ตัวละครมีความเป็นธรรมชาติมากๆ และโบ๊ะบ๊ะเด๋อด๋าดี อ่านแล้วทำให้รู้สึกใจฟู ขำบ้าง สรุปคือฟีลกู้ด อย่างน้อยๆ ถ้าคุณไม่มีเป้าหมายใหญ่ๆ ในชีวิตแล้ว ลองหาเป้าหมายเล็กๆ จิ๋วๆ แบบคุณยายคนนี้ก็ได้นะ เพราะแกบอกว่า แกจะมีชีวิตอยู่เพื่ออ่านมังงะวายเล่มต่อๆ ไปของคนเขียนเขาละ”
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์เวลา
สำนักพิมพ์เวลา
เล่มที่แนะนำ :
1.ฉลาดสัตว์สัตว์: เปิดโลกปัญญาสัตว์นอกกรอบความฉลาดของมนุษย์
ผู้เขียน : Frans de Waal
ผู้แปล : ปณต ไกรโรจนานันท์
สำนักพิมพ์ : Bookscape
“เป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการทดลองซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจทั้งด้านความสามารถ การรับรู้ การวางแผนแก้ปัญหา และการแสดงออกทางพฤติกรรมทางสังคมของสัตว์ที่น่าทึ่ง ทั้งเรื่องความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อ การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ในแง่มุมทั้งหมดนี้ก็ทำให้สัตว์แทบจะไม่แตกต่างจากมนุษย์”
2.วรรณาคดี: อัตชีวประวัติของวรรณา ทรรปนานนท์
ผู้เขียน : ศรีดาวเรือง
สำนักพิมพ์ : อ่าน
“เล่าเรื่องราวชีวิตที่ต้องต่อสู้ ดิ้นรน และผกผัน ทั้งหมดนี้เป็นต้นทุนในงานเขียนที่สร้างสรรค์ มีเอกลักษณ์และสะท้อนชีวิตในสังคมไทย ทำให้ศรีดาวเรืองเป็นนักเขียนหญิงที่ทรงคุณค่ามีผลงานต่อเนื่องยาวนานกว่า 50 ปี”
3.เรื่องเล่าพิสดารของเหล่าเด็กสาวผู้ถอดกระดูก
ผู้เขียน : Hajime Shimizu (ฮาจิเมะ ชิมิซุ)
ผู้แปล : ฉัตรขวัญ อดิศัย
สำนักพิมพ์ : prism
“นิยายสืบสวนญี่ปุ่นที่มีครบทั้งสืบสวน แอคชัน และความสัมพันธ์ของตัวละครที่ค่อยๆ พัฒนา ผสมผสานกับเรื่องราวพื้นบ้าน ทำให้ชวนติดตามและวิธีการเขียนได้สนุก จูงใจให้อยากรู้บทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดและความลับบนเกาะแห่งนี้”
อุทิศ เหมะมูล
สำนักพิมพ์จุติ
เล่มที่แนะนำ :
1.ลาร์มินูตา (L’ Arminuta)
ผู้เขียน : Donatella Di Pietrantonio
ผู้แปล : นันธวรรณ์ ชาญประเสริฐ
สำนักพิมพ์ : อ่านอิตาลี
“หลายครั้งงานวรรณกรรมที่ดีมักมีอุปสรรคต่อการเล่าเรื่องราวออกมาให้รู้เรื่องและน่าสนใจ สำหรับผม ลาร์มินูตา ก็เช่นเดียวกัน เรื่องราวของเด็กสาวซึ่งมีแม่สองคน คนหนึ่งให้กำเนิดเธอในครอบครัวยากจน อีกคนเลี้ยงดูเธอในครอบครัวมีฐานะ แต่เมื่อถึงวันเวลาหนึ่ง ลาร์มินูตาถูกส่งกลับคืนครอบครัวเดิม เผชิญกับภาวะเปลี่ยนแปลงทั้งทางสภาพแวดล้อมและทางอารมณ์ก่อนวัย 15 ปี นี่จึงเป็นเรื่องเล่าของการเรียนรู้ ข้ามผ่านสู่การเติบโตของเด็กสาว ที่รับมือกับบาดแผลทางใจได้อย่างงดงาม เป็นชัยชนะของความทรงจำที่ผู้ประพันธ์เขียนออกมาได้อย่างลึกซึ้งงดงามยิ่ง (ที่เขียนมานี่ก็อ่านไม่รู้เรื่องใช่ไหมครับว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไร ต้องอ่านเองครับ)”
2.จำจากจร
ผู้เขียน : Alice Munro
ผู้แปล : อรจิรา โกลากุล
สำนักพิมพ์ : บทจร
“ชอบภูมิทัศน์ในงานเรื่องสั้นของแอลิซ มันโร วิธีที่เราอ่านเรื่องสั้นมันเหมือนเรามองออกไปกว้างๆ กวาดไปตามพื้นที่และภาพชีวิตของตัวละครในแต่ละเรื่อง ชีวิตของตัวละครคือภูมิทัศน์อันแยกย่อย ละเอียด และซับซ้อนจนใช้เวลาในการเดินเข้าไปสำรวจเรื่องเล่า เรื่องสั้นต่างๆ มีกาลเวลาเป็นกรอบสำคัญ และใช้เวลาเกือบทั้งชีวิตของตัวละครในการเล่าประสบการณ์หนึ่งออกมาอย่างละเอียดลึกและละเมียดละไม ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูคล้ายจะเยือกเย็นและเย็นชาของแคนาดา
ทุกเรื่องให้เวลาของการผันเปลี่ยนและเติบโตของตัวละคร จึงไม่แปลกที่เรื่องสั้นของมันโรจะอ่านแยกชิ้นหรืออ่านแบบนิยายก็ได้ หลายเรื่องเล่าต่อเนื่องกันไปถึงภาพชีวิตตัวละครตั้งแต่แรกเกิด เป็นวัยรุ่น และตายจาก ปล่อยให้คนอ่านได้รับรสการรับมือกับความยุ่งยากของการมีชีวิตในแต่ละช่วงได้อย่างรวยรส”
3.เพราะเราต่างขาดพร่อง: การเมืองเรื่องเอนจอยเมนต์
ผู้เขียน : สรวิศ ชัยนาม
สำนักพิมพ์ : B&B Press
“ข้อเสนอเรื่องความปรารถนาและเอนจอยเมนต์ของอุดมการณ์ทางการเมืองที่เขียนให้เข้าใจได้ง่าย เป็นการสังเคราะห์และชำแหละปรากฏการณ์ทางสังคมโดยใช้อารมณ์ความรู้สึกทางจิตวิทยาเข้ามาอรรถาธิบายสิ่งที่มีความแข็งทื่อ ไร้ความรู้สึก อย่างสภาพเศรษฐกิจ การปกครอง สังคมการเมือง ซึ่งโดยตัวมันเองมักอาศัยวาทกรรมปฏิเสธความเป็นการเมืองเสมอๆ ได้อย่างรุ่มรวยและเปี่ยมจินตนาการ หนังสือเล่มนี้ช่วยกระตุ้นความสร้างสรรค์ทางความคิด ไม่ให้ย่ำย้ำอยู่กับที่ ปฏิเสธการตกหล่ม”
ติดตามรายชื่อหนังสือ Top Highlights – หนังสือที่ได้รับการแนะนำมากที่สุดจากคนในแวดวงหนังสือประจำปี 2024 เร็วๆ นี้
:: ความน่าจะอ่าน ขวัญใจมหาชน 2024 ::
ขอเชิญนักอ่านทุกท่าน ร่วมสนุกกับกิจกรรม ‘ความน่าจะอ่าน ขวัญใจมหาชน’ เพื่อค้นหาหนังสือยอดนิยมประจำปีนี้ ที่ช่วยเปิดโลกใบใหม่ ไปพร้อมๆ กับเยียวยาหัวใจให้นักอ่าน
ทั้งเปิดโลกแห่งความรู้และโลกแห่งจินตนาการ ทั้งเติมพลังให้ผ่านความสนุกสนาน ลีลาภาษาอันน่าประทับใจ – ไม่ว่าหนังสือขวัญใจของคุณเป็นแบบไหน มาแนะนำหนังสือเล่มโปรดพร้อมความในใจได้ที่ : https://bit.ly/popularvote2024
กติกา
1. โหวตหนังสือที่คุณคิดว่า ‘น่าอ่าน’ ที่สุดแห่งปี จำนวน 1 เล่ม โดยต้องเป็นหนังสือที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ของไทย ตีพิมพ์ภายในปี 2566-2567 (เป็นฉบับพิมพ์ซ้ำก็ได้) และไม่จำกัดประเภทหนังสือ
2. เขียนเหตุผลสั้นๆ ว่าทำไมจึงเลือกหนังสือเล่มนี้
เจ้าของความเห็นถูกใจทีมงาน จะได้รับเซ็ตหนังสือ Top Highlights – หนังสือที่ได้รับการแนะนำจากสำนักพิมพ์ บรรณาธิการ ร้านหนังสือ รวมถึงนักวาดภาพประกอบ ของโปรเจกต์ความน่าจะอ่าน 2024 จำนวน 1 ชุด (จำกัด 1 รางวัล)
โหวตได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567