โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

ชายาผู้ไร้ตัวตนในจวนชินอ๋อง 孤零零的贵妃

นิยาย Dek-D

อัพเดต 18 พ.ย. 2566 เวลา 17.00 น. • เผยแพร่ 18 พ.ย. 2566 เวลา 17.00 น. • ๋Jiratha
การแต่งงานนี้นางเลี่ยงไม่ได้ เขามีคนรักเรื่องนี้นางรู้ แต่นางในฐานะภรรยาที่ไม่มีความผิดเช่นกันสมควรแล้วหรือที่ต้องแบกรับเพียงความเย็นชาที่เขามอบให้ หากเลือกได้ นางไม่อยากแต่งกับคนไร้ใจเช่นเขาเหมือนกัน

ข้อมูลเบื้องต้น

“คุกเข่าจนกว่าฟ้าจะส่าง”

น้ำเสียงเย็นชาบวกกับแววตาชิงชังรังเกียจทำเอานางเจ็บไปทั้งใจ

ดูเหมือนว่าความผิดนี้ที่โยนมาบนหัวจะไม่ยกออกไม่ได้ง่าย คนรักของเขาต่อว่าความผิดกลับเป็นของนาง เขาไม่แม้จะฟังนางสักนิดกลับฟังความเพียงข้างเดียว

ความรักหากไม่มีจะดีกว่า เพราะเมื่อรักก็จะเจ็บปวด

มาสายดราม่ากันบ้างค่ะ แต่ไม่ดราม่าหนักหน่วงมากนะคะ นักเขียนยังใจไม่แข็งพอทำร้ายน้องนางเอกขนาดนั้น

เรื่องนี้บทแรกลงให้อ่านวันที่ 2 ตุลาคม นะคะ ส่วน Ebook มาวันที่ 13 ค่ะ

เริ่มต้นความเกลียดชัง

บทที่ 1 เริ่มต้นความเกลียดชัง

คืนนี้เป็นคืนแรกของการแต่งงาน นางในฐานะเจ้าสาวนั่งนิ่งรอผู้เป็นสามีเข้ามาเปิดผ้าคลุมหน้าตามธรรมเนียม ใบหน้างดงามล่มเมืองภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวราบเรียบไร้รอยยิ้มสุขใจอย่างที่ควรจะเป็น แววตาของนางไร้คลื่นลม ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ปรากฏ มือทั้งสองที่วางไว้บนตักจับกันแน่น

นางรอมาครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่าเจ้าบ่าวจะมาเข้าหอตามสมควร

คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากัน เรียวปากที่ปิดสนิทแยกออกจากกันปรากฏรอยยิ้มเศร้า สุดท้ายนางก็เลือกจะเปิดผ้าคลุมหน้าด้วยตนเอง

“ทรงทำอะไรเพคะ”

น้ำเสียงแตกตื่นตกใจกับใบหน้าฉงนของอ้ายผิงไม่ได้ทำให้จ้าวเหลียนฮวาหยุดมือ หลังถอดผ้าคลุมหน้า นางยังถอดมงกุฎหงส์ออก ตามด้วยเครื่องประดับชิ้นอื่น ๆ

“เขาไม่มาหรอกอ้ายผิง”

“ไยคิดเช่นนั้นเพคะ ชินอ๋องต้องมาแน่นอน พระชายาคือชายาเอก วันนี้แต่งเข้าจวนวันแรกจะเมินเฉยไม่ได้”

“ทำได้สิหากเขาพอใจอยากจะทำ คืนนี้ระหว่างข้ากับคนที่เขารัก แน่นอนว่าเขาต้องไปหานางอยู่แล้ว มันไม่ได้ตัดสินยากอะไรเลย”

“แต่ว่าพระชายาสำคัญกว่า เป็นถึงชายาเอก นางเป็นเพียงชายารองเท่านั้น”

“แล้วยังไง ในเมื่อความสำคัญในใจข้าสู้ชายารองไม่ได้ ชินอ๋องต้องเลือกนางอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดมากแล้วอ้ายผิง มาช่วยข้าเถอะ วันนี้ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อยากจะพัก”

จ้าวเหลียนฮวาลุกจากเตียงเดินไปนั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

อ้ายผิงมองผู้เป็นนายสลับกับประตูเรือน นางลังเลอยู่ไม่นาน สุดท้ายก็มาช่วยถอดเครื่องประดับและชุดแต่งงาน

จ้าวเหลียนฮวายิ้มเศร้า นั่งนิ่งปล่อยให้อ้ายผิงจัดการ ใบหน้างดงามล่มเมืองแย้มยิ้มเย้ยหยันในโชคชะตาของตนเองที่ดูจะน่าเศร้าไม่น้อย ได้แต่งงานกับบุรุษที่สตรีทั้งเมืองหลวงต่างหมายตาแต่ว่าเขากลับไร้ใจกับนาง แม้แต่การให้เกียรตินางในฐานะชายาเอกของตนเองเขายังไม่ทำ นางแต่งเข้ามา เขากลับให้คนรักแต่งมาในวันเดียวกันด้วยอย่าอุกอาจ ฉีกหน้านางไม่เหลือชิ้นดี ประกาศเป็นนัยว่าคนที่สำคัญคือใคร เกี้ยวเจ้าสาวสองเกี้ยวถูกพาเข้ามาพร้อมกัน คนหนึ่งฐานะชายาเอก อีกคนฐานะชายารอง แม้จะต่างฐานะ หากเกี้ยวเจ้าสาวกลับเหมือนกันไม่มีผิด เกี้ยวของชายารองเป็นเกี้ยวแปดคนหามเหมือนนางที่เป็นชายาเอก ทั้งยังมอบสินแต่งงานเหนือกว่านางด้วยซ้ำเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายน้อยหน้า

ใจนางแม้ชมชอบเขา หากไม่อยากแต่ง ถ้ารู้เต็มอกว่าเขาไม่รักเพราะเขามีคนรักอยู่ก่อนแล้ว

สมรสพระราชทานทำให้นางหลบเลี่ยงไม่ได้ นางได้เป็นชายาเอกของเขาตามที่ฝ่าบาทต้องการ ส่วนเขาก็เลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ทำได้แค่แต่งคนรักเข้ามาวันเดียวกันเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายน้อยใจ ดูเขาใส่ใจมากทีเดียว ต่างจากนางที่เขาให้แต่ความเย็นชา แม้แต่รอยยิ้มจากเขานางยังไม่เคยได้ ทั้งก่อนแต่งงานและวันนี้ เขาไม่ยิ้มให้นางเลย

จ้าวเหลียนฮวาเกิดในจวนจ้าว จวนเสนาบดีชั้นสูง บิดาของนางมีตำแหน่งเสนาบดีกรมตุลาการควบคุมเรื่องกฎหมายและคดีความต่าง ๆ เรียกว่ามากอำนาจในราชสำนักจนตอนนี้ที่อำนาจด้อยลง นางเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูล มารดาสิ้นใจตั้งแต่อายุได้สิบหนาว จากนั้นบิดาก็เลื่อนฐานะให้ฮูหยินรองในเวลานั้นขึ้นมาแทนที่ ก่อนมารดาสิ้น จ้าวเหลียนฮวาก็ใช่จะเป็นบุตรสาวที่บิดารักใคร่ บิดาไม่ชอบนาง นางเองก็ไม่รู้ว่าทำไม คงเพราะชะตาชีวิตของมารดากับนางคล้าย ๆ กัน บิดารักฮูหยินรองในเวลานั้น แต่ถูกบีบให้แต่งมารดานางเข้ามาเป็นฮูหยินเอก ทำให้นางที่เกิดมาไม่ได้รับความรักเอาใจใส่จากผู้เป็นบิดาเลย บิดารักน้องสาวและน้องชายหากแต่ไม่รักนาง ความรักที่มีให้บุตรแต่ละคนของบิดาไม่เคยเท่ากันเลยยิ่งกว่าคำว่าลำเอียง

นางมีน้องสาวหนึ่งคนที่อายุห่างเพียงหนึ่งปี ส่วนอีกคนเป็นน้องชายที่ห่างสองปี พวกเขาจะได้ทุกอย่างแต่นางจะไม่ได้ เมื่อใดที่บิดาไปทำงานต่างเมืองจะมีของขวัญกลับมาเสมอ แต่ของขวัญที่ว่าจะไม่เผื่อมาถึงนาง มีเพียงน้องสาวกับน้องชายที่ได้รับ

นางกำลังก้าวเข้ามาอยู่ในสถานะเดียวกับมารดา คือแต่งกับบุรุษที่ไม่ได้รักนางและเขามีคนรักในใจชัดเจน เมื่อนางมีบุตรสักคน นางกลัวว่าบุตรของนางจะไม่ได้รับความรักจากคนที่ขึ้นชื่อว่าบิดาแบบเดียวกับนาง แต่ทำยังไงได้ สมรสพระราชทานใช่ว่าใครจะขัดได้เสียหน่อย สุดท้ายนางก็แต่งเข้ามาอยู่ดี

คิดถึงเรื่องนี้จ้าวเหลียนฮวาถึงกับบีบมือที่จับกันแน่น นางมองเงาสะท้อนของตนเองในกระจก กระจกทองเหลืองบานใหญ่นี้สะท้อนความเจ็บปวดของนางได้ดีจริง ๆ แต่งกับเขาก็ถูกเขาทิ้งในคืนแรกเสียแล้ว

ถามว่าพอใจเขาหรือไม่ จ้าวเหลียนฮวาตอบได้ว่าพอใจ ชินอ๋องคือบุรุษรูปงามเก่งกาจ ใคร ๆ ต่างชอบเขา รวมถึงนางด้วย ยิ่งนางเคยได้ช่วยเหลือเขาเมื่อสองปีก่อนยิ่งดีใจที่ได้แต่งกับเขา เพราะในวันนั้นนางตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นใบหน้าที่สลบไสล และนางก็รู้ดีมาตลอดว่าเขามีคนรักปักใจอยู่ก่อนแล้ว เขาไม่ได้อยากแต่งกับนางเลย เพียงแต่ว่าขัดประสงค์ของฝ่าบาทไม่ได้ จำใจรับนางเป็นชายาเอกของตนเอง

สำหรับเขา นางคงเป็นนางมารร้ายที่ขวางทางรัก ทำให้เขากับคนรักหมางใจกัน ตั้งแต่เขารู้ว่าต้องแต่งนางก็ไม่เคยแสดงออกว่ายินดี

“พระชายา ไยร้องไห้เพคะ”

จ้าวเหลียนฮวาพึ่งรู้ตัวว่าตนเองร้องไห้ นางมองหยาดน้ำตาที่กลิ้งตกลงจากดวงตากระจ่างใสแล้วยิ้ม

“คงเพราะคิดถึงท่านแม่น่ะ”

“หม่อมฉันนึกว่าทรงน้อยใจที่ท่านอ๋องไม่มา”

“ข้ารู้แต่แรกแล้วอ้ายผิงว่าเขาจะไม่มา แต่ข้าก็ยังหวังว่าเขาจะมา สุดท้ายก็ทำใจยอมรับได้ว่าเขาไม่มีทางมาหาข้าในคืนนี้ ซุนจื่อหรานคือคนที่เขารัก แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำให้ซุนจื่อหรานไม่พอใจด้วยการมาค้างกับข้า ข้ากับนางแต่งเข้าวันเดียวกัน คนหนึ่งเป็นคนที่ไม่ชอบ อีกคนเป็นคนที่ชอบ เรื่องนี้เดาออกง่าย ๆ แม้ฐานะข้าสำคัญก็เถอะ เขายังไม่ใส่ใจอยู่ดี ข้าเลยคิดถึงท่านแม่ ท่านแม่ก็ชะตาชีวิตแบบนี้ เหมือนข้าตอนนี้ไม่มีผิด”

อ้ายผิงเงียบไป นางอยู่กับผู้เป็นนายมาตั้งแต่เด็ก รู้เห็นเรื่องนี้ดี เพราะนายท่านลำเอียงชัดเจนระหว่างคนที่รักกับคนที่ต้องแต่งเพราะเลี่ยงไม่ได้ ไม่นึกว่าตอนนี้นายสาวของนางก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับมารดา

ปัง…

เสียงประตูเรือนที่ถูกผลักเปิดออกอย่างแรงทำเอาจ้าวเหลียนฮวาและอ้ายผิงสะดุ้งสุดตัว ทั้งสองมองไปที่ประตู เห็นผู้ที่เปิดเข้ามาแล้วได้แต่อ้าปากค้าง เพราะดูก็รู้ว่าเขาเมามายหนักถึงขั้นเดินเซ

จ้าวเหลียนฮวาเร่งลุกขึ้นเดินไปหา แต่พอจะช่วยพยุงเขากลับถูกเขาผลักออกจนล้ม

อ้ายผิงเร่งเข้ามาพยุงผู้เป็นนายตนเองขึ้น มองเจ้าบ่าวอย่างชินอ๋องด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำรุนแรงแบบนี้

“ออกไป”

อ้ายผิงไม่กล้าขยับ นางห่วงผู้เป็นนายแต่ไม่อาจจะขัดประสงค์ของชินอ๋องได้ สุดท้ายเมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายพยักหน้า นางถึงได้ยอมออกไปจากเรือน

“ชินอ๋องเพคะ…”

“เพราะเจ้า เป็นเพราะเจ้าแท้ ๆ ทำให้ข้าเสียนางไป เพราะเจ้า…”

จ้าวเหลียนฮวามึนงง นางไม่เข้าใจว่าเขาพูดเรื่องอะไรและทำไมต้องทำกับนางแบบนี้ เพราะนาง เขาเลยเสียซุนจื่อหรานหรือ เขาหมายความถึงใครหรืออะไรกันแน่

โจวฝูหมิงที่เมามายชี้หน้าสตรีที่นั่งนิ่งไม่ขยับ เขามองใบหน้าที่งดงามดั่งนางจิ้งจอกของนาง

“ท่านอ๋อง หม่อมฉันไม่เข้าใจ ทรงหมายความว่ายังไงกันแน่เพคะ หม่อมฉัน…”

“เพราะข้าต้องแต่งกับเจ้า ทำให้จื่อหรานไม่พอใจข้าจนนางหนีไปแล้ว นางหนีไปจากข้าเพราะทำใจที่ตนเองแต่งเป็นรองไม่ได้ หากไม่มีเจ้า ข้าคงแต่งนางเป็นชายาเอก ยกย่องให้เกียรตินางเหนือใคร เพราะเจ้าแท้ ๆ…”

จ้าวเหลียนฮวาสะอึกพูดไม่ออก นางผิดหรือ ผิดตรงไหน นางเองก็ไม่ได้อยากจะเข้ามาเป็นส่วนเกินของใครเสียหน่อย ทำไมเขาต้องต่อว่ารุนแรงขนาดนี้ หากเลือกได้ นางอยากแต่งกับคนที่รักนางมากกว่าคนที่ไม่รักนางเลยแบบเขา หยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มเนียน ดวงตาที่กระจ่างใสเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ

โจวฝูหมิงเดินเข้าไปใกล้ เขาจับคางของนางให้เชิดหน้าจ้องมองเขา ออกแรงบีบมันจนใบหน้านางเผยความเจ็บปวดแล้วยิ้มร้ายกาจ

“ในเมื่อเจ้าทำข้าผิดใจกับคนรัก เช่นนั้นเจ้าต้องรับผิดชอบ ข้าจะทรมานเจ้าให้เหมือนตายทั้งเป็น”

ร่างเล็กบอบบางในชุดบางเบาถูกเขากระชากให้ลุกขึ้นแล้วฉุดกระชากไปที่เตียง นางถูกเขาโยนลงบนเตียงหนานุ่มแต่ยังรู้สึกถึงความเจ็บด้วยแรงที่เขาใช้มันมากเกินไป พอเงยหน้าขึ้นมาก็พบกับใบหน้าเขาที่ห่างเพียงแค่คืบ

ดวงตาของเขาราวหมาป่าร้ายที่กำลังจะกัดกินเหยื่อ จ้าวเหลียนฮวาแทบไม่กล้าขยับตัว ลมหายใจร้อนทำให้นางสั่นสะท้านไปทั้งตัว

“ชินอ๋อง… หม่อมฉัน”

“อย่าได้คิดว่าข้าจะทะนุถนอมเจ้า”

เรียวปากบางถูกเขาประกบปิด ร่างทั้งร่างถูกเขาพันธนาการเอาไว้ไม่ให้หนี มือทั้งสองข้างของนางทุบไปที่อกของเขา หากไม่ได้ทำให้เขาถอยห่าง เขาฉีกกระชากชุดเบาบางของนางจนขาดวิ่นติดมือ

ใบหน้าที่ซุกเข้าหาไม่ออมแรงเลยสักนิด ทำให้นางถึงกับต้องกัดริมฝีปากแน่นระงับความเจ็บยามที่เขาขบกัดไปตามไหล่ขาวเนียน

เรี่ยวแรงต่อต้านในช่วงแรกเปลี่ยนเป็นเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดตาม สิ่งนั้นของเขาล่วงล้ำเข้ามาในกายของนาง เขาไม่ถนอมนางเลยจริง ๆ การเคลื่อนไหวทั้งรุนแรงทั้งดิบเถื่อนจนทำให้นางกัดปากแน่นระงับความเจ็บที่ร่างกายช่วงล่าง

แสนเย็นชา

บทที่ 2 แสนเย็นชา

จ้าวเหลียนฮวาตื่นมาด้วยร่างกายที่บอบช้ำ หากเขาคิดจะถนอมนางสักนิด นางคงไม่ปวดร้าวไปทั้งร่างกายช่วงล่างมากจนลุกไม่ขึ้น

ตามร่างกายเต็มไปด้วยรอยช้ำ ยิ่งกับก้นงอนงามยิ่งมีรอยฝ่ามือชัดเจน ริมฝีปากบางบวมเจ่อจนมองออก ลำคอขาวเนียนก็เต็มไปด้วยรอยดูดขบ

จ้าวเหลียนฮวานั่งเงียบ เขาออกไปนานแล้ว ส่วนนางเมื่อลุกขึ้นมานั่งก็ไม่กล้าขยับ ความเจ็บร้าวจากส่วนอ่อนไหวทำให้พอขยับต้องนิ่วหน้าทุกที

เมื่อคืนเขาราวกับสัตว์ป่าที่หิวกระหาย ฉีกกระชากนางเป็นชิ้น ๆ ไร้ความเห็นใจว่านางจะเจ็บมากแค่ไหน เขารุนแรงไม่คิดถนอมเหมือนไม่คิดว่านางเป็นสตรีด้วยซ้ำ แม้จะรู้สึกดีที่สุดท้ายนางก็กลายเป็นภรรยาแท้จริงของเขา ความจริงที่ว่าเขามาเพราะว่าซุนจื่อหรานหายไปจากห้องหอยังชัดเจน

“พระชายาทรงตื่นแล้วหรือเพคะ”

“เขาไปนานแล้วหรือ”

“ตั้งแต่ยามอิ๋นเพคะ”

จ้าวเหลียนฮวาฝืนยิ้ม ตอนที่เขาออกไปนางรู้สึกตัวบ้าง ได้ยินเลือนรางว่าเจอตัวของซุนจื่อหรานแล้ว เมื่อเขาได้ยินก็รีบเร่งออกไปไม่แม้แต่สนใจนางที่นอนอยู่ข้าง ๆ ไม่บอกลา ไม่ห่วงใย ไม่คิดไถ่ถามใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อคืนกว่านางจะได้พักก็น่าจะยามโฉ่ว ปากเขาพร่ำหาแต่ซุนจื่อหรานทั้งที่เป็นนางที่หลับนอนกับเขา ยามเขาเรียกชื่ออีกฝ่าย ใจของจ้าวเหลียนฮวาเจ็บปวดไปทั้งใจ

“พระชายาทรงเป็นอะไรเพคะ”

จ้าวเหลียนฮวามองหน้าคนสนิท นางเอามือมาปาดน้ำตาแล้วส่ายหน้า

“ไม่มีอะไรหรอก”

“ทรงคิดมากหรือเพคะ”

“ข้าคงผิดมากในสายตาเขา จากนี้ไม่รู้ว่าเขาจะเกลียดชังข้าเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าไหร่”

“ทรงคิดมากเกินไปแล้วเพคะ ชินอ๋องเสด็จมาหาเมื่อคืน แน่นอนว่าจากนี้ต้องเมตตาพระชายามากขึ้นแน่ ๆ”

จ้าวเหลียนฮวาหัวเราะด้วยใบหน้าเศร้า มาแล้วยังไงเมื่อเขามาด้วยความไม่เต็มใจและเพราะเขาเมาถึงได้ค้างกับนาง

“หากซุนจื่อหรานไม่หายไปจากห้องหอ เจ้าคิดว่าชินอ๋องจะเสด็จมาหาข้าหรือ เขามาหนึ่งเพราะเมามาย สองเพราะคิดว่าข้าทำให้ซุนจื่อหรานน้อยใจจนหนีออกไปจากห้องหอ สามเพราะต้องการทำให้ข้าเจ็บปวด รู้ว่าในใจของเขามีเพียงซุนจื่อหรานหาได้มีข้าแม้แต่น้อยนิด”

เมื่อคืนยามเขาวนเวียนกับร่างเปลือยเปล่าของนาง ชื่อที่เขาเรียกยามสุขสมคือชื่อของซุนจื่อหราน แววตายามเขาพูดชื่อนั้นเต็มไปด้วยความรักใคร่ แต่พอเขาคิดได้ว่าร่างที่เขากำลังวนเวียนตักตวงความสุขคือนาง สีหน้าท่าทีของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา กระทำด้วยความรุนแรงเสียจนนางเจ็บไปทั้งร่าง

เขาใจร้ายกับนางยิ่ง น่าแปลกที่ถึงเขาจะทั้งเย็นชาและรุนแรงนางกลับรู้สึกดีกับเขา ใจนางเต้นแรงยามเขาถาโถมเข้ามา จูบของเขามอมเมาให้นางหลงใหล เพียงได้ใกล้ชิดนางกลับรักเขาไปแล้วทั้งใจ แปลกจริง ๆ จากที่รักอยู่แล้ว นางยิ่งถลำลึกลงไปในเหวแห่งนี้

นางรักคนที่ไม่ได้รักนางทั้งยังเย็นชากับนางถึงเพียงนี้

อ้ายผิงแสดงสีหน้าเห็นใจ ที่ผู้เป็นนายพูดมาไม่ผิด หากคืนนี้ชายารองไม่หายไป มีหรือชินอ๋องจะมาที่นี่

“อย่าทรงคิดมากเลยนะเพคะ หากมองในทางที่ดี การที่ชินอ๋องเสด็จมาเมื่อคืนจะไม่ทำให้พระชายากลายเป็นตัวตลกที่ถูกชินอ๋องทอดทิ้งในคืนเข้าหอ”

“ข้อดีหรือ แล้วยังไงต่อ จากนี้ไม่รู้ว่าเรายังต้องเจอกับอะไร”

“อย่ากังวลเลยนะเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้พระชายาเศร้าเสียใจแบบนี้ หากเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับชายารองคงไร้ปัญหา ส่วนวันนี้ที่ชายารองหายไป หม่อมฉันคิดว่านางทำเพราะต้องการเรียกร้องความเห็นใจ ทำให้ชินอ๋องทรงผิดใจกับพระชายา ต้องเป็นแผนที่เกิดจากความตั้งใจของนางแน่”

“อย่าได้พูดเช่นนี้ให้คนอื่นได้ยินเชียว ช่างมันเถอะ ข้ายังต้องไปยกน้ำชาให้ไท่เฟย มาช่วยข้าหน่อย”

จ้าวเหลียนฮวาเลิกคิดเรื่องที่นางยังไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหน เวลานี้นางต้องทำหน้าที่ของตนเองก่อนแม้จะสงสัยว่าทำไมซุนจื่อหรานถึงหายไปแบบนั้น

หลิงอี้ซินมองถ้วยชาที่รับมาจากลูกสะใภ้ นางมองท่าทีนิ่งเงียบเก็บสีหน้าท่าทีของอีกฝ่ายพอใจไม่น้อย

ลูกสะใภ้คนนี้นางหามาเองกับมือ เป็นคนร้องขอฝ่าบาทให้ประทานสมรสให้กับบุตรชาย แต่เรื่องนี้บุตรชายของนางไม่รู้ เขารู้แค่ว่าเป็นพระประสงค์ฝ่าบาท

“ได้ยินว่าเมื่อคืนชินอ๋องไปหาเจ้า”

“เพคะ”

“หน้าที่ภรรยาควรจะดูแลสามีให้ดี ข้าหวังว่าจากนี้เจ้าจะตั้งใจปรนนิบัติเขาแล้วมอบบุตรสักคนที่แข็งแรงสมบูรณ์ ในเมื่อเจ้าแต่งเข้ามาเป็นชายาเอก ต่อจากนี้ความผิดชอบต่าง ๆ ในจวนอ๋องแห่งนี้เจ้าจะต้องดูแลต่อจากข้า คนผู้นี้คือคนสนิทของข้า หากเจ้าสงสัยสิ่งใดหรือติดขัดให้ออกปากถามนาง นางจะช่วยเจ้า”

จ้าวเหลียนฮวาหันไปก้มหน้าให้คนสนิทของแม่สามี อย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นผู้อาวุโสนางต้องให้ความเคารพแม้จะต่างฐานะ

“เพคะ”

“แล้วทำไมยังไม่เห็นชายารอง นางไยไม่มา”

“เห็นว่าหายออกจากห้องหอตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้ชินอ๋องทรงออกไปตามหาเพคะ”

สีหน้าหลิงอี้ซินเต็มไปด้วยร่องรอยความไม่พอใจ มีอย่างที่ไหนหนีออกจากจวนในคืนแต่งงาน การกระทำเช่นนี้คงมีแต่ซุนจื่อหรานที่กล้า คงคิดว่าเพราะบุตรชายนางทั้งรักทั้งเอาใจถึงกล้าขนาดนี้

“นางกล้าทำถึงขนาดนั้น พระชายา หากนางกลับมาเจ้าต้องลงโทษนางให้เป็นตัวอย่าง มีอย่างที่ไหนหนีออกจากจวนในวันแต่งงาน หรือนางคิดว่าจะไม่ได้รับโทษหรือยังไงกัน จวนซุนเลี้ยงบุตรสาวมายังไงถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ ข้าถึงขั้นยอมให้แต่งเข้ามาวันเดียวกับพระชายา ยังไม่รู้จักเจียมตนเองไม่รู้ฐานะ คนพวกนี้มีแต่จะนำพาหายนะมาสู่จวนชินอ๋อง”

“เสด็จแม่โปรดระงับโทสะ นางคงไม่ได้ตั้งใจเพคะ”

“เจ้ายังออกหน้าช่วยพูดให้นางอีก ไม่ตั้งใจหรือ ตั้งใจน่ะสิไม่ว่า ตอนนี้นางกลับมาหรือยัง”

“ได้ยินว่ายังเพคะ นางกลับจวนซุน เวลานี้ชินอ๋องกำลังไปรับนางกลับมา”

จ้าวเหลียนฮวาได้ยินแล้วรู้สึกไม่ดีเลย การกระทำของซุนจื่อหรานจะทำให้ชินอ๋องถูกมองไม่ดี

“พระชายา หลังจากนางกลับมา ข้าหวังว่าเจ้าจะจัดการได้”

สายตาคาดคั้นของแม่สามีทำเอาจ้าวเหลียนฮวาทำได้เพียงพยักหน้ารับ หน้าที่จัดการดูแลความเรียบร้อยและควบคุมสตรีคนอื่นที่เป็นรองจากนางคือหน้าที่ หากนางทำได้ไม่ดีพอจะถูกต่อว่าเอาได้ ซุนจื่อหรานทำผิดจริง แน่นอนว่านางต้องออกหน้าตักเตือนให้อีกฝ่ายจดจำไม่กล้าทำอีก

“หม่อมฉันจะพยายามเพคะ”

“ไยต้องใช้คำว่าพยายาม ในเมื่อเจ้าเป็นชายาเอก นี่คือหน้าที่ของเจ้า สตรีอื่นเป็นรองเจ้าทั้งหมด หากเจ้าไม่เด็ดขาดไม่รู้จักจัดการ พวกนางจะยิ่งได้ใจ ตอนนั้นแม้เจ้าจะฐานะสูงกว่าก็ถูกเย้ยหยัน อำนาจในมือมีแล้วต้องใช้แต่จะต้องใช้ให้เหมาะสม เจ้าไม่จัดการสุดท้ายจะเป็นเจ้าเองที่จะต้องเสียใจ”

“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ หม่อมฉันจะทำให้ดีที่สุด ท่านแม่อย่าได้กังวล”

หลิงอี้ซินถอนหายใจ นางรู้ว่าทำไมจ้าวเหลียนฮวาถึงได้ไม่มั่นใจ นั่นเพราะว่าซุนจื่อหรานคือสตรีในดวงใจของบุตรชายของนาง การที่จะจัดการหาใช่เรื่องง่าย แต่ยิ่งปล่อยไปจะยิ่งยุ่งยาก วันแรกแต่งเข้ามากล้าก่อเรื่องขนาดนี้ ต่อไปจะมากขนาดไหน

“ข้าเข้าใจเจ้า แต่เจ้าต้องทำ นอกจากเพราะเป็นหน้าที่แล้ว ยังจะทำให้ฐานะพระชายาของเจ้ามั่นคงมากขึ้นอีกด้วย หากเจ้าไม่ทำอะไรเลย นางจะยิ่งได้ใจและหนักข้อมากขึ้น เวลานั้นแม้ฐานะแตกต่างแต่นางจะเหนือเจ้า เข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่”

“เพคะท่านแม่”

“วันนี้เจ้าไปพักเถอะ ข้าเองก็จะพักแล้ว”

“ทูลลาเพคะ”

จ้าวเหลียนฮวามองแม่สามีลุกออกไปจากห้องโถงเข้าไปพักด้านใน นางถอนหายใจคิดถึงเรื่องที่ต้องจัดการหลังจากนี้ ดูเหมือนการเข้ามาเป็นพระชายาที่นี่จะไม่ง่ายและยากกว่าที่คิด ตอนแรกเพียงอยากอยู่สงบสุขเท่านั้น ไร้ความโปรดปรานก็ไม่เป็นอะไร แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว

รับปาก

บทที่ 3 รับปาก

จ้าวเหลียนฮวากลับมายังเรือน รู้ข่าวว่าตอนนี้ชินอ๋องพาซุนจื่อหรานกลับมาที่จวนแล้ว ทั้งยังไม่ออกมาจากเรือนหลังนั้น พวกเขาสองคนยังอยู่ด้วยกันไม่ยอมออกห่าง

ดูเหมือนเขาจะง้อซุนจื่อหรานสำเร็จแล้ว นางไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมซุนจื่อหรานต้องหนีไปด้วย หากไม่หนีเมื่อคืนคงเป็นอีกฝ่ายที่เข้าหอ ส่วนนางเพียงนอนเฝ้าเรือนเท่านั้น หรือเพราะได้แต่งเป็นรองเลยไม่พอใจ คงเป็นแบบนั้น ได้รับคำมั่นว่าเป็นชายาเอกอยู่ ๆ มีนางแทรกเข้ามาแทนที่ ส่วนตนเองได้ฐานะชายารอง เป็นใครก็ไม่พอใจทั้งสิ้น

“จะไม่ทรงจัดการอะไรเลยหรือเพคะ”

“หากข้าทำ ชินอ๋องจะยิ่งไม่พอใจข้า เขาคงหาว่าข้าจงใจกลั่นแกล้งชายารอง”

“แต่ชายารองทำผิด แม้แต่ไท่เฟยยังออกปากว่าให้พระชายาตัดสินความผิดของนาง”

“แล้วยังไง ถึงข้าจะถืออำนาจจวนแต่สุดท้ายคนที่ตัดสินถูกผิดแท้จริงคือชินอ๋อง เวลานี้เขากำลังง้อนางไม่ให้หนีห่างเอาใจใส่ หากข้ามีคำสั่งลงไป ข้ากลัวว่า…”

“พระชายากลัวชินอ๋องจะทรงไม่พอใจและต่อว่า”

จ้าวเหลียนฮวายิ้มรับ ที่อ้ายผิงพูดมาถูกต้อง นางไม่อยากให้เขาเกลียดชังนางไปมากกว่านี้ ไม่อยากให้เขามองนางด้วยสายตาเย็นชาและใช้คำพูดรุนแรงอีกแล้ว นางไม่ต้องการแบบนั้นแล้ว

ในเมื่อชีวิตนี้นางคือภรรยาของเขาไปจนวันตาย การปรองดองย่อมดีกว่าการวิวาทผิดใจ หากว่านางไม่ยุ่งวุ่นวายกับซุนจื่อหราน เขาอาจจะมองนางดีขึ้นมาบ้าง เล็กน้อยก็ยังดี

“แต่ไท่เฟยอาจจะไม่พอใจนะเพคะ”

“เอาเถอะ วันนี้คงทำอะไรไม่ได้หรอก ชินอ๋องอยู่กับนาง การที่ข้ารั้นจะลงโทษจะมีแต่ทำให้เรื่องแย่ลง คิดว่าไท่เฟยน่าจะเข้าใจสถานการณ์”

“แล้วเรื่องกลับไปเยี่ยมจวนจ้าว…”

“รอไปอีกสักหน่อย ข้าจะพูดกับชินอ๋อง แต่ถ้าไม่มีทางเลือกคงกลับไปคนเดียว หรือไม่ก็ไม่กลับไปเลย อย่าลืมสิว่าพวกเขาก็ไม่ได้อยากให้ข้ากลับไปนัก”

“แต่ถ้ากลับไป การกลับไปคนเดียวจะทำให้พระชายาถูกมองว่าไร้ความโปรดปรานนะเพคะ”

“พวกเขารู้แต่แรกแล้วอ้ายผิง จะมีเขาไปด้วยหรือไปคนเดียว พวกเขาก็รู้ว่าสตรีคนไหนในจวนแห่งนี้สำคัญต่อชินอ๋องจริง ๆ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เลือกแต่งชายารองเข้ามาวันเดียวกันกับข้าหรอก”

“พระชายาอย่าคิดมากสิเพคะ”

“ข้าไม่คิดแล้ว เอาบัญชีต่าง ๆ มาเถอะ ข้าจะเรียนรู้”

“เพคะ”

ซุนจื่อหรานนั่งหันหลังไม่พูดจามาร่วมครึ่งชั่วยาม นางทำทีไม่ใส่ใจไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ทำเพียงนั่งเงียบจนทำให้คนที่กระวนกระวายใจคือโจวฝูหมิง เขารอให้นางยอมพูดด้วยตั้งแต่ที่พานางกลับมา แต่นางไม่ยอมพูดออกมาสักคำเดียว เอาแต่เงียบใส่

“หรานเอ๋อร์ เจ้าจะเย็นชาใส่ข้าไปถึงเมื่อไหร่กัน”

ซุนจื่อหรานหันกลับมามอง นางส่งเสียงในลำคอท่าทีเย้ยหยัน

“ทรงสนใจด้วยหรือเพคะ”

“หากข้าไม่สนใจเจ้า แล้วชาตินี้ข้าจะไปสนใจใคร นอกจากเจ้าแล้วในใจข้าล้วนไม่มีใคร เจ้าเองก็รู้ดีไม่ใช่หรือ”

“เมื่อคืนได้ยินว่ายังไปเข้าหอกับชายาเอกเลยไม่ใช่หรือเพคะ”

ใบหน้างดงามฉายชัดถึงความไม่พอใจ นางไม่คิดว่าเขาจะกล้าไปเข้าหอกับสตรีอื่นนอกจากนาง นางคิดว่าเขาจะวิ่งวุ่นตามหานางเสียอีก แต่เขากลับทำแบบนั้น เข้าหอกับสตรีที่ปากบอกว่าไม่เคยคิดจะรักใคร่ ในใจมีเพียงนางคนเดียว

เขาทำให้นางอับอายรู้สึกแพ้ นางหรืออุตส่าห์พนันกับเหล่าสหายเอาไว้ว่าเขาไม่มีทางเข้าหอกับสตรีแซ่จ้าวผู้นั้น ที่นางหายออกจากจวนในคืนแต่งงานก็เพื่อไม่ให้เขาไปเข้าหอกับจ้าวเหลียนฮวา ที่ไหนได้ เขาไม่สนใจตามหานางอย่างที่นางคิด แต่กลับไปเข้าหอ

นี่คำว่ารักของเขาที่บอกนางจริงหรือไม่

“เมื่อคืนข้าเมามายไร้สติ พอเห็นว่าเจ้าหายก็ไปถามเอาความกับนาง”

“เช่นนั้นหรือ แล้วถามยังไงถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้ บอกว่ารักเพียงหม่อมฉันแต่เมื่อคืนกลับ… กลับทำเช่นนั้น”

โจวฝูหมิงเห็นหยาดน้ำตาของคนรักถึงกับพูดไม่ออก เขาผิดจริงเช่นนางว่า เขาไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนางไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสตรีอื่น ถึงสตรีผู้นั้นจะถือว่าเป็นภรรยาอีกคนของเขาเองก็เถอะ

เมื่อคืนหลังจากที่พบว่าคนรักหายไปเขาทั้งหงุดหงิดทั้งเมามาย พอไม่รู้จะไปที่ไหน เขาก็ไปหาจ้าวเหลียนฮวา เขาคิดว่าเป็นอีกฝ่ายที่ทำให้คนรักหายไปดื้อ ๆ ใครจะไปรู้ว่าที่คนรักหนีออกไปเพียงเพราะต้องการอยากรู้ว่าเขาจะออกตามหานางหรือไม่

“เรื่องเมื่อคืนข้าไม่ได้ตั้งใจ”

“ปากบอกไม่ได้ตั้งใจแต่อยู่กับนางเกือบเช้า หากหม่อมฉันไม่ให้คนของตนเองมาส่งข่าวว่าอยู่ที่ไหน ชินอ๋องคงไม่คิดออกไปรับกลับมาด้วยมัวแต่มีความสุขอยู่”

“เจ้าพูดเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้มีความสุข สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะข้าเมาไร้สติ”

“หม่อมฉันเชื่อไม่ลงเพคะ”

โจวฝูหมิงถึงกับเอามือขึ้นมานวดขมับ เขาผิดจริง แต่เรื่องเกิดแล้วจะแก้ไขอย่างไรได้

ในส่วนของเมื่อคืน เขายอมรับเพราะว่าจากจูบนั้นที่ทำให้เขาหยุดไม่ได้ เหมือนกับว่าจ้าวเหลียนฮวาเป็นของหวานชั้นเลิศที่เขาไม่อยากจะคายออกมาเมื่อได้กลืนกิน พอรู้ตัวก็วางจานขนมลงไม่ได้เสียแล้ว ยังตักตวงกินไปเสียอีกหลายคำ จะบอกว่าตนเองไม่ผิดเลยก็ไม่ได้ เขาได้สติกลับมาแล้วหากยังไม่ยอมหยุด

“ข้าผิดแล้วจริง ๆ ยกโทษให้ข้านะหรานเอ๋อร์ ข้าจะไม่ทำผิดอีก”

“ก่อนที่จะแต่งก็เคยให้สัญญาเช่นนี้แต่ก็ทำผิดไปแล้ว สัญญา หม่อมฉันที่ออกไปเพียงต้องการรู้ว่าจะทรงเลือกหม่อมฉันอย่างที่พูดหรือไม่ สุดท้ายกลับเลือกจ้าวเหลียนฮวา เลือกนาง เข้าหอกับนางตามที่ไท่เฟยต้องการ”

โจวฝูหมิงถึงกับโต้เถียงอะไรไม่ได้

“หรานเอ๋อร์ ข้าผิดไปแล้ว ข้าเองไม่ได้ตั้งใจ แต่เจ้าไม่ควรทำเช่นนั้น อยู่ ๆ ก็คิดอยากจะหนีออกไป เรื่องนี้หากคนนอกรู้จะมองจวนชินอ๋องเป็นยังไงกัน ไหนจะเสด็จแม่อีก”

“เสด็จแม่ไม่พอใจหม่อมฉันอยู่แล้ว ถึงจะทำดีแค่ไหนก็ไม่มีทางทำให้เสด็จแม่รักใคร่เอ็นดู เรื่องนี้หม่อมฉันรู้ดี ไม่เหมือนจ้าวเหลียนฮวาผู้นั้น ในสายตาของเสด็จแม่นางดีหนักหนา ได้ยินว่าชุดที่สวมใส่เป็นเจ้าสาวก็ประทานให้นางรวมถึงเครื่องประดับชุดใหญ่ ส่วนหม่อมฉันที่เป็นเพียงชายารองเสด็จแม่ไม่ประทานอะไรมาสักอย่าง หนำซ้ำยังไม่ได้อวยพรให้อีกด้วย แล้วจะไม่ให้หม่อมฉันน้อยใจจนคิดหนีออกไปได้ยังไงกัน ถ้าหนีไปแล้วพระองค์ทรงไปตามกลับมาก็ยังถือว่าตัวเองมีความสำคัญ แต่นี่ทั้งพระองค์ทั้งเสด็จแม่ไม่เห็นหม่อมฉันสำคัญเลยด้วยซ้ำ ถึงได้หลงลืมเหมือนหม่อมฉันไร้ตัวตน”

ซุนจื่อหรานร่ายยาวออกมา น้ำตาที่ไหลรินไหลหนักมากกว่าเดิมจนสะอื้นไปทั้งตัว ดวงตาที่กระจ่างใสเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบอบช้ำ เนื้อตัวสั่นเทาพยายามจะลุกขึ้นหนีออกไปแต่ถูกดึงเข้าสู่อ้อมกอด

โจวฝูหมิงกอดคนรักเอาไว้แน่น เขาเข้าใจความรู้สึกนางดี ที่ผ่านมานางดื้อรั้นเอาแต่ใจมากแค่ไหนเขาเลยมองผ่าน มารดาของเขาไม่ยอมรับนางแต่กลับให้ฝ่าบาทประทานสมรสกับสตรีอื่นมาให้จนได้จ้าวเหลียนฮวามาเป็นชายาเอก ถ้าเลือกได้ เขาก็ไม่อยากให้นางเจ็บช้ำใจด้วยการแต่งสตรีอื่นมาแทนที่ตำแหน่งที่เอ่ยปากว่าจะมอบให้นางเช่นนี้

“ข้ายอมทำทุกอย่างตามที่เจ้าต้องการ ขอเพียงเจ้าไม่หนีข้าไปไหน ยอมอยู่ข้างกายข้า หรานเอ๋อร์ ชีวิตนี้ข้าขาดเจ้าไม่ได้ ข้าขาดเจ้าไม่ได้จริง ๆ”

ซุนจื่อหรานหันกลับมา นางจ้องมองเขาอยู่นาน เห็นแววตาเขาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด สุดท้ายนางก็อ่อนข้อให้

“เช่นนั้นต้องรับปากหม่อมฉัน ว่าถึงจะใกล้ชิดนางแต่อย่าได้รักนางเด็ดขาด

“ได้ ข้ารับปาก”

ซุนจื่อหรานเช็ดน้ำตาแล้วโผกอดเขาแน่น ใบหน้ายามที่ซุกเข้าหาอก จากที่เศร้าเสียใจเปลี่ยนเป็นยิ้มพอใจออกมา

นางห้ามเขาไปหาสตรีอื่นไม่ได้เพราะมันจะทำให้นางดูแย่ สตรีที่ดีควรใจกว้างดั่งแม่น้ำ แต่ถ้าเขาไป เขาจะไปแต่ตัว ไร้หัวใจ

จ้าวเหลียนฮวาจะไม่ได้ใจของเขาและเขาต้องเกลียดชังสตรีแซ่จ้าวผู้นั้นที่คิดมาแย่งชิงกับนาง

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...