โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ชวนคุณชมคลังสินค้าสุดไฮเทค OfficeMate ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ B2B ยุคใหม่ว่า ล้ำขนาดไหน!

BT Beartai

อัพเดต 26 เม.ย. 2562 เวลา 11.14 น. • เผยแพร่ 26 เม.ย. 2562 เวลา 08.52 น.
ชวนคุณชมคลังสินค้าสุดไฮเทค OfficeMate ที่ตอบโจทย์ธุรกิจ B2B ยุคใหม่ว่า ล้ำขนาดไหน!

OfficeMate 1 ในผู้จำหน่ายสินค้าทางด้านการใช้งานออฟฟิศ เปิดเผยคลังสินค้าสุดไฮเทคใหม่ล่าสุดที่ สุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ด้วยงบการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาทบนพื้นที่ 45 ไร่ มีเทคโนโลยีญี่ปุ่นมาตรฐานสากล ซึ่งคลังสินค้านี้จะเปิดทำการ 24 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์ พร้อมรองรับคำสั่งซื้อมากกว่า 10,000 รายการต่อวัน มีรถสำหรับจัดส่งสินค้ามากกว่า 200 คัน เรียกได้ว่าออกแบบมาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับธุรกิจ B2B หรือ Business to Business แบบสุด ๆ ซึ่งนอกเหนือจากนี้ ด้านในยังมีเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง?

 

วงจรการทำงานของ OfficeMate Warehouse Ecosystem

การทำงานของคลังสินค้า OfficeMate แห่งใหม่นี้ ได้นำเอาเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยอย่างมากในด้านต่าง ๆ ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก มาดูกันว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง

  • ลูกค้าสั่งซื้อสินค้า
  • คลังได้รับคำสั่งซื้อ
  • I-Pack ขึ้นรูปกล่องอัตโนมัติ ซึ่งกล่องนี้จะมีความแข็งแรง ทนทานบนมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด
  • กล่องจะถูกเคลื่อนไปตามสายพานอัตโนมัติเพื่อรับสินค้าตามรายการสั่งซื้ออย่างถูกต้อง แม่นยำ
  • I-Pack แพ็คปิดกล่องสินค้าอัตโนมัติ และมีระบบตรวจสอบขนาดของสินค้าภายในกล่อง เพื่อการบรรจุที่แน่นหนา ลดความเสี่ยงสินค้าเสียหาย
  • UNI-SHUTTLE ระบบเก็บสินค้ารอส่ง โดยทำงานพร้อม Route Planning ทำให้การจัดแผนเส้นทางสินค้าเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ระบบจัดส่งสินค้า พร้อมด้วยเทคโนโลยี Real-Time Tracking ติดตามการส่งสินค้า เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าทุกคน
  • สินค้าจะถูกจัดส่งถึงภายใน 1 วันทำการถัดไปในกรุงเทพฯ และปริมณฑล(รวมไปถึงจังหวัดใกล้เคียง) และไม่เกิน 3 วันทำการในต่างจังหวัด

คุณ วรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน)

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ออฟฟิศเมทเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 9% โดยในปี 2561 ออฟฟิศเมทให้บริการแก่ลูกค้ากว่า 6,500,000 คำสั่งซื้อ เติบโตโดดเด่นในช่องทางออนไลน์ ซึ่งยอดขายคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของยอดขายรวม ทั้งนี้เกิดจากการพัฒนาออนไลน์แพลตฟอร์มให้มีฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์การช้อปของลูกค้า B2B โดยมีลูกค้าเข้าเว็บไซต์ officemate.co.th และ OfficeMate Mobile App กว่า 14 ล้านครั้งในปี 2561 นอกจากนี้ยังโฟกัสการให้บริการรับสั่งซื้อออนไลน์ภายในร้านออฟฟิศเมท (E-ordering @Store) ที่ปัจจุบันสร้างยอดขายคิดเป็นสัดส่วน 12% ของยอดขายร้าน  นอกจากนี้ ออฟฟิศเมทยังพบว่าลูกค้ากว่า 21% มีพฤติกรรมช้อปมากกว่าหนึ่งช่องทาง (Omnichannel) ซึ่งสร้างยอดขายได้มากถึง 49% ของยอดขายรวมคุณ วรวุฒิ อุ่นใจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีโอแอล จำกัด (มหาชน)

ด้วยการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมคลังสินค้าไฮเทคอัจฉริยะแห่งใหม่นี้ ออฟฟิศเมทจะสามารถยกระดับการบริการเพื่อมอบประสบการณ์ที่ครองใจลูกค้าองค์กรและผู้ประกอบการ SMEs พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อต่อยอดสู่การเติบโตในอนาคตภายใต้กลยุทธ์ O-F-M ดังนี้

O2O Service Excellence

มุ่งมั่นยกระดับการบริการที่ครองใจลูกค้า B2B แบบ One-Stop Solutions ด้วยสินค้าที่ครอบคลุมความต้องการของทุกธุรกิจ ไม่เว้นแม้ธุรกิจเฉพาะทาง ด้วยการเพิ่มกลุ่มสินค้าประเภทอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากกลุ่มของเครื่องเขียนที่เป็นสินค้าหลักของ OfficeMate โดยเฉพาะสินค้าธุรกิจ HORECA (Hotel Restaurant Caterings) ผ่านประสบการณ์การช้อปแบบ Omnichannel พร้อมบริการจัดส่งสินค้าที่แม่นยำ รวดเร็ว มั่นใจได้ ด้วยต้นทุนโลจิสติกส์ที่ต่ำลง จากการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการคลังสินค้าและบริการจัดส่งมาตรฐานสากล

Franchise Stores Nationwide

ช่วยเกื้อหนุนให้ธุรกิจชุมชนหรือร้านค้าปลีกรายย่อยที่เป็น ร้านแฟรนไชส์ “ออฟฟิศเมท พลัส” เติบโตไปพร้อมกัน ทลายข้อจำกัดในด้านพื้นที่แสดงสินค้าของร้านค้าปลีกท้องถิ่น โดยใช้เทคโนโลยีและระบบการจัดการเพิ่มศักยภาพให้สามารถขายสินค้าได้เหมือนออฟฟิศเมททุกประการ ผ่านบริการรับสั่งซื้อออนไลน์ที่หน้าร้าน พร้อมให้บริการจัดส่งถึงที่ทั่วประเทศ ซึ่งคลังสินค้าของออฟฟิศเมทแห่งนี้ก็จะเปรียบเสมือนคลังสินค้าของร้านแฟรนไชส์เหล่านี้ โดยภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะเริ่มเปิด 2 แห่ง และจะเปิดร้านแฟรนไชส์ทั้งสิ้น 12 แห่งภายในสิ้นปี 2019 นี้

MarketPlace for B2B Solutions

OfficeMate เตรียมเปิดตัว B2B Marketplace ในปลายปีนี้ ซึ่งจะเป็นบริการที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการธุรกิจ B2B รายย่อย เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้า โดยสามารถขายสินค้าได้มากขึ้นและเติบโตไปพร้อมกับออฟฟิศเมทโดยไม่ต้องกังวลกับการลงทุนในด้านโลจิสติกส์

คุณ วิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท

แผนธุรกิจใน 5 ปีข้างหน้า ออฟฟิศเมทตั้งเป้าอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี 15%  ภายใต้แนวคิด “Go Further Go Faster”  เดินหน้าสานต่อยุทธศาสตร์กลุ่มเซ็นทรัลในการก้าวสู่ผู้นำดิจิ-ไลฟ์สไตล์แพลตฟอร์ม (Digi-Lifestyle Platform)  ออฟฟิศเมทพร้อมเดินเครื่องเต็มรูปแบบสู่การเป็นผู้นำตลาด B2B Solutions ที่เน้นจุดเด่นการบริการลูกค้าแบบ Omnichannel และพร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจไทย ด้วยงบการลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างคลังสินค้าไฮเทคอัจฉริยะแห่งใหม่ บนถนนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นพื้นที่โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ตามแผนยุทธศาสตร์ภายใต้ “ไทยแลนด์ 4.0”คุณ วิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ออฟฟิศเมท

หลังจากนั้นทาง OfficeMate ก็ได้เชิญเหล่าผู้สื่อข่าวเดินเยี่ยมชมคลังสินค้า ซึ่งภายในคลังสินค้านี้ก็ได้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี และมาพร้อมเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมายที่นำเข้าจากต่างประเทศโดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วนด้วยกันดังนี้

ASRS (Automated Storage & Retrieval System):

เทคโนโลยีการจัดเก็บสินค้าในแนวสูงบนชั้นวางสูง 12 เมตร เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่เพื่อรองรับสินค้าพร้อมขายสูงสุดมากกว่าเดิมถึง 5 เท่า ด้วยพื้นที่จัดเก็บจำนวน 10 แถว 21 คูหา 28 ชั้น ที่สามารถจุกล่องที่ใช้ในการจัดเก็บสินค้าขนาดกว้าง 25-45 ซ.. ลึก 23-60 ซ.ม. สูง 9-50 ซ.ม. ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 25 กิโลกรัม ได้กว่า 30,000 รายการ (ขึ้นอยู่กับขนาดกล่อง) และทำงานด้วยแขนกลอัจฉริยะแบบแขนคู่ที่สามารถหยิบสินค้าได้ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งซ้ายและขวา ทำให้สามารถหยิบและจัดเก็บสินค้าได้อย่างรวดเร็ว

โดย ASRS นี้นั้นจะเป็นระบบที่ทำงานรวมกับระบบ WMS (Warehouse Management System) อีกระบบสำคัญที่จะเป็นการนำสินค้าลงมาให้พนักงานจัดสินค้าตามคำสั่งซื้อ พร้อมนำสต็อคสินค้าที่เหลือขึ้นไปเก็บโดยอัตโนมัติ โดยคำนวณพื้นที่จัดเก็บเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมไปถึงการคำนวณพื้นที่ช่องจัดเก็บตามขนาดกล่องสินค้า คำนวณเรื่องระยะทาง และเวลา เพื่อนำไปจัดเก็บในจุดที่ใกล้ที่สุด โดยใช้เวลาน้อยที่สุด เพื่อเตรียมพร้อมรองรับคำสั่งถัดไปทันที ด้วยความเร็วในแนวราบ 250 เมตรต่อนาที และแนวดิ่ง 110 เมตรต่อนาที ซึ่งอีกจุดที่สำคัญคือ ทั้งหมดนี้สามารถทำงานได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการคำสั่งซื้อ ทำให้จัดส่งสินค้าได้ตามมาตรฐานการจัดส่ง (พร้อมลดโอกาสการโดนโยนสินค้าระหว่างขนส่ง) ทำให้สามารถรองรับคำสั่งซื้อได้เพิ่มขึ้น แถมยังลดเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ B2B ได้ในอนาคต

I-PACK (Automatic Forming & Packing System):

อีก 1 ระบบที่เป็นจุดเด่นของคลังสินค้านี้คือ ระบบการแพ็คกล่องอัตโนมัติ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ฟังก์ชั่นด้วยกันคือ

  • การขึ้นรูปกล่อง:

  • ระบบการขึ้นรูปกล่องและติดบาร์โค้ดอย่างรวดเร็วด้วยระบบ Automatic Forming System ที่ทำได้ถึง 12 กล่องต่อนาที ซึ่งนอกจากทำให้ทุกกล่องแข็งแรงแล้ว ยังออกมาได้มาตรฐานเดียวกันอีกด้วย

  • การแพ็ค:

  • มีระบบ Automatic Packing System ที่ช่วยในการปิดกล่องสินค้าอัตโนมัติ โดยทำงานพร้อมกับสมาร์ทเซ็นเซอร์อัจฉริยะ สามารถวัดความสูงและปรับขนาดกล่องให้พอดีกับสินค้าที่บรรจุได้ เพื่อลดช่องว่างภายในกล่อง แล้วจึงทำการพับ และปิดฝากล่องให้พอดีกับสินค้า ซึ่งสามารถทำงานได้ปริมาณมากกว่า 10 กล่องต่อนาทีรวมติดบาร์โค้ด และยังสามารถตรวจสอบความครบถ้วนของสินค้าด้วยการคำนวณน้ำหนักสินค้าในกล่องอย่างแม่นยำ ซึ่งถ้ากล่องไหนเกิดมีสินค้าไม่ครบถ้วนจะถูกแยกออกทันที่เพื่อทำการตรวจสอบ ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าของออฟฟิศเมทว่าจะได้รับสินค้าครบถ้วน พร้อมส่งถึงมือในวันทำการถัดไป

UNI-SHUTTLE:

อีก 1 เทคโนโลยีการจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติเพื่อรอการนำส่งไปยังจังหวัดต่าง ๆ โดยจะทำงานร่วมกับระบบ Route Planning เพื่อคำนวณเส้นทางการจัดส่งที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งเทคโนโลยี Uni-Shuttle นี้มีระบบอัตโนมัติในการจัดเรียงสินค้าเพื่อรอนำส่ง โดยมีการคำนวนพื้นที่จัดเก็บอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมีพื้นที่ในการรองรับสินค้าพร้อมส่งได้มากถึง 12,000 กล่อง

การทำงานของเทคโนโลยี Uni-Shuttle นี้จะต้องทำงานร่วมกับระบบ Route Planning ซึ่งเป็นโปรแกรมวางแผนเส้นทางการจัดส่งตามระยะทางและความสามารถบรรทุกของรถ โดยทำการ “คัดกรอง รวมกลุ่ม และลำเลียงสินค้า” เพื่อเตรียมจัดส่งด้วยความเร็วในการค้นหาสินค้า 300 เมตรต่อนาที รวมถึงใช้การคำนวนพื้นที่ภายในรถขนส่งออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำการเข้าไปดึงเอากล่องสินค้าที่รอนำส่งใกล้ ๆ กัน แล้วนำมาขึ้นรถที่จะส่งไปยังพื้นที่เดียวกัน ลดความวุ่นวายในการส่งสินค้าและประหยัดต้นทุนด้านการขนส่งอย่างมาก

ซึ่งตัวเครื่อง Uni-Shuttle นั้นมีช่องทางในการลำเลียงสินค้าออก 8 ช่อง ครอบคลุมจุดจ่ายสินค้าได้มากถึง 48 ช่องในเวลาเดียวกัน  ลดเวลาการขนถ่ายสินค้าเพื่อให้จัดส่งสินค้าถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น มั่นใจว่าลูกค้ากว่า 99% จะได้รับสินค้าที่ถูกต้อง ครบถ้วน อย่างรวดเร็ว ตามมาตรฐานการบริการ

TMS (Transportation Management System)

ระบบ TMS นี้ถือเป็นหัวใจหลักสำคัญของการส่งสินค้าของ OfficeMate ซึ่งนี่ถือว่าเป็นระบบบริหารการจัดส่งอย่างมืออาชีพตามมาตรฐานสากล ด้วยเทคโนโลยี Delivery Tracking โดยจะสามารถติดตามพนักงานโดยการ Track จากหมายเลขประจำตัวของพนักงาน และทะเบียนรถได้ เพื่อตรวจสอบจำนวนและรายการคำสั่งซื้อที่ต้องจัดส่งในแต่ละวัน ซึ่งพนักงานจัดส่งจะอัพเดตสถานะการจัดส่งผ่านมือถือหรือแท็บเล็ต เพื่อรายงานผลการจัดส่งแบบ Real time ทำให้ผู้ควบคุมงานสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งของรถแต่ละคันได้ทันทีผ่านจอแสดงผล Dash Board และยังสามารถติดตาม ควบคุมงาน พร้อมช่วยในการตัดสินใจได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุขัดข้องในด้านการจัดส่ง เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการยกระดับมาตรฐานการจัดส่ง

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้จากความตั้งใจที่ OfficeMate ต้องการพัฒนาขีดความสามารถในด้าน Logistic เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อสินค้าที่ดีที่สุด สะดวกที่สุด และในอนาคตคลังสินค้านี้ก็จะกลายเป็นเสมือนคลังสินค้าสำหรับร้านค้าแฟรนไชน์ และธุรกิจต่าง ๆ ที่อยากจะเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจที่พร้อมจะเคียงข้างและเติบโตไปด้วยกันกับธุรกิจไทย

แชร์โพสนี้

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...