โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สงครามการค้ากระทบโลก! สมาคมสื่อไทย-จีน ถกอนาคตการค้าสองชาติ

เดลินิวส์

อัพเดต 21 มิ.ย. เวลา 03.48 น. • เผยแพร่ 20 มิ.ย. เวลา 20.48 น. • เดลินิวส์
สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีนจัดบรรยายพิเศษ 'สงครามการค้ากับระเบียบโลกที่เปลี่ยนไป' ถกอนาคตการค้าไทย-จีน

เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2568 สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีนได้จัดการบรรยายในหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 (บทจ.2) และ หลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีน รุ่นที่ 2 (Young Executive Program 2) ทั้ง 2 หลักสูตร โดยมีกรรมการบริหารสมาคมฯ สื่อมวลชน ผู้บริหาร และ ผู้เข้าเรียนในหลักสูตร กว่า 100 คน เข้าร่วมงาน ณ ห้องเพชรชมพู ชั้น 3 โรงแรมดิ เอมเมอรัลด์ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร

ซึ่งหลักสูตรนี้จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน สถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย-จีน ร่วมกับหอการค้าไทย-จีน ได้รับการสนับสนุนจาก สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และ รายการจับจ้องมองจีน China Media Group จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมให้กับตัวแทนภาครัฐ นักธุรกิจ สื่อมวลชนไทย-จีน ในการรับมือกับพลวัตของเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

โดยในครั้งนี้ ดร.ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ได้บรรยายในหัวข้อ “สงครามการค้ากับระเบียบโลกที่เปลี่ยนไป” ซึ่งได้นำเสนอภาพรวมและความท้าทายต่างๆ ที่เกิดจากการกระทบกระทั่งกันของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งฉายภาพบทบาทสำคัญของประเทศไทยในยุคที่เศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่

โลกในศตวรรษที่ 21 กำลังก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญสู่ระเบียบโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยพลวัต ไม่ว่าจะเป็นในด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยี ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ได้ยึดโยงอยู่กับแค่มหาอำนาจเพียงหนึ่งหรือสองประเทศอีกต่อไป แต่กำลังก้าวเข้าสู่โครงสร้าง "โลกหลายขั้ว" (Multipolar World) ที่ไม่ได้มีเพียงจีนกับสหรัฐอเมริกาเท่านั้น หากแต่รวมถึงกลุ่มภูมิภาคและประเทศสำคัญอื่นๆ เช่น อาเซียน อินเดีย ละตินอเมริกา หรือแม้กระทั่งกลุ่มความร่วมมืออย่างบริกส์ (BRICS) ที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ความตึงเครียดทางการค้ากำลังเปลี่ยนสู่การแข่งขันของมหาอำนาจในการกำหนดกติกาและทิศทางของโลก

โดยปัจจุบันสหรัฐอเมริกากำลังพยายามดึงดูดการลงทุนกลับประเทศอย่างจริงจัง โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง และเซมิคอนดักเตอร์ ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ Reshoring หรือการย้ายฐานการผลิตหรือซัพพลายเชนจากต่างประเทศกลับมายังสหรัฐอเมริกา, Friendshoring หรือการย้ายการผลิตไปยังประเทศพันธมิตรที่น่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจและการเมือง เพื่อลดการพึ่งพาคู่แข่ง และ Nearshoring ซึ่งหมายถึงการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่อยู่ใกล้ตลาดหลัก เพื่อให้บริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดต้นทุนมากยิ่งขึ้น

ปัจจัยหลักที่กำหนดบริบทโลกในปัจจุบัน ได้แก่ ความร่วมมือทางการค้าผ่านกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศที่หลากหลายและซับซ้อน เช่น WTO (องค์การการค้าโลก), FTA (ความตกลงการค้าเสรี), RCEP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค), CPTPP (ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก) ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและกำหนดทิศทางการค้าโลก รวมถึงความตึงเครียดระหว่างมหาอำนาจ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ได้ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสมดุลทางเศรษฐกิจโลก ทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกต้องเร่งปรับกลยุทธ์ด้านการค้า การลงทุน และการผลิตใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยขัดแย้งหลักในเวทีโลก ซึ่งรวมถึงการแย่งชิงความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีขั้นสูง (เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์), การแข่งขันด้านการลงทุนในพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นพลังงานแห่งอนาคต, และความพยายามในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและซัพพลายเชนของตนเอง เพื่อลดการพึ่งพาจากภายนอก

ในบริบทที่ไม่แน่นอนและซับซ้อนนี้ ประเทศไทยในฐานะประเทศขนาดกลางที่มีความเชื่อมโยงสูงกับเศรษฐกิจโลก ต้องปรับบทบาทและวางจุดยืนทางยุทธศาสตร์ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพ สร้างความแข็งแกร่ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีโลกอย่างยั่งยืน โดยต้องกำหนดจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของชาติอย่างชัดเจน ด้วยการวางตำแหน่งประเทศไทยให้เป็น "ศูนย์กลางความมั่นคงทางอาหาร" หรือ "ฮับการผลิตและโลจิสติกส์ของอาเซียน" รวมถึงการกำหนดจุดแข็งของตนเอง เช่น Soft Power ด้านวัฒนธรรม อาหาร และการท่องเที่ยว โดยยึดหลักผลประโยชน์ของชาติ ความยั่งยืน และความสมดุลในการดำเนินนโยบายระหว่างขั้วอำนาจต่างๆ อย่างชาญฉลาด การพัฒนาเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับทิศทางโลกก็เป็นสิ่งสำคัญ ด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) อย่างจริงจัง, ยกระดับมาตรฐาน ESG (Environmental, Social, Governance) ให้เป็นสากล, และพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) และความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกและผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น

พร้อมกันนี้ต้องกระจายความเสี่ยงในตลาดและซัพพลายเชน ลดการพึ่งพาตลาดหลัก เช่น สหรัฐอเมริกา หรือจีนเพียงรายเดียว เสริมบทบาทของไทยในอาเซียนให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า และความมั่นคง เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและลดการพึ่งพามหาอำนาจ ตลอดจนเร่งเจรจาและขยาย FTA กับประเทศหรือกลุ่มเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างหลากหลาย เพื่อเปิดตลาดใหม่ๆ และลดความเสี่ยง นอกจากนี้ การเสริมสร้างศักยภาพภายในประเทศเป็นสิ่งจำเป็น ด้วยการยกระดับแรงงานให้มีทักษะตรงกับความต้องการของโลกยุคใหม่ ซึ่งเน้นทักษะดิจิทัลและเทคโนโลยี รวมถึงการเตรียมการเพื่อรับมือกับความผันผวนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ความล่าช้าด้านวัตถุดิบ ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และการเปลี่ยนแปลงทางภาษี ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ

ภายใต้ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก จีนซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย ยังคงมีบทบาทสำคัญและเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่ขาดไม่ได้สำหรับประเทศไทย เป็นที่คาดการณ์ว่าในปี 2025 มูลค่าการค้าโลกอาจหดตัวลงร้อยละ 0.2 และหากสถานการณ์กำแพงภาษียังคงยืดเยื้อ อาจหดตัวได้มากถึงร้อยละ 1.5 ซึ่งความไม่แน่นอนนี้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการส่งออกสูง อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือกับจีนยังคงเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้ประเทศไทยได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมโยงสู่ตลาดโลกขนาดใหญ่ หรือการเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอาเซียน โดยไทยตั้งอยู่ใจกลางอาเซียน ทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก สามารถเชื่อมโยงจีน-เอเชียใต้-ตะวันออกกลาง และเป็น “ฮับโลจิสติกส์-ศูนย์กลางการแปรรูป” ที่สำคัญได้ ไทยควรกระจายความเสี่ยงโดยการขยายตลาดส่งออก และเร่งเจรจา FTA ที่สำคัญ เช่น Thai-EU FTA และ CPTPP เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้า ประกอบกับการที่จีนใช้นโยบายเศรษฐกิจ Dual Circulation และยุทธศาสตร์ BRI เพื่อกระชับความเชื่อมโยงในภูมิภาค ไทยจึงอาจได้รับโอกาสทั้งการค้าและการลงทุนจากนโยบายเหล่านี้ของจีน

นอกจากนี้ จีนยังถือเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ของไทย โดยเฉพาะในด้านพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญของโลกในอนาคต เศรษฐกิจไทยจึงต้องเร่งปรับตัว ลดการพึ่งพาตลาดเดิม เสริมความร่วมมือกับจีนอย่างสมดุล พร้อมใช้โอกาสพิเศษในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อผลักดันการเติบโต โดยความร่วมมือกับจีนควรอยู่บนพื้นฐานของ “หุ้นส่วนที่เท่าเทียมกัน” เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันอย่างยั่งยืนและเป็นธรรม ดร.ณรงค์ศักดิ์ได้เสริมว่า ประเทศไทยต้องสร้าง “ภูมิคุ้มกันเชิงนโยบาย” ที่แข็งแกร่ง ทั้งในมิติของการเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี นวัตกรรม และการพัฒนาบุคลากร เพื่อพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมเสริมสร้างความยืดหยุ่นของระบบเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและโปร่งใส และถึงแม้เศรษฐกิจโลกอาจอยู่ในช่วงขาลง แต่ไม่ใช่ทุกอุตสาหกรรมจะได้รับผลกระทบ อาหารยังคงเป็นสิ่งจำเป็นพื้นฐาน และยังมีโอกาสอีกมาก หากประเทศไทยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรได้ เช่น การแปรรูปข้าวไทยให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นและตอบโจทย์ตลาดโลกได้หลากหลายยิ่งขึ้น

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

“สภาอุตฯ” ขอรัฐบาลหนุนสินค้า “made in thailand” ช่วยผู้ประกอบการไทยอยู่ได้

44 นาทีที่แล้ว

“ผีแดง” อัพข้อเสนอซื้อ “เบอโม” 70 ล้านปอนด์

50 นาทีที่แล้ว

‘ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยูร’ ปัดข่าวค้นกุฏิเจ้าอาวาส ยัน ‘ปปป.’ ตรวจบัญชีเงินวัดโปร่งใส

52 นาทีที่แล้ว

‘ทักษิณ’ซัด‘ผู้นำกัมพูชา’ไร้จริยธรรม งง คนไทยเชื่อ

56 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

“ทักษิณ” ยันไม่เปลี่ยนรัฐบาล-นายกฯ

สำนักข่าวไทย Online

ศาลปกครอง ยกฟ้อง นพ.สรณ ประธานกสทช. ชี้ใช้อำนาจถูกต้องตามกฏหมายแล้ว

The Better

คาดครึ่งหลังปี 68 ธุรกิจประกันวินาศภัยชะลอตัว จากภาษีทรัมป์-คนชะลอซื้อ EV

สำนักข่าวไทย Online

“ทักษิณ” ชี้ภาษีทรัมป์ทำเศรษฐกิจไทยสะดุด

สำนักข่าวไทย Online

"ชัยชนะ" Kick off โครงการ “NCDs สู่สุขภาพดี มีสิทธิเพิ่ม เขตสุขภาพที่ 9”

สยามรัฐ

หญิงกัมพูชา ชี้่หน้าด่าทหารไทย เปิดใจ ลั่นถูกไทยไล่ ทั้งที่เหยียบอยู่แผ่นดินเขมร

Khaosod

เปิดรายชื่อพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน ช่วงวันที่ 20 - 24 ก.ค. นี้

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

เสี่ยงหลายจังหวัด! เตือนน้ำหลาก-ดินถล่ม 20-24 ก.ค.นี้

Thai PBS

ข่าวและบทความยอดนิยม

‘รู้ทันโรคหัวใจ…ก่อนสายเกินไป’ หมอแนะวิธีรับมือ ‘ฆาตกรเงียบ’ คร่าชีวิตคนไทย

เดลินิวส์

รู้จัก ‘Lucy Guo’ มหาเศรษฐี AI สร้างตัวเองรวยอายุน้อยสุด แซง ‘Taylor Swift’

เดลินิวส์

“วิลลา” เล็งคว้านายด่านลีลล์เฝ้าเสาแทน “มาร์ตีเนซ”

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม
Loading...