โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

ทูน หิรัญทรัพย์ เผยสาเหตุ เคยคิดสั้น ถึงขั้นศึกษาวิธีจากไปแบบไม่เจ็บปวด

สยามนิวส์

อัพเดต 24 มิ.ย. เวลา 07.11 น. • เผยแพร่ 24 มิ.ย. เวลา 07.08 น. • สยามนิวส์
ทูน หิรัญทรัพย์ เผยสาเหตุ เคยคิดสั้น ถึงขั้นศึกษาวิธีจากไปแบบไม่เจ็บปวด

ทูน หิรัญทรัพย์ นักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ ได้เปิดใจกลางรายการ คุยแซ่บShow ถึงประสบการณ์เฉียดตาบอดถาวรจากภาวะความดันตาสูง หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า เบาหวานขึ้นตา ซึ่งเกิดจากทั้งปัจจัยทางพันธุกรรมและพฤติกรรมการกินของตนเอง

ทูนเล่าว่าเริ่มต้นจากอาการบาดเจ็บภายนอกที่ดวงตาจากการที่แว่นตาแตกจนเกิดแผล แต่ต่อมากลับมีอาการปวดร้าวลึกถึงกะโหลกด้านข้าง เมื่อเข้ารับการตรวจจึงพบว่าอาการรุนแรงกว่าที่คิดมาก โดยดวงตาข้างขวาเกิดการอักเสบจากภายในจนสูญเสียการมองเห็น และหากเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อน อาจลุกลามไปยังดวงตาอีกข้างจนถึงขั้นต้องควักลูกตาออกได้

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทูน หิรัญทรัพย์ รู้สึกสิ้นหวังถึงขั้นเคยคิดสั้น ศึกษาหาวิธีจากโลกอย่างไม่เจ็บปวด เพราะรู้สึกว่าตนเองเป็นภาระให้กับคนรอบข้าง แต่ในห้วงเวลาที่มืดมิดนั้น ลูกสาวทั้งสามคน ได้เข้ามาดึงสติและเป็นกำลังใจสำคัญ โดยขอให้เขาอดทนอยู่ให้ทันวันรับปริญญาของพวกเธอ นั่นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขามีทัศนคติใหม่ต่อชีวิต

นักแสดงรุ่นใหญ่เผยว่า การเปลี่ยนวิธีคิดคือสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อเขามองโลกในแง่บวก พฤติกรรมและชีวิตก็เริ่มเปลี่ยนตาม เขาเริ่มมองหาทางออกให้กับปัญหา แทนที่จะจมอยู่กับความสิ้นหวัง และเลือกที่จะเดินหน้าคว้าโอกาสแทนการยอมแพ้ต่ออุปสรรค พร้อมกันนี้ ทูน หิรัญทรัพย์ ยังได้ฝากข้อคิดอันทรงคุณค่าไว้ว่า ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็จะผิดทั้งแถว ซึ่งหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ด้วยใจที่เข้มแข็งและถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการก้าวผ่านทุกปัญหา

เรียบเรียงเนื้อหาโดย สยามนิวส์

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...