โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

กต.เชิญทูตอาเซียน-ภาคีออตตาวา ฟังสรุปพร้อมดชว์หลักฐานกัมพูชาวางทุ่นระเบิด ก่อนลงพื้นที่จริงพรุ่งนี้

Manager Online

เผยแพร่ 15 ส.ค. เวลา 08.29 น. • MGR Online

กต.เชิญคณะทูตอาเซียนและภาคีอนุสัญญาออตตาวา ฟังบรรยายสรุปกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ ย้ำไทยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ เตรียมพาคณะลงอุบลฯ-ศรีสะเกษพรุ่งนี้ เก็บข้อมูลพิจารณาทบทวนให้ความช่วยเหลือเขมรเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมทั้งกดดันให้รับผิดชอบ

วันนี้(15 ส.ค.) กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ เกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยกัมพูชา หลังหลังการประชุม นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงว่า การบรรยายสรุปในวันนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ข้อเท็จจริง กรณีที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลให้ทหารไทยหลายนายได้รับบาดเจ็บถึงขั้นทุพพลภาพถาวร และสร้างความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณชายแดน พร้อมทั้งชี้แจงข้อมูลข้อเท็จจริงและเหตุผลเกี่ยวกับการดําเนินการของไทยในเรื่องนี้

การบรรยายสรุปในครั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนและภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา รวมทั้งผู้แทนองค์การระหว่างประเทศและองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยมีผู้เข้าร่วมรับฟังประกอบไปด้วยเอกอัครราชทูตหรือผู้แทนจากทั้งหมด 41 ประเทศ และ 4 องค์การระหว่างประเทศ รวมทั้งสิ้น 67 คน

โดยมีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยู่ที่ประเทศจีนเพื่อเป็นประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง (Mekong - Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 ที่เมืองอันหนิง กล่าวเปิดประชุมผ่านวีดีโอคอล จากนั้นเป็นการบรรยายสรุปของนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจํากระทรวงการต่างประเทศ ตามด้วย พลโท ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร พร้อมผู้แทนหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรม หรือ TMAC นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และนางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ

นายนิกรเดช กล่าวว่า สำหรับประเด็นสําคัญจากการบรรยายครั้งนี้สรุปได้ 6 เรื่องด้วยกัน ได้แก่

ประเด็นที่ 1.ประเทศไทยยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด รวมถึงพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาออตตาวาในการกําจัดทุ่นระเบิดให้หมดไป ทั้งด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยและด้านมนุษยธรรมสําหรับประชาชน

จนถึงปัจจุบันไทยได้เก็บกู้พื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 99.5% ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางกิโลเมตร และยังให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้สามารถดํารงชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีนะครับ

ประเด็นที่ 2.ในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา ทหารไทยต้องเหยียบกับระเบิดที่วางโดยฝ่ายกัมพูชาแล้ว 5 ครั้ง เมื่อวันที่ 16 วันที่ 23 และ 28 กรกฎาคม และล่าสุดเมื่อวันที่ 9 และ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ทุพพลภาพถาวร 5 ท่าน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลัก 10 คน

ฝ่ายไทยมีหลักฐานเชิงประจักษ์ ที่บ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดที่พบในบริเวณชายแดนเป็นทุ่นระเบิดประเภท PMN2 ที่ถูกนํามาวางใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่เป็นมรดกจากสงครามในอดีตที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวอ้าง

“ผมต้องขอย้ําอีกครั้งว่าฝ่ายไทยไม่มีทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในครอบครองแล้วนะครับ” นายนิกรเดช กล่าว

ประเด็นที่ 3.ประเทศไทยได้ดําเนินการประท้วงกัมพูชาในช่องทางต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการดําเนินการตามกรอบอนุสัญญาออตตาวา ส่งหนังสือประท้วงไปอย่างเลขาธิการสหประชาชาติ ประท้วงไปยังประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ โดยไทยประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดอธิปไตย เป็นการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ รวมทั้งยังเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตาวา ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นภาคี

อีกทั้งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่กําหนดให้ประเทศทั้ง 2 ยุติการใช้อาวุธทุกชนิด รวมถึงทุ่นระเบิดสังหารบุคคลด้วยนะครับ

ประเด็นที่ 4.กัมพูชาปฏิเสธที่จะหารือเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวมถึงการปราบปรามการหลอกลวงทางออนไลน์ตามที่ไทยเคยเสนอในการประชุม GBC สมัยวิสามัญที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติการณ์ที่ไม่สุจริตใจและไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชาประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทําที่ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และข้อตกลงหยุดยิงโดยทันที แสดงความจริงใจที่จะฟื้นฟูสันติภาพบริเวณชายแดน และหันกลับมาร่วมมือกับไทยในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดน

ประเด็นที่ 5. ประเทศไทยหวังว่าประเด็นเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด จะได้รับการพิจารณาในการประชุม RBC และ GBC ที่กําลังจะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและการดํารงชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง

ประเด็นที่ 6. ในวันพรุ่งนี้ วันที่ 16 สิงหาคม 2568 กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดให้คณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียน รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา และผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคมที่มีภารกิจด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดรวมทั้งสื่อมวลชนไทย และสื่อมวลชนต่างประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อสังเกตความเสียหายสังเกตการณ์ความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา

ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้จะได้นําหลักฐานเชิงประจักษ์ต่างๆ กลับมากลับไปพิจารณาทบทวนให้ความช่วยเหลือแก่กัมพูชาในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดอย่างรอบคอบ รวมทั้งกดดันให้กัมพูชาในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาแสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้

“ผมขอถือโอกาสนี้ ย้ำอีก 2 ประเด็นนะครับว่า หนึ่ง ไทยยังยืนยันความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาเขตแดนและความตึงเครียดต่างๆ กับกัมพูชาโดยสันติวิธีผ่านกลไกทวิภาคีที่เรามีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอาร์บีซี จีบีซี หรือ เจบีซี นะครับ ไทยจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงด้วยความจริงใจและความสุจริตใจ และเราก็คาดหวังในทางเดียวกันนะครับ ให้กัมพูชาแสดงความจริงใจและสุจริตใจในกลไกเหล่านี้เหมือนกัน

“ข้อ 2 นะครับ ฝ่ายไทยขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร ซึ่งนอกจากจะขัดต่อเงื่อนไขการข้อตกลงหยุดยิงที่กําหนดให้งดเว้นการแพร่ข้อมูลเท็จ หรือข่าวปลอมแล้ว ยังไม่เป็นผลดีต่อการสร้างภาวะที่เอื้อแก้ไขปัญหาและลดความตึงเครียดที่มีอยู่” นายนิกรเดชกล่าว

สำหรับคำกล่าวผ่านระบบวิดีโอคอลของนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีใจความว่า วัตถุประสงค์ของการบรรยายสรุปคือเพื่อให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ทุ่นระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชาแก่ประเทศสำคัญ ๆ และองค์กรระหว่างประเทศภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดต่อต้านบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ตลอดจนประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวที่จัดตั้งขึ้นตามการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 16 สมัยวิสามัญ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ และประเทศผู้สังเกตการณ์และองค์กรอื่น ๆ

เป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้วที่ประเทศไทยได้ยึดมั่นในพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ จวบจนถึงปัจจุบัน เราได้กอบกู้และส่งคืนพื้นที่มีการวางทุ่นระเบิดกว่าร้อยละ 99 ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 2,500 ตารางกิโลเมตร กลับคืนสู่ชุมชนของเรา อีกทั้งได้ดำเนินการและยังคงให้ความช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากทุ่นระเบิด เพื่อให้พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีและปกติสุข

ความพยายามร่วมกันของประชาคมระหว่างประเทศในการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านมนุษยธรรมจากทุ่นระเบิดได้รุดหน้าไปมากแล้ว และนี่คือเหตุผลที่เหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชาจึงสร้างความสะเทือนขวัญให้กับพวกเราอย่างมาก และย้ำเตือนเราอีกครั้งว่าไม่ควรมีพื้นที่หรือเหตุผลใด ๆ ในการใช้อาวุธชนิดนี้อีกต่อไป

เมื่อวันพฤหัสบดี(7 สิงหาคม) ที่ผ่านมา ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้มีการตกลงหยุดยิง ซึ่งไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนี้โดยสมบูรณ์

แต่เป็นที่น่าเศร้าใจที่ไม่ถึง 5 วันหลังจากการประชุมฯ ก็เกิดเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดอีกสองครั้ง โดยหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจนว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่โดยกัมพูชา

เหตุการณ์ทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่ากัมพูชายังคงจงใจละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรงและข้อตกลงหยุดยิงที่ตกลงกันไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยิ่งไปกว่านั้น กัมพูชายังจงใจละเมิดพันธกรณีหลักภายใต้อนุสัญญาออตตาวาอีกด้วย

ประเทศไทยขอประณามการกระทำเหล่านี้อย่างรุนแรงที่สุด การกระทำเหล่านี้บ่อนทำลายความสมบูรณ์ของอนุสัญญาออตตาวา และเจตนารมณ์ของปฏิญญาเสียมราฐ-อังกอร์ ซึ่งได้รับการรับรองภายใต้การปกครองของกัมพูชาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2567

การกระทำเหล่านี้ยังถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งเป็นหลักการที่ผมเชื่อว่าทุกท่านในที่นี้ยึดมั่นอยู่

ก่อนเกิดสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา นายกรัฐมนตรีไทยได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเกี่ยวกับปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ให้ความเห็นชอบแล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชาได้ชะลอการดำเนินการ ซึ่งมาตรการเหล่านั้น หากดำเนินการก็อาจสามารถป้องกันความสูญเสียอันน่าเศร้าที่เพิ่งเกิดขึ้นได้

ที่สำคัญกว่านั้น ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาพยายามขัดขวางการปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดของไทยตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แม้จะมีการเรียกร้องให้ปฏิบัติตามและร่วมมืออย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายที่กัมพูชาไม่ได้ตอบสนอง

ข้อกังวลเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญโดยตรงต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อชุมชนนานาชาติ โดยเฉพาะผู้บริจาคที่ให้การสนับสนุนกัมพูชาด้วยความจริงใจอีกด้วย

ดังนั้น ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้แน่ใจว่ากัมพูชาจะหยุดการใช้ทุ่นระเบิดอย่างไร้มนุษยธรรม และปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายภายใต้อนุสัญญาออตตาวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด

ดังที่ท่านทราบ ประเทศไทยได้แจ้งเรื่องนี้ต่อเลขาธิการสหประชาชาติ และผ่านทางเลขาธิการฯ เพื่อขอคำชี้แจงจากกัมพูชาตามมาตรา 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาออตตาวา เราจะดำเนินการเรื่องนี้ต่อไป

เราขอเรียกร้องประเทศสมาชิกอาเซียน - ในฐานะคณะสังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team) ให้พิจารณาประเด็นนี้อย่างถี่ถ้วนในการไปสำรวจพื้นที่ในอนาคต เพื่อที่บริเวณชายแดนจะปลอดภัยเพื่อประโยชน์ของพลเรือนของทั้งสองประเทศ

“ผมยังอยากขอเชิญท่านร่วมการลงพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันพรุ่งนี้ เพื่อ สังเกตการณ์สถานการณ์ทุ่นระเบิดด้วยตัวท่านเอง

“สุดท้ายนี้ ผมขอยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยต่อพันธกรณีตามอนุสัญญาออตตวา และการหยุดยิง รวมทั้งขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายสรุปในวันนี้ครับ” นายมาริษกล่าว

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...