ส.อ.ท.-หอการค้าประสานเสียง ขอรัฐบาลใหม่อำนาจเต็ม
หอการค้าฯ-ส.อ.ท.ประสานเสียงรัฐบาลใหม่ในฝัน ขอแบบเสียงข้างมาก บริหารอำนาจเต็ม มี รมว.คนนอกร่วมทีม เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สร้างโอกาสการค้า การส่งออก รื้อทิ้ง กม.ล้าสมัย ด้านพลังงานวอนรัฐทำแผน PDP เสร็จให้ทันปี 2026 ชี้ล่าช้าเสียเวลามา 7 ปีแล้ว หวั่นเอกชนปรับตัวรับพลังงานสีเขียวไม่ทันการณ์
หอการค้าฯขอรัฐบาลเสียงข้างมาก
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการเห็นภาพของรัฐบาลชุดใหม่ในปี 2569 ภายหลังจากที่มีการเลือกตั้งแล้ว คือรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม มีเสถียรภาพในกรอบของการทำงานอย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่มีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลและนโยบายสำคัญ โดยเฉพาะในการผลักดันให้เศรษฐกิจของไทยเดินหน้าและเติบโตไปได้ การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทยและต่างชาติ รวมไปถึงการเจรจากรอบการค้าต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสการค้า การส่งออกให้กับประเทศไทย
“ความชัดเจนเรื่องของการยุบสภาเป็นสิ่งที่เอกชนให้ความสนใจอย่างมาก ว่าจะมีการดำเนินการเมื่อไหร่ และให้กรอบการจัดการเลือกตั้งที่ชัดเจน และต้องการให้ได้รัฐบาลที่มีเสียงข้างมาก เพราะการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยย่อมมีความสุ่มเสี่ยงในการทำงาน”
ทั้งนี้ เมื่อได้รัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลใหม่เดินหน้าและสร้างความชัดเจน คือเรื่องของการเจรจาภาษีสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันการเดินหน้ามีความคืบหน้าไปในทิศทางที่ดี ก็ต้องการให้เกิดข้อสรุปด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจนมากขึ้น รวมไปถึงการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-อียู เพื่อสร้างโอกาสทางการแข่งขัน เพราะปัจจุบันเราสูญเสียตลาดส่งออกยุโรปไปมาก
หากเป็นไปได้ก็ต้องการให้มีการเร่งเจรจาให้เกิดเป็นข้อตกลงโดยเร็ว และความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดไทย-ญี่ปุ่น หรือ เจเทปป้า (JTEPA) ก็อยากให้มีการทบทวนข้อตกลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตลาดญี่ปุ่นเองก็เป็นตลาดสำคัญของไทย อีกทั้งการสร้างสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและการลงทุน ประกอบกับสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น
ขณะที่ปัญหาการค้าชายแดนแม้จะเสียหายเยอะ โดยเฉพาะไทย-กัมพูชา แต่เอกชนก็ยังให้ความมั่นคงของประเทศเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ต้องเร่งสร้างโอกาสการค้า การส่งออกให้กลับมา ส่วนภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2569 ก็ยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับ กกร.ที่ประเมินไว้ จีดีพีไทยโต 1.6-2% ส่งออกลดลง 1.5-0.5%
อยากให้มี รมว.คนนอก
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เอกชนคาดหวังว่าจะเห็นรัฐบาลใหม่ที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการบริหารจัดการ แก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างจริงจัง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหนักทุกครั้ง นอกจากนี้ อยากเห็นรัฐบาลที่มีรัฐมนตรีคนนอกร่วมอยู่ด้วยอีกครั้ง อยากให้สร้างบรรยากาศการลงทุนด้วยการปรับปรุง แก้ไข และตัดกฎหมายที่ล้าสมัย ที่เป็นอุปสรรคการลงทุน เช่น กรณีการอนุมัติ อนุญาตประกอบธุรกิจ Ease of Doing Business
เร่งแผน PDP ให้เสร็จปีหน้า
นายอาทิตย์ เวชกิจ นายกสมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (RE 100) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลชุดใหม่ ภาคพลังงานมีความคาดหวังอย่างยิ่งให้แผนพลังงานชาติ (National Energy Plan : NEP) ซึ่งประกอบด้วย 5 แผนย่อย ได้แก่ แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) แผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก (AEDP) แผนอนุรักษ์พลังงาน (EEP) แผนก๊าซธรรมชาติ (Gas Plan) และแผนน้ำมัน (Oil Plan) จัดทำแล้วเสร็จและประกาศใช้อย่างเป็นทางการโดยเร็ว
โดยเฉพาะ PDP ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบไฟฟ้าประเทศ จำเป็นต้องเดินหน้าควบคู่กันไป เนื่องจากประเทศไทยไม่มีแผนพลังงานฉบับใหม่มานานกว่า 7 ปี ทำให้ทุกภาคส่วนต้องเร่งรัดจัดทำอย่างเต็มที่ ภายใต้กรอบระยะเวลาที่ค่อนข้างเร่งด่วน ทั้งนี้ คาดว่าแผน PDP ฉบับใหม่จะแล้วเสร็จภายในปลายเดือนมกราคม 2569 จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป
อย่างไรก็ดี ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองก่อนที่แผนพลังงานชาติฉบับสมบูรณ์จะประกาศใช้ รัฐบาลรักษาการและรัฐบาลชุดใหม่ควรสานต่อกระบวนการจัดทำแผนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดการชะลอหรือสะดุด แม้แผนพลังงานชาติจะไม่ต้องใช้งบประมาณจากภาครัฐ แต่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และความเร่งด่วนสูงมากต่อทิศทางพลังงานของประเทศ
นอกจากนี้ รัฐบาลควรเร่งผลักดันการเพิ่มสัดส่วนพลังงานสีเขียว (Green Energy) ให้มากที่สุด เพื่อให้สอดคล้องกับกรอบข้อตกลงตามเวทีการประชุมสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 30 (COP30) ที่ผ่านมา รวมถึงเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ควบคู่กับการรักษาระดับราคาที่สามารถแข่งขันได้ในตลาด
“ความกรีน ความมั่นคง และราคาที่เหมาะสม ตอนนี้เราชั่งน้ำหนักแล้วว่ามันพอ ๆ กัน เทคโนโลยีในวันนี้เราสามารถทำทั้งความมั่นคง แต่ราคาไม่แพง ควบคู่กันได้” นายอาทิตย์กล่าว
ห่วงพลังงานสีเขียวล่าช้า
แหล่งข่าววงการพลังงานเปิดเผยว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลชุดใหม่ ภาคพลังงานยังไม่เห็นทิศทางความคาดหวังที่ชัดเจน เนื่องจากแผนพลังงานระดับชาติ ซึ่งเป็นกรอบสำคัญต่อการกำหนดทิศทางพลังงานไทยในอนาคตยังไม่แล้วเสร็จ และยังไม่ถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการ แม้จะมีการเริ่มต้นจัดทำมาตั้งแต่ปี 2024 แต่จนจะก้าวเข้าสู่ปี 2026 ก็ยังไม่เห็นความคืบหน้าที่นำไปสู่ประกาศใช้จริง
ขณะนี้แผนพลังงานชาติ (NEP) ยังไม่เกิดขึ้น เนื่องจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยความคืบหน้าล่าสุดคือ การตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผน PDP ฉบับใหม่ โดยมีนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เป็นประธาน ซึ่งกลไกการจัดตั้งบอร์ดชุดนี้จะไม่ล้มเลิก แม้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จึงหวังว่าหากมีการยุบสภาและมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศยังสามารถเดินหน้าจัดทำแผน PDP ได้ต่อเนื่องไม่สะดุด
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดปัจจุบันได้ประกาศเร่งเป้าหมายการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) เร็วขึ้นอีก 15 ปี จากเดิมปี 2065 เหลือปี 2050 ทำให้ทุกกระบวนการด้านพลังงานจำเป็นต้องเร่งรัดและ “Fast Track” มากขึ้น ทั้งการเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน (RE Plan) การเปิดเสรีไฟฟ้าผ่านระบบ Third Party Access และการเดินหน้า Direct PPA เพื่อให้ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดสามารถขายไฟโดยตรงให้ผู้ใช้ไฟรายใหญ่ได้โดยเร็ว หากไทยไม่เร่งดำเนินการก็จะกระทบภาพรวมความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในระยะยาว
“กลุ่มพลังงานเดิมกำลังมุ่งเข้าสู่พลังงานสีเขียวมากขึ้น แต่ก็ยังคงต้องรักษาพลังงานพื้นฐานเอาไว้ เพราะมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานอย่าง ท่าเรือ ท่อส่งแก๊ส เรือบรรทุก โรงไฟฟ้าเก่า ๆ ไว้แล้ว กลุ่มเหล่านี้ก็ยังต้องการคืนทุน ดังนั้น เราต้องดูนโยบายบริหารจัดการในระยะยาวด้วย” แหล่งข่าวกล่าว
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ส.อ.ท.-หอการค้าประสานเสียง ขอรัฐบาลใหม่อำนาจเต็ม
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net