โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ทุกคะแนนเลือกตั้งปี 69 คือ “ต้นทุนชีวิต” คิดให้ดีรับเศรษฐกิจปีม้าลุยไฟ การเงินปีหน้าจะทำไงให้รอด

Thairath Money

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ภาพไฮไลต์

กระแสที่ใครๆ ก็จับตามองตอนนี้คือ การเลือกตั้งใหญ่ปี 2569 หลายคนหวังว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนเศรษฐกิจไทยที่ซบเซาให้ดีขึ้น ถ้า… รัฐบาลมีเสถียรภาพและโครงการต่างๆ เดินหน้าได้อย่างเต็มที่ แต่ยังมีหลายคนที่มองว่า การเมืองอาจไม่ได้ทำให้ชีวิต หรือการเงินของเราดีขึ้น

วันนี้ Thairath Money อยากชวนมาเจาะลึก 2 เหตุผลว่าทำไมการเมืองถึงเป็นเรื่องปากท้อง และเราต้องคิดให้ดีก่อนเข้าคูหาเลือกคนมาทำงาน!

1. การเมืองทำให้คนไทย "รวย" หรือ "จน" ได้?

ทุกวันนี้อะไรๆ ก็หมุนด้วยเงิน การพัฒนาประเทศไทยก็ใช้เงินมหาศาล หนึ่งในเงินทุนที่ขับเคลื่อนประเทศคือ งบประมาณของภาครัฐ แต่หลายปีมานี้เรามักได้ยินคำว่า เศรษฐกิจชะลอตัวจากการเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้าของภาครัฐ สาเหตุหนึ่งก็มาจากไทยต้องเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน (ปี 2567 - 2568) ทำให้เกิดภาวะ "สุญญากาศทางการเมือง"

ปัญหานี้ไม่ได้กระทบแค่การเบิกจ่ายในประเทศ แต่ทำให้ภาพลักษณ์และทิศทางการพัฒนาประเทศดูไม่แน่นอน เงินทุนต่างชาติ นักลงทุนก็ชะงักและลังเลกันมาตลอดว่า ควรจะทำเงินมาลงทุนในไทยไหม?

จากภาพใหญ่นี้ ลองคิดดูว่าเงินไม่หมุนไป ภาคเอกชนไม่เห็นว่าเศรษฐกิจจะโต แล้วใครจะลงทุนเพิ่ม หรือที่เตรียมจะจ้างพนักงานเพิ่มก็ต้องหยุดไว้ก่อน การผลิตสินค้าก็ต้องลดลงเพราะไม่รู้จะขายได้ไหม เรียกว่าพนักงานหรือลูกจ้างในหลายธุรกิจก็อาจมีรายได้น้อยลง หรือเพิ่มไม่ทันกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ภาครัฐมีบทบาทสำคัญกับการดูแลค่าครองชีพ เพราะไม่ว่าจะราคาอาหาร ของใช้ การเดินทาง ไปจนถึงค่าน้ำ ค่าไฟ ที่บางอย่าง “แพง” จากความไม่โปร่งใสที่เกิดขึ้น

2. ปัญหาเชิงโครงสร้าง: ระเบิดเวลาหนี้ครัวเรือนไทย

เมื่อคนไม่รู้ว่าอนาคตจะมีรายได้ไหม แต่ชีวิตต้องกินใช้ บางคนจึงเลือกกู้เงิน ขอสินเชื่อมาใช้ชีวิต จนเกิดวงจรหนี้เรื้อรัง และตอนนี้ก็กลายเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ไทยยังแก้ไม่ได้เสียที

นี่คืออีกพิษร้ายที่มาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ รายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพสูง และสะท้อนออกมาในผลสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยว่า ปี 2568 ครัวเรือนไทยกว่า 95.1% มีภาระหนี้สิน และมีหนี้เฉลี่ยสูงถึง 740,596.94 บาทต่อครัวเรือน เพิ่มขึ้น 22% จากปีที่ผ่านมา (เดิมเฉลี่ย 600,000 บาท)ส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต รองลงมาคือหนี้บ้าน (สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) และยานพาหนะ อาจเรียกว่า คนจำนวนมาก “ทำงานเพื่อจ่ายหนี้” ไม่ใช่เพื่อสร้างชีวิต

ความเปราะบางเหล่านี้หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องมากว่า 10 ปี โดยมีสัดส่วนสูงกว่า 80% ของ GDP ดังนั้นสิ่งที่จะแก้ปัญหานี้ได้ คือ นโยบายที่ชัดเจนจากภาครัฐจะต้องมีแนวทางแก้ไขที่ยั่งยืน ทำได้จริง

เศรษฐกิจไทยดี คนย่อมมองเห็นอนาคตว่าพรุ่งนี้ยังหาเงินได้ การจับจ่ายใช้สอยก็จะตามมา ดังนั้นการเลือกตั้งในปีหน้านี้ถือเป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของไทยว่าจะก้าวไปข้างหน้า หรือ ชะงักอยู่กลางทางเหมือนหลายปีที่ผ่านมา

รัฐอาจแก้ปัญหาไม่ทันใจ

ปี 2569 “อยากรอด” ต้องวางแผนยังไง

ภาครัฐจะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างของไทย อาจต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ยิ่งปี 2568 มีเหตุการณ์ใหญ่มากมายทั้งแผ่นดินไหวเมื่อเดือน มี.ค. ไปจนถึงน้ำท่วมในหลายจังหวัด แม้บางคนคาดการณ์ไว้แล้วว่าน้ำจะมา แต่เมื่อเจอมวลน้ำใหญ่ก็ทำให้ชีวิตต้องชะงักไป จะออกไปหารายได้ก็ไม่ไหว รอเงินช่วยเหลือจากรัฐก็อาจไม่ทันการ เราจึงต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

1. เงินฉุกเฉิน

นี่เป็นโอกาสให้เราเช็กลิสต์ว่า เงินฉุกเฉิน ที่เตรียมไว้เพียงพอไหม ตามทฤษฎีส่วนใหญ่แนะนำว่าต้องมี 3 - 6 เดือน ของเงินค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน เช่น ใช้จ่ายทั้งครอบครัว 40,000 บาทต่อเดือน สูตรเดิมอาจต้องเตรียมเงินไว้ 120,000 - 240,000 บาท ถ้าใครลองดูแล้วเงินสำรองก้อนเดิมไม่พอ ก็อาจวางแผนเก็บเงินเพิ่มให้เพียงพอกับสิ่งที่เราต้องใช้จริงเมื่อเกิดวิกฤต

2. จัดการหนี้ ก่อนคิดเรื่องลงทุน

หลายคนคิดว่า ต้องลงทุน ชีวิตถึงจะบวกๆ แต่ลองคิดให้ดี ถ้าเราแบ่งเงิน 100 บาทไปลงทุน ได้ผลตอบแทน 10% ต่อปี แต่ภาพรวมชีวิตเรามีหนี้ดอกเบี้ย 16% ต่อปี เราก็ขาดทุนไปเรียบร้อยแล้วดังนั้นก่อนลงทุน อาจเลือกเคลียร์หนี้ก่อน เพราะการมีหนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ถ้าเราแยกออกว่า อันไหนคือ หนี้จำเป็น หรือ หนี้ฟุ่มเฟือย เมื่อเรารวบรวมข้อมูลมา คิด วิเคราะห์ทุกมุมแล้ว ค่อยมาคิดต่อว่าจะจัดการยังไงดี

เช่น มีหนี้บัตรเครดิตที่อัตราดอกเบี้ย 16% ต่อปี, สินเชื่อบ้าน 4% ต่อปี สำหรับบ้านที่ใช้อยู่อาศัย เราต้องผ่อนตามงวดต่อไป (ไม่งั้นจะโดนแบงก์ยึด) และควรแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปเคลียร์ปิดหนี้ดอกเบี้ยสูงก่อน เราอาจเข้าไปคุยกับเจ้าหนี้ ว่า สามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ไหม หรือ จะปรับแผนผ่อนชำระลดดอกเบี้ยลงยังไงได้บ้าง

3. Upskill - สร้างรายได้มากกว่า 1 ทาง (ถ้าเป็นไปได้)

โลกเปลี่ยนไว บริษัทก็หวังได้งานจากเรามากขึ้น ดังนั้น การเพิ่มทักษะ หรือความสามารถใหม่ๆ ไว้ก็อาจทำให้เรามีโอกาสรักษางานประจำที่มีอยู่ ขณะเดียวกันอาจกลายเป็นช่องทางหาเงินใหม่ๆ กลายเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้ให้เราในระยะยาว

ในยุคนี้ มีของที่ทำให้เราอยากใช้เงินมากขึ้นเราก็อาจต้องหารายได้มากขึ้นเพื่อให้ทันสิ่งที่เราต้องการ

การเงินดี ไม่ได้แปลว่าเราต้องมีเงินมหาศาล แต่เราจะจัดสรรเงินแต่ละส่วนอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของเราทั้งในวันนี้ และอนาคต

อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ทุกคะแนนเลือกตั้งปี 69 คือ “ต้นทุนชีวิต” คิดให้ดีรับเศรษฐกิจปีม้าลุยไฟ การเงินปีหน้าจะทำไงให้รอด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...