10 ข่าวร้าย – ข่าวดีความยั่งยืนปี 68 ผ่านอะไรร้าย ๆ มาบ้าง ปี 69 จะดีขึ้นหรือไม่?
ข่าวร้าย 10 อันดับ ที่ทำลายล้างมวลมนุษยชาติ มีอะไรบ้าง
อันดับ 1 วิกฤติโลกเดือดรุนแรงขึ้นขั้นวิกฤติ (SDG 13)
ร้อนหนาวสุดขั้ว และระเบิดฝนกระหน่ำหนัก ความล้มเหลวในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทำให้โลกประสบกับอุณหภูมิที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว มีรายงานว่าอุณหภูมิโลกเฉลี่ยได้พุ่งเกิน 1.5 องศาไปแล้ว มีผู้เสียชีวิตจากคลื่นความร้อน ความหนาวเย็นสุดขั้ว และภัยพิบัติต่าง ๆ เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
อันดับ 2 ความหิวโหยและความไม่มั่นคงทางอาหารเพิ่มขึ้น (SDG 2)
ความอดอยากกลับสู่จุดเดิม ตัวเลขผู้ประสบภาวะขาดแคลนอาหารเพิ่มขึ้น มีสาเหตุหลักจากความขัดแย้งและสงครามในหลายพื้นที่ ภัยพิบัติทางภูมิอากาศสุดขั้วทั้งน้ำมาก น้ำแล้ง สารเคมีตกค้างใต้ดิน และวิกฤติพลาสติกปนเปื้อน ทำให้ความไม่มั่นคงทางอาหารกลับไปสู่วิกฤติอีกครั้ง
อันดับ 3 ความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมมีมากขึ้น (SDG 10)
พลังของประเทศมหาอำนาจ มีอิทธิพลเหนือประเทศขนาดเล็กที่กำลังพัฒนา ทำให้ประเทศเล็กยากจนลง ขณะที่ประเทศยักษ์ใหญ่ที่ได้เปรียบร่ำรวยขึ้น ในแต่ละประเทศผู้มีอำนาจ มีอิทธิพล มีเงินต่างร่ำรวยขึ้น คนยากจนยากลำบากยากจนลง ถ่างช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน จนประชาชนทนไม่ไหวลุกขึ้นมาสร้างการเปลี่ยนแปลงการปกครองในหลายประเทศ
อันดับ 4 วิกฤติหนี้สิน และแหล่งทุนสีเขียวโตไม่ทัน (SDG 17)
ประเทศกำลังพัฒนากำลังเผชิญกับภาระหนี้สินที่สูงลิ่ว ทำให้ต้องจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้ แทนที่จะนำไปลงทุนในโครงการสำคัญด้านการศึกษา สุขภาพ และการรับมือกับการเปลี่ยน
แปลงสภาพภูมิอากาศ แหล่งทุนสีเขียวมีน้อยเกินไป
อันดับ 5 การทำลายล้างระบบนิเวศทั้งบนบก และในทะเลขยายวงอย่างรวดเร็ว (SDG 14 & SDG 15)
การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ระบบนิเวศ ป่าไม้ ใต้ทะเลถูกทำลาย เป็นปัญหาใหญ่ ดัชนีความเสี่ยงของสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ยังคงชี้ไปในทิศทางที่ถดถอย ขณะที่สุขภาพของมหาสมุทรเลวร้ายลงเนื่องจากอุณหภูมิที่สูงขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลายลงมามากขึ้น กระแสน้ำอุ่นน้ำเย็นผิดปกติ มลพิษปนเปื้อนในน้ำ และขยะพลาสติก รวมถึงการประมงเกินขนาด
อันดับ 6 การเข้าถึงน้ำสะอาดและสุขาภิบาลที่ไม่ดีพอ (SDG 6)
ประชากรโลกหลายพันล้านคนยังไม่สามารถเข้าถึงน้ำดื่มสะอาด และระบบสุขาภิบาล รวมถึงแหล่งน้ำทั่วโลกสกปรกมากขึ้น ด้วยของเสียจากอุตสาหกรรม สารเคมีจากเกษตรกรรม และขยะพลาสติกปนเปื้อน แถมปีนี้ AI ยังมาแย่งน้ำอีกด้วย
อันดับ 7 การชะงักงันและผันผวนของเศรษฐกิจทั่วโลก (SDG 8)
ตลาดแรงงานเปราะบาง การจ้างงานทั่วโลกแปรผันตามเศรษฐกิจ และการเข้ามาแทนที่ของ AI ทำให้ผู้คนตกงานจำนวนมาก ผนวกกับการผันผวนของระบบภาษีทรัมป์ ทำให้ธุรกิจขนาดกลางขนาดเล็กกำลังล่มสลาย สวนทางกับธุรกิจสีเทา
อันดับ 8 ความขัดแย้ง และภัยสงครามระอุทั่วโลก (SDG 16)
สงครามที่ยืดเยื้อ ความเปราะบางทางภูมิรัฐศาสตร์ และความขัดแย้งเป็นอุปสรรคให้หลายประเทศไม่สามารถมุ่งเน้นการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ เสรีภาพสื่อมวลชนเสื่อมถอย สะท้อนถึงการขาดความโปร่งใสและธรรมาภิบาล รวมทั้งการทุจริตคอร์รัปชัน และอิทธิพลของธุรกิจสีเทาขยายวงขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่สื่อที่เคยเป็นกลาง หลายสำนักก็เปลี่ยนไปตามอำนาจเงิน
อันดับ 9 การถดถอยของคุณภาพการศึกษา (SDG 4)
การเรียนรู้เรื่องความยั่งยืนยังไม่อยู่ในกระแสหลัก หลักสูตรที่เกี่ยวกับ SDG ที่สร้างคนให้เป็นประชากรโลกในศตวรรษที่ 21 ที่ต้องเข้าใจเรื่องการปลดปล่อยคาร์บอน การใช้ชีวิตคาร์บอนต่ำไม่เกิน 2 ตันต่อคนต่อปี และความสำคัญของ SDG ทั้ง 17 ข้อยังไม่ได้บูรณาการเข้าไปในสถานศึกษา และบางทีการใช้ AI ก็ทำให้เราไม่ต้องคิด และในระยะยาวอาจจะทำให้เราโง่ลง
อันดับ 10 พลาสติกสร้างปัญหาตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ (SDG 12 )
พลาสติกยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของโลก แม้จะมีนวัตกรรมต่าง ๆ และขบวนการ reuse recycle ที่ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ทันการ แถมผู้บริโภคยังไม่ตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พลาสติกจะใช้เวลาในการย่อยสลายหลายร้อยปี และผิวอนูที่หลุดออกไปเป็นไมโครพลาสติกจะกลับเข้าสู่วงจรชีวิต วงจรอาหาร กลับมาทำร้ายเรา ก่อให้เกิดโรคร้ายใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยเจอ
ในประเทศไทย ข่าวร้าย5 เรื่องใหญ่ ที่เป็นวิกฤติของประเทศ ได้แก่ 1. ภัยพิบัติที่เกิดจากภาวะโลกเดือด ทำลายล้างชุมชนทั่วประเทศ 2. ความเสื่อมถอยของระบบธรรมาภิบาล ทุกอย่างเป็นสีเทา และเทาเข้มขึ้นเรื่อย ๆ ขบวนการยุติธรรมเสื่อมถอยสองมาตรฐาน ผนวกกับวิกฤติทุจริต ประพฤติมิชอบขยายวงทุกวงการ 3. การไม่เอาจริงกับการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก เรายังคงปล่อยให้ทุกคน ทุกองค์กรปล่อยคาร์บอนกันอย่างเสรี ไม่เอาจริง ไม่มีมาตรการเด็ดขาด ไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบ 4. เศรษฐกิจตกต่ำ หนี้สินครัวเรือนที่พุ่งสูง ซ้ำเติมด้วยภัยพิบัติ สร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้นในสังคม เพิ่มความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ 5. วิกฤติภาวะผู้นำด้านความยั่งยืน ถึงแม้เราเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศบ่อยครั้ง แต่แทบไม่มีผู้นำคนใดประกาศเอาจริงเรื่องความยั่งยืนเลยสักคน ทำให้เหล่าข้าราชการไม่เอาจริงตามไปด้วย แม้ผู้นำภาคธุรกิจจะพยายามเพียงใดก็เป็นเพียงแค่ส่วนเล็ก ๆ ในสังคม เรายังคงรอผู้นำ ที่ประกาศเอาจริงกับความยั่งยืน
โดยสรุปแล้วเราถูกถาโถมด้วยข่าวร้ายตลอดทั้งปี แม้จะมีความพยายามเพียงใดในปีที่ผ่านมา แต่โลกของเรากำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนกำลังห่างไกลจากเส้นชัยปี 2030 อย่างน่าเป็นห่วง
เราฟังแต่ข่าวร้ายซ้ำไปซ้ำมาตลอดทั้งปี 68 ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดี
นี่คือ 10 ข่าวดี ที่เสียงไม่ดัง ด้านยั่งยืนในปี 2568
1. ไฟฟ้าเปลี่ยนไป สะอาดขึ้นเรื่อย ๆ (SDG 7) กว่า 90% ของประชากรโลก สามารถเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าได้แล้ว ที่สำคัญพลังงานที่เกิดขึ้นใหม่ในปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่เป็นโครงการพลังงานสะอาด พลังงานทางเลือก ถือเป็นเทรนด์ใหม่
2. เทคโนโลยี และ AI สร้างความก้าวหน้าให้ SDG (SDG 9) ปีนี้ AI มาแรง ผู้คนทั่วโลกใช้งานได้อย่างก้าวกระโดดช่วยงาน SDG ทุกข้อ เชื่อมโยงผู้คนหลายพันล้านคนเข้ากับโอกาสทางการศึกษา การทำงาน และเศรษฐกิจดิจิทัล
3. เด็กอัลฟา และเบต้า มีการศึกษาดีขึ้น (SDG 4) เด็กด้อยโอกาสได้เข้าสู่ระบบโรงเรียนมากขึ้น และอัตราการเรียนจบในทุกระดับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเหลื่อมล้ำทางเพศในการศึกษา เด็กผู้หญิงได้เรียนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
4.สตรีมีบทบาทด้านการพัฒนาเพิ่มขึ้น (SDG 5) ปัจจุบันสตรีครองที่นั่งในรัฐสภาทั่วโลก 27% เป็นสัญญาณบวกของการมีส่วนร่วมในการพัฒนาที่ยั่งยืนและการตัดสินใจทางการเมือง รวมถึง CEO หญิงในภาคธุรกิจก็มีมากขึ้นเช่นกัน
5.ระบบสาธารณสุขทั่วโลกดีขึ้นแบบก้าวกระโดด (SDG 3) อัตราการเสียชีวิตของทารกแรกเกิดลดลงมาก สุขภาวะของแม่และเด็กดีขึ้น การติดเชื้อ HIV รายใหม่ลดลงมาก การป้องกันมาลาเรียมีประสิทธิภาพ โรคอุบัติใหม่มีวัคซีนควบคุมได้รวดเร็วขึ้น และผู้คนทั่วโลกมีคุณภาพชีวิต และสุขภาวะดีขึ้น
6.Gen Z ชุดแรกเริ่มเข้าสู่ระบบแรงงานเต็มรูปแบบ (SDG 8) คนเจนนี้แม้จะสร้างความปวดหัวให้เหล่า HR แต่พวกเขากำลังช่วยองค์กรต่าง ๆ เร่งเครื่องความยั่งยืน เพราะมันกระทบอนาคตของพวกเขารวมถึงน้องอัลฟา เบต้าที่จะตามมา
7.ความร่วมมือระดับโลกที่เข้มแข็งในการขับเคลื่อน SDGs (SDG 17) 190 ใน 193 ประเทศสมาชิก UN ได้นำเสนอแผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน (Voluntary National Review - VNR) สะท้อนถึงความมุ่งมั่นระดับนโยบายของรัฐบาลทั่วโลก
8.ข้อตกลงเพื่อคุ้มครองความหลากหลายทางทะเลที่มีผลบังคับใช้ (SDG 14) มีการให้สัตยาบัน ข้อตกลงว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพนอกเขตอำนาจศาลแห่งชาติ (BBNJ Agreement) ในปี 2025 เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้รัฐสามารถปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลได้อย่างยั่งยืน และอนุรักษ์แหล่งอาหารที่สำคัญที่สุดของมนุษย์
9.คุณภาพข้อมูลเพื่อการพัฒนาที่ดีขึ้น (SDG 17) ระบบข้อมูลและสถิติเกี่ยวกับ SDG มีคุณภาพแม่นยำ ทำให้ประเทศต่าง ๆ สามารถร่วมมือทำงาน ติดตาม วัดผลความก้าวหน้าของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพ
10.การเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน (SDG 12) ธุรกิจขนาดใหญ่ทั่วโลกได้ใส่ความยั่งยืน ESG เข้าไปเป็นมาตรฐานการดำเนินธุรกิจแล้ว ไม่ทำไม่ได้ มีกฎระเบียบและกลไกคอยตรวจสอบดูแล ปีที่ผ่านมา บริษัทขนาดกลาง ขนาดเล็ก SME ที่เป็น Supply Chain ของบริษัทใหญ่ ๆ ต้องปรับตัวให้ได้มาตรฐานเดียวกัน การปรับตัวขององค์กรธุรกิจทั่วโลกน่าจะเป็นข่าวดีที่สุดที่จะทำให้โลกของเราดีขึ้น เราจะมีสินค้า และบริการให้คนหลายพันล้านคนใช้ โดยไม่ทำร้ายโลก เราจะใช้ทรัพยากรน้อยลง ใช้แบบหมุนเวียน เพื่อเหลือไว้ให้ลูกหลานของเรามีใช้ในอนาคต และหวังว่าภาคธุรกิจจะเร่งการปลดปล่อยคาร์บอนให้เหลือศูนย์ในเร็ววัน
ข่าวดีเหล่านี้ โดนข่าวร้ายกลบไปตลอดปี แต่เรายังมีความหวัง ในปี 2569 เราต้องคิดบวก รีบทำสิ่งดี ๆ เพื่อรักษาโลกใบนี้ไว้.