โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

21ม.ค.ชี้ชะตา ‘ภูมิธรรม-ทวี’ สว.เคาะ2ปปช.

ไทยโพสต์

อัพเดต 25 ธันวาคม 2568 เวลา 4.06 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ศาลรัฐธรรมนูญนัดยื่นคำแถลงปิดคดี 6 ม.ค. ก่อนแถลงคำวินิจฉัย 21 ม.ค. หลังไต่สวนพยาน 6 ปากเสร็จสิ้น “ภูมิธรรม” โล่งให้ปากคำ ย้ำทำทุกอย่างในคดีฮั้ว สว.ตามหน้าที่ จากนี้ขึ้นอยู่กับศาลตัดสิน "วุฒิสภา" ไฟเขียว “สุชาติ-มนูภาน” นั่ง ป.ป.ช. เคาะตั้ง กมธ.สอบประวัติ 2 ว่าที่ กกต.

ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ศาลรัฐธรรมนูญนัดพยานและผู้เกี่ยวข้อง ที่ประกอบด้วย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา (สว.), นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, ร.ต.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เดินทางมาศาลตามนัด ที่กำหนดให้มีการไต่สวนพยานบุคคล ในเวลา 10.30 น.

ในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของ สว.ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 42 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซงหรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือก สว. อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยก อำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสองสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่

ต่อมา คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแถลงว่า ได้ไต่สวนพยาน 6 ปาก ในคดีดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแจ้งให้คู่กรณียื่นคำแถลงปิดคดีเป็นหนังสือภายในวันที่ 6 ม.ค.69 หากไม่ยื่นทันเวลา ถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญจึงนัดแถลงผลการพิจารณาด้วยวาจา ในวันที่ 21 ม.ค.69 เวลา 09.30 น. และนัดฟังคำวินิจฉัยในวันเดียวกัน ในเวลา 15.00 น.

ขณะที่นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า การชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอะไร เราได้บันทึกเอกสารส่งครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้เป็นการสอบถามเพิ่มเติม ซึ่งได้ชี้แจงว่าบทบาทหน้าที่ของเราอยู่ตรงไหน และพูดถึงข้อเท็จจริงในการปฏิบัติ เชื่อว่าตนเองบริสุทธิ์ ทำหน้าที่ในสิ่งที่ควรทำในฐานะประธานกรรมการบอร์ดดีเอสไอ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ

เมื่อถามถึงเหตุผลในการเปลี่ยนวาระการประชุมครั้งที่สอง และมีการพิจารณามาตรา 21 (1) และ (2) นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ได้ชี้แจงว่าในการประชุมครั้งที่สอง มีการพูดคุยและเห็นว่าเพื่อให้มีความรอบคอบมากขึ้น จึงให้ส่งไปที่อนุกรรมการฯ พิจารณา ทั้งนี้ตนไม่ได้เห็นรายละเอียด แต่อยู่ในเอกสารที่รายงานไปแล้ว

“ผมสบายใจตั้งแต่ก่อนที่จะมาให้ถ้อยคำแล้ว เพราะมันไม่มีอะไร เราก็ทำหน้าที่ของเรา จากนี้ก็อยู่ที่ศาลท่านจะวินิจฉัย” นายภูมิธรรมระบุ

เมื่อถามย้ำว่า คดีทุจริตเลือก สว.ยังเป็นอำนาจที่ดีเอสไอจะดำเนินการได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เป็นอำนาจหน้าที่ของแต่ละฝ่าย โดยที่ไม่ไปก้าวก่ายอำนาจของกันและกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ และประชาชน ได้นำดอกไม้มามอบเพื่อให้กำลังใจกับนายภูมิธรรมและ พ.ต.อ.ทวี

ด้าน พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สว. กล่าวว่า คนดีต้องอยู่ในสังคม ส่วนหลักฐานที่ดีเอสไอกล่าวอ้างนั้นมีความแน่นหนาพอหรือไม่นั้น เป็นเรื่องการพิจารณาของศาล

เมื่อถามว่า สรุปแล้วคดีฮั้ว สว.เป็นอำนาจการพิจารณาของดีเอสไอใช่หรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ใครมีอำนาจหน้าที่อะไรก็ทำไป

ส่วนที่ปรากฏเส้นเงิน 300 ล้านที่เชื่อมโยง ได้มีการชี้แจงกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนชุดที่ 26 ซึ่งเป็นความร่วมมือของดีเอสไอกับ กกต.แล้วหรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า อยู่ที่ศาลจะพิจารณา

เมื่อถามว่า ดีเอสไอและ กกต.ได้แจ้งข้อกล่าวหากับท่านแล้วหรือไม่ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษกล่าวว่า ชุดคณะที่ 26 ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปครั้งหนึ่งแล้ว สำหรับความความคืบหน้าในคดี ต้องไปถาม กกต.

ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา สมัยวิสามัญ ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาวาระเรื่องด่วนคือ ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 2 คน ตามที่คณะกรรรมการสรรหาเสนอชื่อ คือ นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางบก แทนนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ กกต. ที่พ้นวาระ และเสนอชื่อนายมณฑล สุดประเสริฐ อดีตอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง แทนนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ กกต.ที่พ้นวาระ

ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง จำนวน 15 คน อาทิ นายกมล รอดคล้าย, นางกัลยา ใหญ่ประสาน, น.ส.รัชนีกร ทองทิพย์, นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย, พล.ต.ท.วันไชย เอกพรพิชญ์, นายอมรศักดิ์ กิจธนานันท์, น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน เป็นต้น โดยมีกำหนดเวลาการดำเนินงาน 60 วัน

จากนั้นพิจารณาเรื่องด่วนให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 2 คน คือ นายสุชาติ สุนทรีเกษม อดีตผู้พิพากษาศาลอาญา แทนนายวัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. และนายมนูภาน ยศธแสนย์ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา แทนนางสุวณา สุวรรณจูฑะ หลังจากที่คณะกรรมาธิการสามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ที่มี ล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. เป็นประธาน กมธ.ได้พิจารณาแล้วเสร็จ

โดยที่ประชุมได้ใช้เวลาพิจารณารายงานตรวจสอบประวัติเป็นการลับกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะกลับมาพิจารณาลงมติด้วยการออกเสียงลงคะแนนเป็นการลับ โดยผลการลงมติ ของนายสุชาติได้รับคะแนนเสียงเห็นด้วย 150 คะแนน ถือว่าได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ สว. จึงถือว่าที่ประชุมให้ความเห็นชอบเป็น ป.ป.ช.

ขณะที่การลงมติของนายมนูภานได้รับคะแนนเสียงเห็นด้วย 162 เสียง ถือว่าได้คะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของ สว. จึงถือว่าที่ประชุมให้ความเห็นชอบเป็น ป.ป.ช.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...