‘ชัยธวัช’ ยัน อยากทำให้สังคมไทยมีฉันทามติร่วมใหม่ หาจุดตรงกลาง
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ที่สนามหญ้า ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร พรรคประชาชน จัดกิจกรรม “ปิกนิกพรรคประชาชนพบประชาชน” โดย นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวตอบคำถามประชาชนที่มาร่วมในงานถึงบทเรียนของพรรคประชาชนหลังทำบันทึกความเข้าใจ MOA (เอ็มโอเอ) กับพรรคภูมิใจไทย กระทั่งเกิดเหตุการณ์ยุบสภาที่ผ่านมา ว่า ไม่รู้ตอบตรงคำถามหรือไม่ แต่อาจไม่ได้ตอบเรื่องหมาหางด้วน บทเรียนคงจะมีหลายเรื่อง คิดว่ามันทำให้เรานอกจากเรื่องการตัดสินใจทางการเมืองของพรรคประชาชนในอนาคต ที่จะทำอย่างไรไม่ผิดพลาด หรือทำให้ผู้สนับสนุน ประชาชนที่ให้เสียงเรามา สูญเสียความไว้วางใจ คงตอบแทนนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคปชน. , นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ไม่ได้ คงต้องคุยกันต่อ
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ , นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน. , นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล , นายชัยธวัช ตุลาธน อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล , นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคปชน. , นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล อดีตประธานวิปฝ่ายค้าน และ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นต้น
นายชัยธวัช กล่าวว่า คิดว่ามันเห็นถึงข้อจำกัดในทางการเมืองในปัจจุบันว่า ในฐานะที่เราอยากผลักให้สังคมเปลี่ยนแปลงไปข้างหน้า มีข้อจำกัดมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไร คิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2568 มันก็สะท้อน เชื่อว่าตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล มา พรรคประชาชน มีสิ่งหนึ่งที่เราอยากทำให้เกิดขึ้น โดยภาพรวมหลังรัฐประหาร 2 ครั้งคือว่า เราอยากให้สังคมไทยมีฉันทามติขึ้นมาชุดใหม่ แม้เห็นไม่ตรงกันซักเรื่อง หรือความคิดทางการเมืองคนละเฉดกัน แต่สุดท้ายหลังผ่านความขัดแย้งขนาดนี้ น่าจะหาจุดตรงกลางที่พอจะยอมรับร่วมกันได้
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า ถ้าในทางการเมือง อาจกำลังพูดถึง กฎกติกาทางการเมืองที่พอจะยอมรับร่วมกันได้ ในกติกาเดียวกัน ที่ไม่มีใครได้ทั้งหมด ไม่มีใครเสียทั้งหมด แต่คิดว่าสัญญาณที่เกิดขึ้นเมื่อ 11 ธ.ค. 2568 อาจเป็นการส่งสัญญาณว่า มีพลังทางการเมือง หรือพลังทางสังคมของเดิม ของเก่า ที่ยังหวาดระแวงกับการเปลี่ยนแปลง หรือไม่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลง แข็งตัวมากในระดับที่ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว
“เรื่องนี้ทำให้เกิดโจทย์ว่า เอ๊ะ ความเป็นไปได้ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ ที่พอจะอยู่ร่วมกันได้ มันเป็นไปได้ หรือเป็นไปไม่ได้ หรือถ้าเป็นไปได้ต้องใช้ราคาแค่ไหน ในการจ่ายร่วมกัน อันนี้ผมไม่เป็นบทเรียน เป็นโจทย์ขึ้นมาในใจ อาจต่อยอด เพราะฟัง นายธนาธร เคยพูดเรื่อง Grand Compromise (แกรนด์ คอมโพมิด) มันหมายความว่าอย่างไร ไปอย่างไรต่อ” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า อยากมาฟังความรู้สึกของพวกเรา ที่เดินทางร่วมกันมาว่า รู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงอยากฟังทั้งข้อท้วงติง ข้อวิพากษ์วิจารณ์ การตัดสินใจทางการเมืองที่ผ่านมา ที่มีการถกเถียงกันเยอะ หลายคนมาอาจบอกว่า แม้อาจไม่เห็นด้วย หรือเห็นด้วย และมองว่าพรรคไม่ได้ตัดสินใจผิดอะไร แต่ก็อยากจะฟัง แม้จะไม่ได้เป็นผู้บริหารพรรคปัจจุบันแล้ว