‘วันนอร์’ เปรียบรัฐธรรมนูญ เหมือนคนแก่อายุ 93 ปีที่น่าสงสาร มองถูกทำลายฉีกซ้ำจากกลุ่มอำนาจ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 ธ.ค. ที่รัฐสภา นายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันรัฐธรรมนูญ 2568 “รัฐธรรมนูญของประชาชน” พร้อมกล่าวปาฐกถาภายใต้หัวข้อ “93 ปี วันรัฐธรรมนูญ: อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของรัฐธรรมนูญไทย”
โดยนายวันมูฮัมหมัดนอร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งวันนี้รัฐสภามีการประชุมเพื่อแก้ไข และจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งอาจจะเรียกว่า ปี 2569, 2570 หรือ 2571 ก็ยังไม่แน่นอน เนื่องจากปี พ.ศ. ที่ใช้ต่อเมื่อมีพระบรมราชโองการประกาศราชกิจจานุเบกษา ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่อย่างไรก็ตามถือเป็นวันสำคัญ ซึ่งตรงกับวันรัฐธรรมนูญ รัฐสภากำลังแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งจะเกิดขึ้นใหม่
อย่างไรก็ตาม ตนเห็นผู้ที่มาฟังการเสวนาในครั้งนี้จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สนใจรัฐธรรมนูญ เป็นนิสิต นักศึกษา ทำให้ตนย้อนหลังเมื่อประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา ปี 2517 ซึ่งกำลังร่างรัฐธรรมนูญในสมัยนายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกฯ และหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เป็นประธานสภานิติบัญญัติ ตนขอย้อนเล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่า ตนเป็นผู้ที่สนใจ และมีความปรารถนาจะมาฟังการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนิสิตปริญญาโท ซึ่งตั้งคำถามกับตัวเองว่าวันใดวันหนึ่งจะได้เข้ามานั่งในสภา แต่บางทีเราฝันไว้ก่อน และฝันนั้นอาจเป็นความจริงได้ เพราะใน 5 ปีต่อมา ตนสมัครเป็น สส. และได้รับการเลือกตั้งเข้ามานั่งในสภาตั้งแต่ปี 2522 จนกระทั่งวันนี้มานั่งเป็นประธานรัฐสภา เพื่อมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคาดว่าการประชุมในวันนี้คงไม่จบโดยง่ายอาจจะถึงเที่ยงคืน
นายวันมูฮัมหมัดนอร์ กล่าวว่า ขอให้รัฐธรรมนูญที่ร่างอย่าไปแท้งปลายทาง จะต้องได้รับความเห็นชอบในวาระ 3 เพื่อที่จะสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งคิดว่าจะต้องดีกว่าเดิม ดีกว่าที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นจะไปแก้ไขทำไม
ประธานสภายังกล่าวถึงวีดิทัศน์ช่วงหนึ่งที่ประธานสภาได้ทูลเกล้าฯ ถวายรัฐธรรมนูญเพื่อให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงลงพระปรมาภิไธย แต่คงไม่มีโอกาสจะได้ทูลเกล้าฯ ถวายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะนายกฯ เขาจะประกาศยุบสภาแล้ว คงต้องเป็นประธานสภาคนใหม่ แต่จะเป็นใครก็แล้วแต่ ขอให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุดกับประชาชน และเป็นฉบับที่ถาวรไม่มีการฉีกทำลายอีกแล้ว
นายวันมูฮัมหมัดนอร์ กล่าวอีกว่า 93 ปีของรัฐธรรมนูญไทยที่เกิดขึ้น ถ้าเปรียบเป็นคนอายุ 93 ปี คงจะชราภาพพอสมควร แต่ยังมีชีวิตอยู่ได้ แสดงว่าคนนั้นมีบุญ แต่หากตนเป็นลูกหลานของคนอายุ 93 ปี และเปรียบเหมือนกับรัฐธรรมนูญ ตนสงสารคนอายุ 93 ปีนี้มาก เพราะ 93 ปีของรัฐธรรมนูญถูกกระทำซ้ำซาก ถูกจับมาฉีกทิ้งและร่างใหม่ พอร่างใหม่ก็บอกรัฐธรรมนูญไม่ดี แต่ความจริงคนฉีกนั้นไม่ดี เพราะฉะนั้น 93 ปี เป็นความชอกช้ำของรัฐธรรมนูญและประชาชนคนที่ใช้รัฐธรรมนูญเป็นอย่างมากขณะเดียวกัน สิ่งสำคัญที่สุดทำไมถึงต้องมีวันรัฐธรรมนูญ เพราะเรามีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุด หรือกติกาสูงสุดในการบริหารจัดการประเทศนั้นๆ ความจริงแล้วการที่เราฉลองรัฐธรรมนูญนั้นสำคัญอย่างยิ่ง แต่กลับไม่ขลัง แม้ว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดแต่ก็ถูกฉีกทิ้ง และรัฐธรรมนูญปี 2560 ยังดีที่ยังไม่มีการปฏิวัติ และมีร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยรัฐสภา
ปัจจุบันได้มีรัฐธรรมนูญมาแล้ว 20 ฉบับ แต่มีรัฐธรรมนูญที่ร่างโดยประชาชน มีเพียง 4-5 ฉบับที่เหลือที่เกิดขึ้นจากผู้มีอำนาจกระทำการรัฐประหาร และแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองไว้ ทำลายอำนาจประชาชน และเอาอำนาจตัวเองเข้ามาบริหาร สร้างรัฐธรรมนูญขึ้นมาเพื่อเป็นเกราะกำบังไม่ให้ตัวเองผิด หรือนิรโทษกรรม ซึ่งกฎหมายที่ออกมาประชาชนก็มีสิทธิ และอำนาจที่น้อยเต็มที
ประธานสภา กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ที่เป็นตัวหนังสือลายลักษณ์อักษร แต่จริงๆ แล้วรัฐธรรมนูญไม่ได้สำคัญอยู่ตรงที่ตัวหนังสือรัฐธรรมนูญ แต่ความสำคัญคือจิตวิญญาณ แห่งความเป็นประชาธิปไตย ที่จะมาใช้สิทธิ ใช้เสียง ในการมีส่วนร่วมบริหารประเทศ ถือเป็นอำนาจในการบริหารที่ต้องมาจากประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
รัฐธรรมนูญมอบอำนาจให้ประชาชน กลับไม่ได้อยู่ในมือประชาชน แต่อยู่ในมือของคณะปฏิวัติคณะใดคณะหนึ่งมาตลอด อยู่ในมือของผู้มีอำนาจมากกว่าระยะเวลาที่ประชาชนใช้ ซึ่งอนาคตอันใกล้นี้ เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้ามาแทนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ตนอยากให้ตั้งจิตอธิษฐาน ว่าควรจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้าย ตนอายุ 81 ปี เจอรัฐธรรมนูญมา 20 ฉบับ ไม่เห็นว่าจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใดที่แก้ไขแล้วจะดีที่สุด เพราะฉะนั้นขอให้ประชาชนคนไทย ซึ่งได้เห็นรัฐธรรมนูญมา 93 ปี ในปีที่ 94 ขอให้ได้รัฐธรรมนูญในฉบับถาวรจริงๆ หากจะมีการแก้ไขก็แก้ไขในสิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่การฉีกทิ้ง แล้วเริ่มรัฐธรรมนูญใหม่ ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชน อำนาจการบริหารประเทศและประชาธิปไตยอยู่ที่มือประชาชน
นายวันมูฮัมมัดนอร์ กล่าวว่า การรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นถ้าประชาชนไม่ยินยอม การพูดในวันนี้ไม่ได้พูดสิ่งที่ผ่านมา แต่พูดในอนาคตว่าต่อไปอย่ายินยอมอีกเลย คนรุ่นเราควรจะหมดการปฏิวัติ รัฐประหารได้แล้ว หมดยุคที่เรายอมให้ผู้ปฏิวัติมาบริหารประเทศ เราควรจะปกครองด้วยมือของประชาชน เมื่อรัฐธรรมนูญมีข้อบกพร่อง คนบริหารมีข้อบกพร่อง เราเปลี่ยนรัฐบาลได้ เปลี่ยนคณะบริหารได้เลือก สส. ทุก 4 ปี เปลี่ยนแปลงโดยระบอบประชาธิปไตย อย่างที่นานาอารยประเทศทำกัน ที่ผ่านมามีการปฏิวัติเอารถถังมาลงถนน ประชาชนกลับเอาดอกไม้ไปมอบให้คนที่อยู่บนรถถัง หากเห็นสภาไม่ดี รัฐบาลไม่ดี ก็เปลี่ยนแปลงได้ แต่การที่เอาดอกไม้ไปมอบให้รถถัง มันเป็นการทำลายศักดิ์ศรี เกียรติยศแห่งความเป็นมนุษย์ในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งควรจะหมดยุคนี้ได้แล้ว
นายวันมูฮัมหมัดนอร์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่กินได้ และให้ความเป็นธรรมกับความหลากหลายประชาชน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน การกระจายอำนาจ การศึกษา สิทธิการครอบครองที่ดิน รัฐธรรมนูญที่สร้างขึ้นมาจะต้องทำให้มีเสถียรภาพ โดยจะต้องผ่านความเห็นจากประชามติของประชาชน ไม่ให้เกิดความหมิ่นเหม่ ไม่ให้เกิดการยึดอำนาจจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และหากมีข้อบกพร่องต้องแก้ไข ต้องไม่มีการแย่งอำนาจเกิดขึ้นแล้วทำลายซึ่งกันและกัน
“นี่คือสิ่งที่ตนอยากพูด คือ 93 ปีที่เรามีรัฐธรรมนูญเหมือนผู้สูงอายุที่ถูกบ่อนแซะทำลาย เกียรติยศ ศักดิ์ศรีของความเป็นรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด รัฐธรรมนูญไทย 93 ปี ไม่เคยมีชีวิตที่นอนตายตาหลับ ถูกต่อว่า ถูกฉีกทำลาย รัฐธรรมนูญจะดีอย่างไรก็ตามถ้าประชาชนไม่เข้าใจ ไม่ซาบซึ้ง ไม่รัก และหวงแหนในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย” ประธานสภา กล่าว
นายวันมูฮัมหมัดนอร์ กล่าวอีกว่า ไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะดีอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าประชาชนไม่หวง ไม่รัก จะมีคนมาทำลายเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญจะอยู่ได้ยาวนานมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณการรักษาประชาธิปไตยของประชาชน การสร้างจิตวิญญาณรักประชาธิปไตยของประชาชนนั้น ต้องสร้างจากครอบครัว วัฒนธรรมประชาธิปไตย วัฒนธรรม ซื้อสิทธิขายเสียงจะหายไป หากดูๆ แล้วในวันนี้มีคนที่เคยทำลายประชาธิปไตยไปปลุกประชาชน บอกว่าการปกครองไม่ดี ทำร้ายประชาธิปไตย กลับพูดถึงเรื่องเดิมอีก เพื่อทำให้ยุยงการยึดอำนาจการปกครอง แต่มีคนกลุ่มหนึ่ง คนซ้ำๆ เดิมๆ พยายามจะปลุกวิญญาณประชาชน ว่าสภาคนไม่ดี ประชาธิปไตยกินไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องทำลาย และถ้าทำลายไม่สิ้นสุดอย่างนี้แล้วเมื่อไหร่เราจะเป็นประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ