โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

[รีวิว] X-Men : Dark Phoenix – ไม่ได้แย่แค่ขาดเสน่ห์แบบหนัง X-เม็น

BT Beartai

อัพเดต 06 มิ.ย. 2562 เวลา 05.03 น. • เผยแพร่ 05 มิ.ย. 2562 เวลา 20.16 น.
[รีวิว] X-Men : Dark Phoenix – ไม่ได้แย่แค่ขาดเสน่ห์แบบหนัง X-เม็น

เมื่อเหล่าเอ็กซ์เม็นได้รับภารกิจช่วยชีวิตนักบินอวกาศได้เกิดเพลิงสุริยะในขณะทำการกู้ภัยเป็นผลให้ จีน เกรย์ (โซเฟีย เทอร์เนอร์) ดูดซับพลังงานมหาศาลไว้ในตัวเธอ แต่ผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อพลังดังกล่าวอาจเป็นภัยต่อทุกชีวิตบนโลก จนชาร์ลส์ เซเวียร์ (เจมส์ แม็คอวอย)และทีมเอ็กซ์เม็นต้องหาทางหยุดจีนไม่ให้ก่อวันโลกาวินาศจากพลังของเธอเอง นอกจากนี้โลกยังต้องเผชิญภัยร้ายจากต่างดาวนำโดย วุค (เจสสิกา แชสเทน) ที่หวังใช้พลังของจีนในการล้างบางโลกอีกด้วย 

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

ว่ากันที่ตัวโปรเจ็คต์ Dark Phoenix เองก็ไม่ต่างจากนกฟีนิกซ์ที่ดับแล้วเกิดใหม่เท่าใดนัก เพราะหลังประกาศสร้างในปี 2016 (3 สัปดาห์ก่อนภาค Apocalypse ออกฉาย) หนังก็ต้องเผชิญกับอภิมหากาพย์การถ่ายซ่อมจนเลื่อนวันฉายกันมาถึง 3 ครั้ง จนกระทั่งได้เข้าฉายจริงในสัปดาห์นี้ โดยหนังหยิบยกเหตุการณ์จาก The Dark Phoenix Saga ใน X-Men เล่มที่ 150 ซึ่งถือเป็นอีเวนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดมาดัดแปลงเป็นบทหนัง และแม้ว่าเราจะได้เห็นจีน เกรย์กลายร่างเป็นฟีนิกซ์กันมาแล้วบนจอทั้ง X-Men The Last Stand ในปี 2006 หรือจะเป็นตอนท้ายของ X-Men Apocalypse (2016) แต่ Dark Phoenix จะเป็นครั้งแรกที่หนังจะไปโฟกัสที่พลังด้านมืดของจีน เกรย์และการรับมือของเธออย่างจริงจังเพื่อให้เห็นทั้งด้านมืดของพลังและความเปราะบางของจิตใจเด็กสาวที่มีอดีตอันเลวร้าย ซึ่งหนังได้ ไซมอน คินเบิร์ก ที่เคยเขียนบทหนังเอ็กซ์เม็นมาตั้งแต่ภาค The Last Stand ยัน Apocalypse (ยกเว้นภาค First Class ที่ผู้กำกับ แมตธิว วอห์น เขียนเอง) มาประเดิมงานกำกับครั้งแรกและยังเขียนบทหนังภาคนี้เช่นเคย

 

จุดเด่นของบทหนังคงหนีไม่พ้นการพยายามพาเรากลับไปสำรวจชีวิตของจีน เกรย์ ตั้งแต่วัยเด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับชาร์ลส์ เซเวียร์ ที่เริ่มจากการพยายามปกป้องจิตใจของฝ่ายหลังจนเกิดผลลัพธ์อันเลวร้ายตามมาได้เป็นอย่างดี ซีนที่ประทับใจหนีไม่พ้นซีนที่ชาร์ลส์ ยืนปากกาให้ จีน เป็นของขวัญพร้อมบอกเธอว่า เธอจะใช้ปากกาเขียนหนังสือหรือเป็นอาวุธก็ได้ ยังไงมันก็เป็นปากกา เป็นของขวัญไม่ต่างจากพลังของเธอ ซึ่งบทหนังส่วนนี้เขียนได้ชาญฉลาดมาก แต่น่าเสียดายที่ซีนดีๆมันดันหมดลงทันทีหลัง จีน เกรย์ กลายเป็นผู้ใหญ่ เพราะตัวบทหนังได้สร้างรูโหว่ไว้เพียบแถมยังไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยจีน เกรย์  หรือกระทั่งทำไมเหล่าเอ็กซ์เมนต้องปกป้องจีนด้วย รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่าง จีน กับ ไซคลอปส์ ที่หนังเองยังวางไว้ได้ไม่ดีพอเราเลยไม่ค่อยซึ้งหรืออินกับความสัมพันธ์ทั้งคู่นัก หรือแม้กระทั่งพลังคอสมิกของจีน เกรย์ ก็ดันไม่ได้เล่าอะไรไปมากกว่าฉากปล่อยลำแสงเฮ้ากวงออกมาซัดศัตรูให้ติดกำแพง ซึ่งเอาเข้าจริงในเวอร์ชั่นคอมิกคือมีพลังถึงขั้นบิดมิติเวลาด้วยซ้ำ

นอกจากนี้แต่ละคาแรกเตอร์นำจากหนังภาคเก่ายังถูกบอกเล่าได้อย่างงงวย อย่าง ชาร์ลส์ เซเวียร์ ที่คราวนี้เปิดเรื่องมาก็ใช้อำนาจสั่งการให้เอ็กซ์เม็นออกนอกโลกไปช่วยคนในภารกิจอันตราย พอจีนรับพลังกลับมาก็ดันมาสำนึกผิดทีหลังเหมือนคนเป็นไบโพลาร์ไม่เหลือเค้าศาสตราจารย์ที่ชาญฉลาดและมีเมตตาไว้เท่าใดนัก หรือจะเป็นแม็กนีโต ที่หนังให้ข้อมูลค่ายรวมเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ของเขาน้อยไปหน่อย ทั้งที่มันถูกใช้เป็นสนามรบในฉากใหญ่ของเรื่อง รวมถึงเหล่าตัวละครสมทบที่ไม่ได้ขับเคลื่อนเรื่องราวเท่าที่ควร โดยเฉพาะการพูดถึงปัญหาการเมืองร่วมสมัยที่สามารถหยิบจับเหตุการณ์ต่างๆมาเป็นวัตถุดิบชั้นดีได้สบาย ซึ่งตรงนี้แหละที่บทหนังของไซมอน คินเบิร์ก หลงลืมหัวใจของการเป็นหนังอิงการเมืองซึ่งเข้มข้นมากในหนัง 2 ภาคแรกตั้งแต่ปี 2000 รวมถึงการบอกเล่าตัวละครสมทบให้มีความน่าสนใจ มีเลือดมีเนื้อมากกว่านี้ก็จะทำให้บทหนังมีความสมบูรณ์มากกว่าการพยายามยัดบทสรุปสำเร็จรูปให้หนังตามที่ปรากฎ

แต่ใช่ว่านี่จะเป็นหนัง เอ็กซ์เม็น ภาคที่แย่อะไรนะครับ ตรงกันข้ามหนังอุดมไปด้วยฉากแอ็คชั่นน่าจดจำมากมาย โดยเฉพาะองก์สุดท้ายบนรถไฟที่หนังทำออกมาตื่นเต้นดีมาก หรือจะเป็นดนตรีประกอบที่ได้ ฮานส์ ซิมเมอร์ มาทำเพลงให้จนได้สกอร์ที่ทรงพลังมากๆ ในด้านนักแสดงคงต้องยอมรับว่าหากมองที่รูปลักษณ์ภายนอกการเลือกโซเฟีย เทอร์เนอร์ มารับบทนำอาจเป็นการตัดสินใจที่ดีในแง่การทำตลาด แต่กลับขาดเสน่ห์บนจออย่างรุนแรง ยิ่งเรื่องราวของจีน เกรย์ ไม่ได้ประเด็นรักสามเศร้าเหมือนหนังเรื่องก่อนๆ ก็ทำให้จีน เกรย์ดูเป็นตัวละครหลักลอยถูกจูงจมูกง่ายเวอร์   ซึ่งใครคิดจะดู Dark Phoenix อาจต้องทำใจกันสักนิดเรื่องการแสดง การเล่าเรื่อง แต่ถ้าพูดถึงฉากแอ็คชั่น รับรองมันส์..หายห่วงครับ

 

แชร์โพสนี้

[รีวิว] X-Men : Dark Phoenix – ไม่ได้แย่แค่ขาดเสน่ห์แบบหนัง X-เม็น
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...