3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"
ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งประวัติศาสตร์! ไทย-จีน-เมียนมา จับมือลุยพื้นที่สีเทาชายแดน ทุบทำลายตึกบัญชาการแก๊งสแกมเมอร์ในตำนานอย่าง "KK Park" และ "ชเวก๊กโก" จนราบเป็นหน้ากลอง ส่งผลกลุ่มมิจฉาชีพไร้ที่กบดาน ก่อนถูกรวบตัวเตรียมส่งกลับจีนนับไม่ถ้วน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 15 ธันวาคม 2568 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย ศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. พร้อมด้วย นายหลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ ได้ลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อผนึกกำลังกับทางการเมียนมา ในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติครั้งใหญ่ที่สุด
เปิดภาพการ "ทลายรัง" สแกมเมอร์ - ตึกหรูสู่ซากปรักหักพัง จุดสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ คือการที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของเมียนมา ได้นำคณะทำงานของไทยและจีน เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายหลัก 2 แห่ง ได้แก่ KK Park และ ชเวก๊กโก ฐานบัญชาการใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกลวงคนทั่วโลก
จากการลงพื้นที่พบว่า อาคารตึกสูงและสำนักงานที่เคยเป็นแหล่งกบดานของเหล่าสแกมเมอร์ ได้ถูกทุบทำลายทิ้งอย่างถาวร สภาพปัจจุบันเหลือเพียงความว่างเปล่าและซากอาคาร ยืนยันให้เห็นถึงความร่วมมือ และความจริงจังในการ "ตัดรากถอนโคน" ไม่ให้เหลือสถานที่สำหรับตั้งฐานปฏิบัติการหลอกลวงประชาชนได้อีกต่อไป ส่งผลให้กลุ่มจีนเทาและลูกจ้างสแกมเมอร์แตกฮือ ไม่สามารถทำการหลอกลวงคนในหลายประเทศได้อีกต่อไป
ต่อมาเวลา 14.20 น. ณ ห้องประชุมสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 ฝั่งเมียนมา ได้มีการประชุมไตรภาคีร่วมกันระหว่าง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. และคณะ (ผู้แทนประเทศไทย) ,พล.ต.ต.มิน ไทก์ เมียว (Min Htike Myo) รองผู้บัญชาการตำรวจเมียนมา และคณะ (ผู้แทนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา) และนายหลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะ (ผู้แทนสาธารณรัฐประชาชนจีน) โดยได้ข้อสรุปมาตรการขั้นเด็ดขาด
ซึ่งประเทศไทย จะใช้กลไกของศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (Anti Cyber Scam Center : ACSC) เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน นอกจากนี้ยังมีการเสนอตั้งคณะทำงานร่วม (Joint Task Force) เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล/พยานหลักฐานเพื่อขยายผลเครือข่ายร่วมกัน ภายใน 24 ชั่วโมง โดย เน้นย้ำหลักการ "อาชญากรรมไร้พรมแดน การปราบปรามต้องไร้พรมแดน" จะต้องร่วมมือแบบไร้ข้อจำกัดและรวดเร็ว โดยจะยังคงนโยบายประสานงานร่วมกันในการตัดวงจรปัจจัยพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้า, สัญญาณอินเตอร์เน็ต ของกลุ่มอาชญากรในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังตกลงกันที่จะให้ความร่วมมือด้านการอำนวยความสะดวก และลดขั้นตอน เรื่องการส่งตัวกลุ่มชาวต่างชาติที่หลบหนีออกจากเมียนมากลับประเทศ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว, ลดภาระเจ้าหน้าที่ฝั่งไทย และ เพื่อความปลอดภัยของชาวต่างชาติ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย
ผลพวงจากการทุบทำลายตึกและฐานที่มั่น ทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีนจำนวนมากที่พยายามหลบหนีออกจากพื้นที่ KK Park และ ชเวก๊กโก ถูกเจ้าหน้าที่เมียนมาจับกุมตัวได้ในที่สุด โดย นายหลิวจงอี้ และคณะ ได้เดินทางไปตรวจสอบ "ห้องกักตัว" ในเมืองเมียวดี ซึ่งปัจจุบันเต็มไปด้วยผู้ต้องหาชาวจีน โดยทั้งหมดถูกควบคุมตัวไว้ เพื่อรอขั้นตอนการส่งตัวกลับไปดำเนินคดีตามกฎหมายที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือเป็นจุดจบของขบวนการต้มตุ๋นข้ามชาติที่สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยและคนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน
ความร่วมมือระหว่างประเทศในครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า พื้นที่ชายแดนจะไม่ใช่ "เซฟโซน" ของอาชญากรอีกต่อไป เมื่อ 3 ประเทศร่วมมือกันจนมีผลเป็นรูปธรรมดังกล่าว