ดีอี เตือนภัย ปชช. เตรียมรับมือ แฉ 4 เทรนด์สแกมเมอร์ ปี 69
ดีอี เตือนภัย ปชช. เตรียมรับมือ แฉ 4 เทรนด์สแกมเมอร์ ปี 69
เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และโฆษกกระทรวงดีอี เปิดเผยว่า ตามนโยบายการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ สแกมเมอร์ ของนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เน้นให้ความสำคัญกับการสร้างความตระหนักรู้เท่าทันภัยออนไลน์ การหลอกลวงของมิจฉาชีพ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบความเสียหายจากสแกมเมอร์ที่เกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้มากที่สุด
ทั้งนี้ จากข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) หรือ ศูนย์ AOC 1441 พบว่า ผู้เสียหายจากสแกมเมอร์ เป็นวัยทำงานที่อายุระหว่าง 20-49 ปี มากที่สุด ซึ่งมีจำนวนคดี 223,300 เคส รองลงมาเป็นกลุ่มอายุระหว่าง 50-64 ปี จำนวน 53,265 เคส โดยแนวโน้มวิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพในปัจจุบันที่พบมากที่สุด มี 4 รูปแบบดังนี้
1. การส่งข้อความ SMS/LINE ปลอมแนบลิงก์ เร่งรัดให้ชำระหนี้ ค่าปรับ
โดยอ้างหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ดูแลเรื่องสาธารณูปโภค เช่น กปน. กปภ. กฟภ. ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันนี้หน่วยงานของรัฐ ไม่มีการส่ง SMS /ข้อความ/อีเมล ที่มีการแนบลิงก์แล้ว โดยขอเตือนว่าอย่ากดลิงก์ที่แนบมากับข้อความโดยเด็ดขาด เพราะมิจฉาชีพอาจติดตั้งแอปฯ ขโมยข้อมูลส่วนบุคคล เลขบัญชีธนาคาร หรือลักลอบโอนเงินออกจากบัญชีของผู้ที่หลงเชื่อได้
2. การหลอกลวงปลอมเสียงโทรศัพท์/วิดีโอปลอม ด้วยเทคโนโลยี AI (Deepfake Call)
วิธีการนี้เป็นการปรับรูปแบบของมิจฉาชีพในการใช้เทคโนโลยี AI ปลอมเสียงเป็นญาติหรือคนรู้จัก หลอกลวงยืมเงิน ให้โอนเงินช่วยเหลือด่วน หรือสร้างวีดีโอปลอม เพื่อข่มขู่หลอกลวงเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ อ้างว่าผู้เสียหายพัวพันกับบัญชีม้า คดีฟอกเงิน ก่อนให้โอนเงินเพื่อเคลียร์คดี ซึ่ง AI สามารถปลอมเสียงและภาพได้เหมือนจริง
ดังนั้น เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ดังกล่าว ประชาชนควรมีตั้งสติ คิดให้รอบคอบ ต้องสอบถามรายละเอียดเพื่อความมั่นใจ พร้อมทั้งติดต่อหน่วยงานทางการที่เชื่อถือได้เพื่อยืนยันข้อมูลให้แน่ใจ ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน
3. หลอกลวงลงทุนเงินคริปโต/หุ้นดิจิทัล
มิจฉาชีพจะใช้วิธีการหลอกลวงลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล อ้างอิงหน่วยงานการลงทุนที่น่าเชื่อถือ โดยมีข้อเสนอที่น่าสนใจ เพื่อชักจูงให้ลงทุน โดยในระยะแรกได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ก่อนหลอกลวงให้ลงทุนเพิ่มมากขึ้นแล้วยักยอกเงินลงทุนทั้งหมดของผู้เสียหาย
ทั้งนี้ขอเตือนให้ผู้สนใจลงทุน ติดตามข้อมูลการลงทุนจากช่องทางอย่างเป็นทางการของหน่วยงานลงทุนที่น่าเชื่อถือเท่านั้น โดยพบว่าช่องทางที่มิจฉาชีพใช้ส่วนใหญ่จะเป็นช่องทางโซเชียล Facebook TikTok ซึ่งเป็นบัญชีปลอมที่ไม่ใช่ของหน่วยงานทางการ
4. สร้างโปรไฟล์ปลอมในแอพพ์ โซเชียล หลอกหาคู่ / ร้านค้าปลอม / โรงแรมที่พักปลอม
มิจฉาชีพจะสร้างบัญชีตัวตนปลอม โดยในรายของ Romance Scam มักใช้รูปผู้ชาย/ผู้หญิง หน้าตาดี ทำทีตีสนิท ก่อนหลอกให้โอนเงิน ขณะที่ในรายของการหลอกขายสินค้า หรือหลอกให้โอนเงินจองที่พักโรงแรมนั้น มักจะสร้างบัญชีปลอมเลียนแบบบัญชีจริงของร้านค้า หรือโรงแรมที่พัก โดยผู้ที่สนใจซื้อสินค้า จองที่พัก ควรตรวจสอบข้อมูลของโรงแรมที่พัก หรือร้านค้าออนไลน์อย่างละเอียด ก่อนจะโอนเงินหรือแชร์ข้อมูลส่วนบุคคล
สำหรับช่องทางที่ใช้หลอกลวง 4 อันดับแรก พบว่า อันดับ 1. Facebook จำนวน 126,672 เคส มูลค่าความเสียหาย 2,810 ล้านบาท อันดับ 2. Call Center จำนวน 32,000 เคส มูลค่าความเสียหาย 2,660 ล้านบาท อันดับ 3. เว็บไซต์ จำนวน 10,000 เคส มูลค่าความเสียหาย 1,710 ล้านบาท และอันดับ 4. TikTok จำนวน 8,703 เคส มูลค่าความเสียหาย 534 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันภัยออนไลน์ สแกมเมอร์ ขอเตือนประชาชนว่าการให้ข้อมูลส่วนบุคคล การกดลิงก์ หรือติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ที่ไม่ได้มาจากช่องทางอย่างเป็นทางการ อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูล หรือเงินในบัญชีธนาคารได้ โดยขอให้ยึดหลัก “4 ไม่” คือ ไม่กดลิงก์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ และไม่โอน หากพบพฤติกรรมต้องสงสัยหรือถูกหลอกลวงให้ติดต่อศูนย์ AOC 1441 หรือสายด่วน 1111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อระงับและอายัดบัญชีทันที
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดีอี เตือนภัย ปชช. เตรียมรับมือ แฉ 4 เทรนด์สแกมเมอร์ ปี 69
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th