โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

อ่านเลย! เปิด 16 ข้อถ้อยแถลงร่วม GBC ไทย-กัมพูชา

เดลินิวส์

อัพเดต 28 ธันวาคม 2568 เวลา 1.20 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
เปิดเนื้อหา 16 ข้อในถ้อยแถลงร่วมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย - กัมพูชา สมัยพิเศษ กำหนด 2 ฝ่ายหยุดยิง ห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง งดใช้กำลังทุกประเภทต่อพลเรือน หยุดเผยแพร่ข่าวปลอม เพิ่มบทบาทคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน

เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. กระทรวงการต่างประเทศเผยแพร่เนื้อหาถ้อยแถลงร่วมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย - กัมพูชา สมัยพิเศษ ซึ่งรมว.กลาโหมของไทยและกัมพูชาลงนามในวันนี้ (27 ธ.ค.) โดยระบุว่า

ถ้อยแถลงร่วม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรกัมพูชา จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี ราชอาณาจักรไทย - ปรม จังหวัดไพลิน ราชอาณาจักรกัมพูชา 27 ธ.ค. 2568

*******************

การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3 ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัด จันทบุรี ราชอาณาจักรไทย - ปรม จังหวัดไพลิน ราชอาณาจักรกัมพูชา มีพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ราชอาณาจักรไทย และประธานร่วมฝ่ายไทย และพล.อ. เตีย เซ็ยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ราชอาณาจักรกัมพูชา และประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วม โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) เข้าร่วมสังเกตการณ์

ที่ประชุมตระหนักถึงความสำคัญของการหารือเพื่อระงับข้อพิพาทโดยสันติ ในบรรยากาศแห่งความไว้วางใจ ความจริงใจ ความสุจริตใจ ความเป็นธรรม และความเคารพซึ่งกันและกัน ตามวัตถุประสงค์และหลักการ แห่งกฎบัตรสหประชาชาติ กฎบัตรอาเซียน และสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อปูทางไปสู่บทใหม่แห่งสันติภาพและความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

ระลึกถึงถ้อยแถลงประธานอาเซียนของการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษว่าด้วยสถานการณ์ ปัจจุบันระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์

ย้ำความมุ่งมั่นอันหนักแน่นที่จะละเว้นจากการคุกคามหรือการใช้กำลัง การระงับข้อพิพาทโดยสันติ และ การเคารพเขตแดนระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาค บนพื้นฐานแห่งการเคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเสมอภาค บูรณภาพแห่งดินแดน และเอกลักษณ์ประจำชาติของแต่ละประเทศ

ย้ำความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2568 ตลอดจนความ ตกลงอื่นที่ได้บรรลุหลังจากนั้น ความตกลงภายใต้การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปและคณะกรรมาธิการ เขตแดนร่วม และความตกลงทวิภาคีที่มีอยู่ระหว่างกัมพูชากับประเทศไทย อย่างครบถ้วนและมีประสิทธิผล

ยืนยันความตั้งใจร่วมกันที่จะกลับสู่การหารือ โดยต่อยอดความตกลงเดิมและกลไกทวิภาคีที่มีอยู่แล้ว เพื่อยุติ การกระทำอันเป็นปรปักษ์ทุกรูปแบบ และสร้างสันติภาพที่แท้จริงและยั่งยืน พร้อมทั้งยึดมั่นในการเสริมสร้าง ความไว้วางใจและการฟื้นฟูความปกติสุขและสันติภาพที่ถาวรตามแนวชายแดน

ที่ประชุมเห็นชอบต่อความเข้าใจและมาตรการดังต่อไปนี้

I มาตรการลดความตึงเครียด

1. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบในการหยุดยิงทันที ภายหลังเวลาที่ลงนามในถ้อยแถลงร่วมฉบับนี้โดยให้มีผลตั้งแต่ เวลา 12.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 27 ธ.ค.2568 โดยครอบคลุมอาวุธทุกชนิด รวมทั้งทั้งการโจมตี พลเรือน เป้าหมายและโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือน เป้าหมายทางทหารของแต่ละฝ่าย ในทุกกรณีและทุกพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ไม่ได้เกิดจากการยั่วยุ หรือการเคลื่อนพลมุ่งหน้าต่อที่ตั้งหรือกำลังของ อีกฝ่ายหนึ่ง โดยจะต้องไม่ละเมิดข้อตกลงนี้โดยเด็ดขาด

2. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้คงการวางกำลังที่มีอยู่ในพื้นที่ในปัจจุบัน (maintain current troop deployments) โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังที่ตั้งอยู่เพิ่มเติม และจะไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมทั้งการ ลาดตระเวนตรงไปยังที่ตั้งของฝ่ายตรงข้าม

3. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ข้อตกลงตามถ้อยแถลงร่วมฉบับนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อการสำรวจและจัดทำหลัก เขตแดนระหว่างสองประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเสนอเรื่องดังกล่าวให้แก่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Boundary Commission) เพื่อกลับมาดำเนินการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในโอกาสแรก ให้เป็นไป ตามความตกลงที่มีอยู่ระหว่างสองประเทศ เพื่อบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนตลอดแนวชายแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ ร่วมกันให้ใช้กลไกที่มีอยู่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยและสวัสดิภาพของชุด สำรวจร่วมในพื้นที่ปฏิบัติงาน รวมทั้งความปลอดภัยจากทุ่นระเบิด โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบหากคณะกรรมาธิการ เขตแดนร่วมจะจัดให้การสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบที่มีประชาชนอาศัยอยู่ ได้รับการกำหนดความสำคัญเป็นลำดับแรกที่สุด

4. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบให้อนุญาตให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบสามารถกลับสู่ที่ อยู่อาศัยและได้ดำรงชีวิตตามปกติในพื้นที่ในเขตของฝ่ายตนในโอกาสแรก โดยปราศจากอุปสรรค และโดย ปลอดภัยและมีศักดิ์ศรี

5. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะไม่เพิ่มกำลังเข้ามาตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา เนื่องจากการเพิ่ม กำลังจะเป็นการเพิ่มบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างกันมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลกระทบทางลบต่อการแก้ไข สถานการณ์ในระยะยาว

6. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะละเว้นจากการดำเนินการยั่วยุใดๆ ที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการปฏิบัติการทางทหารเพื่อรุกล้ำเขตน่านฟ้า ดินแดน หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ณ เวลาหยุดยิง โดยทั้งสองฝ่าย ตกลงที่จะละเว้นจากการก่อสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหรือการเสริมความมั่นคงของที่ตั้งทาง ทหารล้ำออกไปนอกเขตของฝ่ายตน

7. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ในการงดเว้นการใช้กำลังทุกประเภทต่อพลเรือนและเป้าหมายทางพลเรือน โดยเด็ดขาด ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ชายแดนแล้ว ยังเป็นการละเมิด กฎหมายระหว่างประเทศและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในเวทีระหว่างประเทศของฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง

8. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะงดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอมเพื่อลดความตึงเครียด ลดความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ

9. ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำถึงพันธกรณีของตนภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ สะสม ผลิต และโอน และการ ทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Ottawa Convention) โดยทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติงานร่วมกันผ่านคณะทำงาน ประสานงานร่วม (Joint Coordinating Task Force: JCTF) ด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม โดยเป็นไป ตามมาตรฐานขั้นตอนการปฏิบัติ (Standard Operating Procedures: SOP) ที่ได้ตกลงกัน เพื่อให้การเก็บกู้ ทุ่นระเบิดตลอดแนวชายแดนมีความคืบหน้าโดยเร็ว

10. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันให้ปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือในการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงอาชญากรรมทางไซเบอร์และการค้ามนุษย์ ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติของ กัมพูชาและสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย และได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อป้องกัน การหลอกลวงออนไลน์ การแก้ไขปัญหาการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในทางที่มิชอบ และการส่งเสริมการเผยแพร่ข้อมูล ที่มีความรับผิดชอบและถูกต้อง เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น เสถียรภาพ และความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีระหว่างกัน

11. ตามเจตนารมณ์ของถ้อยแถลงร่วมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ทหารกัมพูชา 18 คน จะถูกส่งคืนกลับให้กัมพูชา ภายหลังจากการหยุดยิงคงอยู่เป็นเวลาต่อเนื่อง 72 ชั่วโมง

II กลไกสำหรับการดำเนินการและการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการลดความตึงเครียด

12. ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงบทบาทที่สำคัญของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Observer Team: AOT) และเห็นพ้องที่จะเพิ่มบทบาทของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียนให้มากยิ่งขึ้น โดยปรึกษาหารือร่วมกับประธาน อาเซียนและคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน เพื่อการตรวจสอบและการยืนยันการดำเนินการตามมาตรการทั้งหมดใน แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้อย่างมีประสิทธิผล

13. เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิผล ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะใช้กลไกหน่วยประสานงาน ชายแดน ไทย–กัมพูชา และ กัมพูชา–ไทย เพื่อดำเนินการให้การหยุดยิงดำรงอยู่อย่างต่อเนื่อง บริหารจัดการ สถานการณ์ในพื้นที่ แก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างทันท่วงที และป้องกันการประเมินผิดพลาด ภายใต้การ สังเกตการณ์และการตรวจสอบของคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน

14. ทั้งสองฝ่ายจะคงไว้ซึ่งช่องทางการสื่อสารโดยตรงและสม่ำเสมอระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์เร่งด่วนที่ไม่อาจแก้ไขได้ใน ระดับพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ หากมีความจำเป็น ผู้แทนระดับสูงของทั้งสองฝ่ายจะพบหารือกันเพื่อแก้ไข ปัญหาในพื้นที่อย่างมีประสิทธิผล

15. คณะทำงานประสานงานร่วมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม (JCTF) จะแจ้งหน่วยงานท้องถิ่นที่ เกี่ยวข้องของฝ่ายตน รวมทั้งคณะทำงานร่วมของอีกฝ่ายหนึ่ง เพื่อให้รับทราบและอำนวยความสะดวกในการ ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ชายแดนที่ได้กำหนดเป็นลำดับความสำคัญตามแผนปฏิบัติการที่ ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างราบรื่นปราศจากอุปสรรคหรือความเข้าใจผิด

16. คณะทำงานที่รับผิดชอบการแถลงข่าวทางการของทั้งสองฝ่ายจะรักษาการสื่อสารโดยตรงและอย่าง สม่ำเสมอ เพื่อป้องกันและจัดการข้อมูลบิดเบือนและข้อมูลเท็จอย่างมีประสิทธิผล ตลอดจนทำให้เกิดความโปร่งใส และความถูกต้องของข่าวสารและรายงานต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้จัดทำขึ้นเป็นต้นฉบับสองฉบับ เป็นภาษาอังกฤษ โดยมีการลงนาม ณ เวลา 10.15 น. เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2568

ฯพณฯ พลเอก เตีย เซ็ยฮา

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา

ฯพณฯ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ประธานร่วมฝ่ายไทย

https://www.mfa.go.th/en/content/joint-statement-3rd-special-gbc-th-cam-271225-en

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...